บทที่ 2

1107 Words
“เสร็จครับ ยังไงก็ต้องเสร็จวันนี้ครับ” ลุงชาญรีบเอ่ยบอก ก่อนจะวิ่งตามอัคคีไปทำงาน “รอลุงสนด้วย ลุงสนมาช่วยแล้วครับ อีกไม่เกินหนึ่งชั่วโมงงานต้องเสร็จเรียบ ร้อยครับ” อัคคีหัวเราะเบาๆ พร้อมกับส่ายหน้าให้กับความแสบของลุงทั้งสอง ซึ่งเป็นตัวป่วนของไร่ธิปรกร่วมทั้งฟาร์มของเขาด้วย แต่ไม่ว่าจะป่วนมากเพียงใด ทั้งลุงสนและลุงชาญก็จงรักภักดีอยู่เสมอ เพราะทำ งานให้กับบิดาของเขามาตั้งแต่เริ่มเป็นหนุ่มแล้ว กระทั่งตอนนี้อายุล่วงเข้าจะห้าสิบปี แต่ลุงๆ ก็ยังคงทำงานอยู่ในไร่ธิปรกโดยไม่คิดย้ายหนีไปไหน “ทำงานครับ ทำงาน เดี๋ยวเย็นนี้จัดชุดใหญ่ไฟกะพริบให้เลยครับ” อัคคีเอ่ยล่อ ทำเอาลุงทั้งสองเบิกตาโตเท่าไข่ห่าน “ชุดใหญ่ไฟกะพริบ” ลุงสนอ้าปากกว้างขณะทำตาโต “รีบเลย ไอ้สน กูอยากกินเหล้าแล้ว” ลุงชาญแย่งจอบมาจากคนงานแล้วยัดใส่มือเพื่อนรัก โดยไม่ลืมแย่งจอบมาจากอัคคีด้วย อัคคียืนเท้าสะเอวหัวเราะร่วน ขณะมองลุงทั้งสองช่วยคนงานทำงานอย่างขยันขันแข็ง ไม่ต้องให้เขาบ่นอีกต่อไป อีกสองชั่วโมงต่อมา การแขวนป้ายชื่อฟาร์มก็เสร็จเรียบร้อย อัคคียืนมองป้ายชื่อฟาร์มของตนด้วยความภาคภูมิใจ โดยมีลุงทั้งสองและคนงานยืนขนาบข้างอยู่ด้วย “เสร็จสักที ฟาร์มของนายไฟ” น้ำเสียงของผู้เป็นเจ้าของฟาร์มเอ่ยออกมาด้วยความภูมิใจยิ่งนัก “กว่าจะปักป้ายเสร็จเล่นเอาเหนื่อยเลย” “ใช่เหนื่อยมาก ขุดหลุมจนเหงื่อหยดติ๋งๆ เลย” ลุงสน ลุงชาญผลัดกันบ่น ทำเอาอัคคีต้องมองค้อนด้วยความหมั่นไส้สุดกำลัง “แหม! พากันบ่นอุบเลยนะลุง เท่าที่ผมสังเกตเห็น ลุงๆ ไม่ค่อยได้ทำงานสักเท่าไร นอกจากพากันโม้จนน้ำลายแตกฟอง” ลุงชาญหัวเราะอยู่ในลำคอ และแทนที่จะสำนึกกับคำเหน็บของอัคคี กลับเอ่ยตอบหน้าตาเฉยว่า “ที่เหนื่อยก็เพราะพูดมากนั่นแหละครับ” “เจ็บคอไหมลุง” “ก็นิดหน่อยครับ แค๊กๆๆ” ลุงชาญทำท่าไอประกอบคำพูดด้วย และอัคคีก็เอ่ยตอบให้ลุงชาญต้องหายจากอาการเจ็บคอเป็นปลิดทิ้ง “อืม...ถ้าเจ็บคอก็คงก๊งเหล้าไม่ได้ เอาเป็นว่าเย็นนี้เรางดรายการก๊งเหล้าก็แล้วกันนะลุงชาญ ลุงสน” ลุงสนร้องโวยวายในทันทีที่ได้ยินคำพูดของอัคคี “เฮ้ย!!! ไม่งด คุณไฟ ไอ้ชาญมันเจ็บคอให้มันงดคนเดียว ส่วนลุงทั้งแข็ง ทั้งแกร่ง เพราะฉะนั้นลุงก็ก๊งเหล้ากับคุณไฟได้เหมือนเดิม” และด้วยกลัวว่าจะไม่ได้ก๊งเหล้า ลุงชาญก็รีบเอ่ยบอก พร้อมกับยกแขนเสื้อขึ้นเพื่อโชว์กล้าม โชว์ความแข็งแกร่งของตนให้เห็นเช่นเดียวกัน “เจ็บคอแค่นิดเดียว ตอนนี้หายแล้ว ลุงแข็งแกร่งเหมือนเหล็กไหล รับรองว่าเย็นนี้ก๊งเหล้าได้สบายๆ หายห่วง” อัคคีส่ายหน้าหัวเราะด้วยความขบขำแกมระอา ถ้าพูดถึงเรื่องน้ำเมา ลุงๆ สู้ตายเสมอ “เสร็จงานแล้ว กลับบ้านกันเถอะครับ ลุงๆ จะได้อาบ เอ้ย! ดื่มเหล้าตามที่เปรี้ยวปากมาตั้งแต่เช้าแล้ว” เอ่ยบอกไปแล้ว อัคคีก็พยักพเยิดให้คนงานเก็บอุปกรณ์ต่างๆ กลับไปที่บ้านของเขา ซึ่งเป็นบ้านหลังใหญ่ที่เขาปรับปรุงซ่อมแซมต่อเติมจากบ้านของลุงหมอประวิทย์ ซึ่งตอนนี้เขาใช้เวลาส่วนมากอยู่ที่ฟาร์ม และในบางวันก็นอนค้างอยู่ที่นี่ โดยไม่ได้กลับไปนอนที่ไร่ธิปรก ลุงสน ลุงชาญ เข้าไปช่วยคนงานเก็บอุปกรณ์คนละไม้คนละมือ พร้อมกับแบกขึ้นบ่าเพื่อเดินกลับบ้านพร้อมกับอัคคี และลุงสนก็เอ่ยถามด้วยความอยากรู้ว่า “ปักป้ายฟาร์มเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณไฟจะให้พ่อเลี้ยง แม่เลี้ยงมาทำพิธีเปิดผ้าแพรเมื่อไรครับ” “อาจจะเป็นสัปดาห์หน้านะครับ” อัคคีเอ่ยบอก ไม่ได้คลายความสงสัยให้กับลุงทั้งสอง จนลุงชาญต้องเป็นฝ่ายเอ่ยถามบ้าง “ทำไมต้องรอสัปดาห์หน้าด้วยละครับ คุณไฟเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ทั้งปักป้ายหน้าฟาร์ม บ้านก็ปรับปรุงเรียบร้อยแล้ว ให้พ่อเลี้ยง แม่เลี้ยงเปิดผ้าแพรพรุ่งนี้เลยครับ ลุงใจร้อน” “ฟังดูดีเหมือนใจร้อนอยากทำงาน แต่จริงๆ แล้วอยากเลี้ยงฉลองใช่ไหม ลุงชาญ” “แหม! เบื่อคนรู้ทัน” ลุงชาญมองค้อนประหลับประเหลือก โดยไม่ลืมพยักหน้ารับคำด้วย “ใช่ครับ ลุงอยากเลี้ยงฉลองเนื่องในพิธีเปิดฟาร์มใหม่ของคุณไฟครับ” “ผมคิดว่าฉลองเนื่องในวันหมั้นของเจ้าเพลิงกับหมามุ่ยก่อนดีไหมครับ” อัคคีเอ่ยบอกยิ้มๆ ขณะพูดถึงอัคนี พี่ชายฝาแฝด ซึ่งจะเข้าพิธีหมั้นกับธีราดาหรือหมามุ่ยในเร็วๆ วันนี้ “คุณเพลิงจะจัดงานหมั้นกับหมามุ่ยหรือครับ” ลุงสนเอ่ยถามเสียงดัง เบิกตาโตกับข่าวดีที่ตนเองเพิ่งรู้ “เมื่อไรครับ คุณเพลิงจะหมั้นกับน้องหมาเมื่อไรครับ” ลุงชาญรีบเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ ตื่นเต้นไม่แพ้กันเมื่อรู้ว่าหลานๆ ที่พวกตนเคยเลี้ยงดูอุ้มชูมาตั้งแต่เล็กจะเข้าพิธีหมั้นแล้ว “พี่เพลิงขอให้พ่อเลี้ยงจัดงานหมั้นในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ครับ” “อีกสองวันข้างหน้า” ลุงสนเอ่ยต่อท้าย จากนั้นก็หันไปพูดกับเพื่อนรัก “ไอ้ชาญ ไม่ได้การแล้ว อีกสองวันคุณเพลิงกับหมามุ่ยก็จะหมั้น พวกเราต้องเข้าเมืองหาซื้อเสื้อผ้าหล่อๆ มาใส่ในวันงาน” “เออ กูเห็นด้วย เสื้อผ้าที่พวกเรามีอยู่ มีแต่เก่าๆ แถมปะตูดปะก้นไปหลายรอบแล้ว เราต้องหาเสื้อผ้าใหม่มาใส่ เอาให้หล่อเฟี้ยวไปเลย” อัคคีอมยิ้มขณะฟังลุงทั้งสองเอ่ยปรึกษากัน และรอดูว่าเมื่อไรหางเลขจะมาตกอยู่ที่เขา และก็เป็นจริงดั่งที่คาดคิด เมื่อได้ยินลุงชาญปรึกษากับเพื่อนรักต่อว่า “ไอ้สน กูลืมไปว่ากูมีเงินติดตัวไม่ถึงสองร้อย กูคงซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ ไม่ได้แน่นอน” “กูก็ไม่ต่างจากมึงสักเท่าไร” ลุงสนเอ่ยบอกตามความเป็นจริง ก่อนจะฉีกยิ้มแป้นให้กับเพื่อนรัก แล้วก็พร้อมใจกันหันมามองและเอ่ยเรียกคนที่กระเป๋าหนักที่สุด “คุณไฟ!!!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD