ปฐมบท

1335 Words
อริสาช้อนตามองคนที่นั่งกินข้าวอยู่ฝั่งตรงข้าม วันนี้ชลธีดูคล้ายมีเรื่องในใจบางอย่างอยากพูดกับเธอ แต่ยังลังเลไม่กล้าพูด หญิงสาวจึงตัดสินใจเป็นฝ่ายถามขึ้นเอง “พี่ครามมีอะไรจะพูดกับทรายรึเปล่า” เธอคิดว่าตนพอจะเดาคำตอบเองได้ แต่ก็ยังอยากได้ยินจากปากของเขาเองมากกว่า ท่าทางแบบนี้ สีหน้าแววตาแบบนี้ คงมีเพียงเรื่องนั้นเรื่องเดียว ซึ่งเธอก็ไม่ใช่คนโลกสวยที่จะคิดเข้าข้างตนเองว่าเขาจะเซอร์ไพรส์เธอด้วยการขอแต่งงานเป็นแน่ ...เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้! ชลธีวางช้อนส้อมลงแล้วยกน้ำขึ้นดื่มจนหมดแก้ว จากนั้นมองหน้าเธอด้วยแววตาเคร่งเครียด เขากระแอมเบา ๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะเริ่มเกริ่นขึ้นว่า “ทรายรู้สึกไหมว่าพักหลังนี้เราสองคนค่อนข้างจะ...เอ่อ...เฉย ๆ ด้วยกันทั้งคู่” อริสาเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับวางช้อนส้อมในมือ แล้วดื่มน้ำบ้าง แต่เธอไม่ได้ดื่มจนหมดแก้วเหมือนเขา ดื่มไปแค่สองสามอึกก็วางแก้วไว้ที่เดิม มุมปากแค่นยิ้มออกมาเล็กน้อย เอ่ยกับตนเองในใจว่า ...เฉยงั้นหรือ วันอาทิตย์ที่ผ่านมายังนอนเอากับเธออยู่เลย บ้าบอ! “แล้ว...” หญิงสาวช้อนตามองเขาเป็นเชิงให้เขาพูดต่อ ชลธีถอนหายใจแผ่วก่อนเอ่ยขึ้นว่า “พี่คิดว่า...เราเลิกกันเถอะ หรือทรายคิดว่าไง คิดว่าเราพอจะไปต่อกันได้ไหม” “ทำไมพี่ครามถึงคิดว่าเรายังจะมีทางไปต่อกันได้อีกล่ะ” อริสาถามไปตามตรง เพราะครึ่งปีหลังมานี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขานับว่ามีแต่ความเฉยชาต่อกันจริง ๆ ทั้งสองคนไม่ได้ควงแขนไปดูภาพยนตร์ หรือดินเนอร์ช่วงวันหยุดด้วยกันนานมากแล้ว แค่นั่งกินข้าวด้วยกันสองคนในบ้านอย่างเช่นตอนนี้ ยังหาเวลาแทบไม่มี อริสากับชลธีเริ่มพูดคุยกันน้อยลง ใช้วันหยุดด้วยกันน้อยลงเพราะต่างคนต่างไปทำสิ่งที่ตนเองชื่นชอบ ทั้งที่เธอกับเขาอาศัยอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน นอนห้องเดียวกัน และร่วมเตียงเดียวกัน แต่กระนั้น กิจกรรมที่ต้องทำร่วมกันบนเตียงตามประสาคู่รักทั่วไปก็ยังดำเนินไปอยู่ หากแต่ไม่ได้บ่อย หรือถี่เหมือนตอนคบหากันปีแรก อริสาเห็นเขาหลุบตาลงมองจานข้าวของตน ไม่รู้เธอตาฝาดหรือคิดไปเองหรือเปล่า ถึงได้เห็นว่าสายตาของเขามีแววเศร้าเจืออยู่เบาบาง แต่มันก็เพียงชั่วครู่เดียวเท่านั้น เพราะตอนเขาเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง สีหน้าของชลธีก็กลับมาเรียบเฉยดังเดิม “ไม่รู้สิ ก็เผื่อว่าเราสองคนอาจจะมีทางแก้ไข หรือปรับตัวจูนเข้าหากันใหม่อีกทีก็ได้” “ทรายว่าอย่าเลย ไม่ไหวก็อย่าฝืน ทรายรู้ว่าพี่เองก็อึดอัด” เธอพูดจบ เขาก็รีบโบกมือปฏิเสธ “ไม่ใช่นะทราย พี่ไม่ได้อึดอัดอะไรเลย พี่ก็แค่...” “พี่คราม เราอยู่ด้วยกันมาสองปีแล้วนะ เจอหน้ากันแทบทุกวัน พี่คิดยังไง รู้สึกยังไง คิดว่าทรายจะไม่รู้หรือ ถึงพี่ไม่พูดออกมาแต่ทรายก็รู้สึกได้” หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางผินหน้ามองไปทางสวนเล็ก ๆ ข้างกำแพงบ้าน ไม้ประดับเหล่านี้เธอกับเขาร่วมกันปลูกตั้งแต่เธอย้ายมาอยู่กับเขาที่บ้านหลังนี้ใหม่ ๆ ตอนนั้นไม่ว่าอะไรก็ล้วนดีไปหมด ราวกับโลกทั้งใบเป็นสีชมพู ชายหนุ่มส่ายหน้าช้า ๆ “พี่ไม่เคยอึดอัด พี่แค่รู้สึกว่าความรู้สึกของพวกเรามันเปลี่ยนไป” อริสานิ่งไปนาน สุดท้ายจึงพยักหน้าอย่างเชื่องช้า “ก็จริงของพี่” หญิงสาวมองอาหารบนโต๊ะ ยิ้มอย่างฝืดเฝื่อน “งั้นนี่ก็เป็นอาหารมื้อสุดท้ายระหว่างเราแล้วน่ะสิ” ชลธียิ้มอย่างฝืน ๆ เช่นกัน “คงไม่หรอก ถึงเราจะเลิกกัน แต่เราก็ยังเป็นเพื่อน หรือเป็นพี่เป็นน้องกันได้นี่นา เราจบกันด้วยดี ไม่ได้ทะเลาะหรือเกลียดกันสักหน่อย” “ทรายถามอะไรพี่เรื่องหนึ่งได้ไหม ขอให้พี่ตอบทรายมาตามตรง อย่าโกหก” หญิงสาวเงยหน้ามองลึกเข้าไปในนัยน์ตาของเขา เพราะเรื่องนี้เธออยากได้ยินคำตอบที่เป็นความจริงเท่านั้น “ได้ พี่สัญญาว่าจะตอบตามความจริง” เขามองตอบกลับมา “พี่ครามมีคนอื่นรึเปล่า” เรื่องนี้เธออดสงสัยไม่ได้จริง ๆ ชลธีจัดว่าเป็นชายหนุ่มที่รูปร่างหน้าตาดี แม้ไม่ถึงกับเรียกว่าหล่อจนสาวต้องเหลียวมอง แต่เขาก็มีเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ชวนให้คนอยากเข้าไปทำความรู้จัก เขาเป็นคนอัธยาศัยดี เพื่อนเยอะ ทั้งยังชอบสังสรรค์ พักหลังมานี้เขาเที่ยวกลางคืนหลังเลิกงานกับเพื่อนบ่อยมาก กลับบ้านดึกเป็นประจำ ส่วนเธอนั้น จากที่เคยนั่งรอเขากลับบ้าน ก็เริ่มกลายเป็นความเคยชิน เขาจะกลับเวลาไหน เมื่อไร เธอไม่ได้สนใจอีกแล้ว “ไม่มี! พี่ไม่เคยมีคนอื่น” เขาตอบอย่างหนักแน่นจริงจัง และเธอเชื่อเขา เพราะถ้าเขาโกหก เขาจะหลบตาเธอ อริสาถอนหายใจอีกครั้ง ลุกขึ้นยืนแล้วรวบช้อนส้อมวางเป็นระเบียบบนจานข้าวของตนพลางเอ่ยว่า “ถ้างั้น...ทรายขอไปเก็บของของทรายก่อน พี่ครามกินต่อได้เลยนะ ทรายอิ่มแล้ว” ชลธีลุกขึ้นคว้าแขนของเธอไว้ “เดี๋ยวสิทราย จะไปวันนี้เลยหรือ” “วันนี้เลยสิ จะอยู่ต่อทำไมล่ะ” หญิงสาวแค่นยิ้ม เขาก็ช่างถามแปลก ในเมื่อเลิกกันแล้วยังจะให้เธออยู่บ้านหลังนี้ต่อไปเพื่ออะไร “แล้วทรายจะไปที่ไหน บอกพี่ได้ไหม” เขายังจับแขนเธอไว้อย่างนั้น หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ดูถามเข้า คราวนี้หญิงสาวหัวเราะออกมาจริง ๆ แล้ว “พี่ครามลืมแล้วรึไงว่าทรายก็มีคอนโดฯ อยู่นะ” ชลธีเลิกคิ้วขึ้นคล้ายเพิ่งนึกขึ้นได้ จึงปล่อยแขนเธอ “เออว่ะ พี่ก็ลืมไปเลย” “เคยจำอะไรได้ที่ไหนล่ะพี่น่ะ” เธออดค่อนขอดใส่เขาไม่ได้ ข้าวของหลายอย่างในบ้านหลังนี้ เธอล้วนเป็นคนเก็บ และจำให้เขา ส่วนเขานั้น แม้กระทั่งกุญแจรถ บางครั้งยังลืมเลยว่าเอาไปวางไว้ที่ไหน ชายหนุ่มทำหน้าเจื่อน แต่อริสาคร้านจะใส่ใจ เดินไปเก็บข้าวของเสื้อผ้าเครื่องใช้ของตนในห้อง และตามที่ต่าง ๆ อยู่ครู่ใหญ่ ผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง หน้าประตูบ้าน นอกจากกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่แล้วก็มีแต่ถุงกระดาษกับถุงพลาสติกอีกหลายใบวางกองรวมกันอยู่ “พี่ช่วยขนขึ้นรถนะ” ชลธีก้าวเท้าจะเดินไปตรงที่หญิงสาววางกระเป๋าสะพายไว้เพราะตั้งใจจะหยิบกุญแจรถมากดปลดล็อก อริสาเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งไปแล้วคว้ากระเป๋าของตนมาถือไว้เองทันที “ขอบคุณนะพี่คราม” เธอตีเนียนยิ้มขอบคุณเขาขณะล้วงหยิบกุญแจขึ้นมากดปลดล็อกรถ ไม่สนใจกับสายตาที่มองมาด้วยความสงสัยกับพฤติกรรมแปลก ๆ ของเธอเมื่อครู่ เธอไม่สนใจหรอกว่าชายหนุ่มจะคิดอย่างไร แต่จะให้เขาเห็นของที่อยู่ในกระเป๋าสะพายไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะในนั้นมีที่ตรวจครรภ์ที่เธอเพิ่งตรวจไปเมื่อเช้าอยู่หนึ่งอัน ซึ่งผลของมันคือ...สองขีด!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD