ตอนที่ 9.

1523 Words
“ท่านทำให้ข้ากำเนิดก่อนกำหนด” นางภูติตัวจิ๋วเท้าเอวมองหน้าผู้ที่ทำให้ตนเองเกิดก่อนเวลาอันควรด้วยความโมโห พ่อมดคาไลน์นิ่วหน้า “เหตุใดเจ้าพูดเช่นนั้น ข้าแค่หิวเลยเก็บผลไม้กินแก้หิว ไม่คิดว่าเจ้าอยู่ในผลไม้นี้” เขาท้วง “พวกเราเป็นภูติภูเขา เรากำเนิดจากผลของต้นไม้ป่า ผลไม้ทุกผลคือหนึ่งชีวิตที่รอกำเนิด ไม่ใช่ผลไม้ที่ท่านจะเก็บกินได้ตามใจชอบ ดูนั่นสิ ผลไม้