ไม่มีใครมาเปิดประตู เสียงร้องของพริมาเงียบลงไป แต่เสียงร้องไห้ของทารกยังดังอยู่ อริสาจึงลงมือเคาะอีกครั้ง
“พายเปิดประตูหน่อย เกิดอุบัติเหตุอะไรรึเปล่า ให้เราโทร. แจ้งกู้ภัยให้ไหม”
เธอแสร้งตะโกนไปแบบนั้นเพื่อกดดันคนในห้องให้ขานรับ หรือไม่ก็เปิดประตูให้ จะได้ดูสภาพในห้องว่าเป็นอย่างไร อริสาเป็นห่วงเพื่อนกับหลาน ร่องรอยเขียวช้ำบนใบหน้าของพริมาไม่ใช่การหกล้มแน่นอน แต่เกิดจากการถูกต่อย หรือทุบตี
“ไม่มีอะไร แค่ทำแก้วแตก”
เป็นเสียงผู้ชายที่ตะโกนตอบกลับมา แต่อริสากับชลธีกลับได้ยินเสียงอู้อี้ ๆ ของใครบางคน คล้ายว่าพยายามจะพูดแต่โดนปิดปากเอาไว้
ทั้งสองคนหันมองหน้ากัน และเป็นอริสาที่พูดออกไปว่า
“งั้นให้พายมาเปิดประตูหน่อยได้ไหม มีเรื่องจะคุยกับพาย”
“ก็บอกว่าไม่มีอะไรไงวะ! ฟังไม่รู้เรื่องรึไง จะไปไหนก็ไปเลย อย่ามาเสือกเรื่องชาวบ้าน”
เปรมณัฐตะคอกมาจากในห้อง ทำให้ความอดทนของอริสาหมดลงทันที หญิงสาวถีบประตูดังโครมพร้อมกับตะโกนเสียงดังลั่นไปทั้งชั้น
“กูจะเสือกใครจะทำไม! มึงซ้อมเพื่อนกูใช่ไหมไอ้เปรม มึงปล่อยเพื่อนกับหลานกูออกมาเลยนะไม่งั้นกูจะไปแจ้งความ”
เพื่อนบ้านหลายห้องต่างค่อย ๆ แง้มประตูออกมาดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่อริสากลับไม่สนใจ เพราะนี่เป็นสิ่งที่เธอตั้งใจไว้ให้เป็นแบบนี้ ทุกคนจะได้รู้กันไปว่าเปรมณัฐ ผู้ชายหน้าตาดี ทั้งยังหน้าที่การงานดี เป็นผู้จัดการฝ่ายขายของบริษัทรถยนต์ยี่ห้อดัง แท้จริงแล้วมีสันดานชอบทุบตีภรรยาของตนเอง
“กูบอกว่าไม่ต้องเสือกไงวะ นี่มันเรื่องของผัวเมีย หรือมึงอยากโดนอีกคนใช่ไหมอีทราย!”
เสียงของเปรมณัฐใกล้ประตูเข้ามาทุกที ชลธีจึงรีบดึงอริสาให้ไปยืนอยู่ด้านหลังของตน เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะเปิดประตูมาทำร้ายหญิงสาวเข้า
และเป็นไปตามคาด ทันทีที่ชายเจ้าของห้องเปิดประตูออกมา ก็ยื่นมือทำท่าจะคว้าตัวคนที่ยืนอยู่หน้าประตูเข้าไปในห้อง แต่ชลธีเตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายยื่นมือมาทำท่าจะคว้าตัว เขาก็รีบคว้าคอเสื้อของเปรมณัฐลากออกมานอกห้องแล้วต่อยที่หน้าไปหนึ่งที ท่ามกลางเสียงหวีดร้องของเพื่อนบ้านที่แง้มประตูออกมาสังเกตการณ์
“เก่งแต่กับผู้หญิงนะมึงเนี่ย” ชลธีแค่นเสียงอย่างดูแคลน
“มึงเป็นใครวะ! มาเสือกอะไรด้วย นี่มันเรื่องผัวเมียโว้ย”
เปรมณัฐตะคอกเสียงดังลั่น ครั้นเมื่อหันไปเห็นว่าอริสากำลังถ่ายคลิปตนอยู่จึงทำท่าจะปรี่เข้าไปแย่งโทรศัพท์ของหญิงสาว แต่ติดที่ชลธีขวางเอาไว้
“ต่อให้เป็นผัวเมียแล้วไงวะ ผัวมีสิทธิ์ทำร้ายลูกเมียยังไงก็ได้รึไง”
ชลธีมองเข้าไปในห้องของอีกฝ่าย เห็นเลือดเป็นหย่อม ๆ หยดตามพื้น มีเศษแก้วแตกกระจาย หญิงสาวคนหนึ่งในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิงจนมองไม่เห็นใบหน้า กำลังกอดเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้จ้าไว้แนบอก และคล้ายว่าเด็กจะร้องจนเสียงแหบแล้ว
“พาย!”
อริสาเรียกเพื่อนเสียงอ่อน เมื่อเห็นสภาพของอีกฝ่าย จึงคิดจะเดินเข้าไปในห้องเพื่อพาเพื่อนออกมาจากนรกตรงหน้า แต่ชลธียกมือห้ามไว้ก่อน
“อย่าเพิ่ง พี่ว่าโทร. เรียกตำรวจมาก่อนดีกว่า แล้วก็...” เขายังพูดไม่จบ เปรมณัฐก็ตะคอกขึ้นมา
“มึงโทร. ไปเลย อยากโทร. ก็โทร. ไป ตำรวจเขาไม่รับแจ้งหรอกโว้ย เพราะนี่มันเรื่องผัวเมีย กูนี่แหละที่จะแจ้งความมึงข้อหาทำร้ายร่างกาย”
เปรมณัฐชี้หน้าชลธีอย่างคาดโทษ แต่ไม่กล้าเข้าใกล้ชายหนุ่มมากนัก เพราะอีกฝ่ายหมัดหนักใช่เล่น
“กูจะแจ้งให้หมดเลย ทั้งตำรวจ ทั้งกู้ภัย มูลนิธิปวีณา จะเอาคลิปไปลงด้วยว่าผัวเลว ๆ ที่มันชอบซ้อมเมียน่ะหน้าตามันเป็นไง คราวนี้มึงได้ดังไปทั้งโซเชียลแน่”
อริสาโต้กลับไปทันที เพราะเข้าใจดีว่าเรื่องผัวเมียตีกันแบบนี้ ตำรวจไม่ค่อยรับแจ้งความ
ต้องให้มีคนตายก่อนกระมัง ถึงจะยอมรับแจ้ง
อริสาเดินออกจากด้านหลังของชลธีเพื่อจะเข้าไปในห้อง แต่ชลธีจับแขนไว้แล้วเตือนเสียงเบาว่า
“ไม่ต้องถอดรองเท้านะ ในห้องมีเศษแก้ว เดี๋ยวจะโดนบาดเอา พี่ว่าหยิบรองเท้าไปให้เพื่อนเราด้วยก็ดี”
แม้ปากเขาจะพูดกับอริสา แต่สายตายังคงจับจ้องเปรมณัฐแทบไม่กะพริบ ทั้งยังเดินเข้าหาอีกฝ่ายเพื่อกดดันให้ถอยออกไปจากหน้าห้อง จะได้ไม่ต้องมายืนคุกคามสองแม่ลูกที่อริสากำลังจะพาออกมา
อริสาปรี่เข้าไปหาพริมาทันทีพร้อมกับวางรองเท้าเอาไว้ให้ใส่กันเศษแก้วที่เกลื่อนอยู่บนพื้น
“ฉันอุ้มน้องพีทให้ก่อน แกรีบจัดการตัวเองเถอะ พอจะลุกไหวไหม เช็ดเลือดซะ!”
อริสาพยายามฝืนข่มความโกรธที่ปะทุขึ้นในอก นอกจากใบหน้าพริมาจะบวมปูด สองตาแทบปิดสนิทแล้ว เลือดกำเดายังไหลเลอะเปรอะเปื้อนลงมาถึงคอเสื้อ
เมื่อเห็นพริมายันกายลุกขึ้นยืนได้แล้ว อริสาจึงพูดกับเพื่อนยาวเหยียดเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
“แกรีบเก็บข้าวของที่จำเป็นทั้งของแก และของลูกเดี๋ยวนี้เลย เอกสารที่สำคัญ เงินทองของมีค่าอะไรขนไปให้หมด ไปอยู่ห้องฉันก่อน รอตำรวจมาแล้วฉันจะพาแกไปอยู่บ้านฉันที่ชลบุรี เพราะแกคงอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว มันตามรังควานแกไม่เลิกแน่”
“แต่ว่า...”
ใบหน้าของพริมาหันมองไปทางหน้าประตู แม้จะไม่เห็นร่างของสามีแล้วเพราะมีชลธียืนคุมเชิงอยู่ อริสาก็รู้ว่าเพื่อนกำลังหวาดกลัวเปรมณัฐอย่างที่สุด
“อยู่กับฉัน แกไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ถ้ามันกล้าบุกห้องฉันจริง ฉันจะเอามีดฟันให้หัวแบะเลยคอยดู” อริสากัดฟันพูดด้วยความชิงชังรังเกียจ
“แต่แกก็ท้องอยู่นะยายทราย ถ้ามันทำอะไรแกจริง ๆ แล้วเกิดแท้งขึ้นมาล่ะ แกจะทำยังไง”
พริมากระซิบเสียงแผ่วให้ได้ยินกันแค่สองคน เมื่อเห็นว่าชลธียืนอยู่หน้าประตูห้อง
“แกคิดว่าคนอย่างอีทรายจะยอมให้ผัวเลว ๆ ของแกมากระทำอยู่ฝ่ายเดียวเหรอ เฮอะ! เรื่องนั้นแกไม่ต้องห่วงเลย ห่วงแต่ตัวเองเถอะ รีบเก็บของเร็วเข้า จะได้ไปอยู่ห้องฉัน ลูกแกร้องจนเสียงแหบหมดแล้วไม่เห็นรึไง”
อริสาลูบหลังเด็กน้อย และส่งเสียงกล่อมเบา ๆ อย่างปลุกปลอบ น้องพีทเริ่มลดเสียงร้องไห้ลง แต่แรงสะอื้นนั้นยังมากอยู่ ทำให้เธอทั้งสงสาร และเวทนาอย่างบอกไม่ถูก
หญิงสาวถอนหายใจแผ่ว ยืนมองเพื่อนเก็บของที่จำเป็นใส่ถุงพลาสติกด้วยความเร่งรีบ เพราะเป็นถุงที่หยิบฉวยได้ง่ายที่สุดแล้ว
นี่กระมังที่เขาว่ากันว่า...มีผัวผิด คิดจนตัวตาย
ตอนนี้เปรมณัฐหลบหน้าหลบตาอยู่แต่ในห้องไม่ยอมเปิดประตู ขณะที่ชลธีก็ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องของอดีตแฟนสาว เพราะไม่วางใจให้ผู้หญิงสองคนกับเด็กน้อยวัยเจ็ดเดือนอยู่ด้วยกันโดยไม่มีตนอยู่ด้วย เขาเกรงว่าหากตนออกไปจากที่นี่แล้ว เปรมณัฐจะต้องเข้าไปหาเรื่องอริสากับพริมาถึงในห้องแน่นอน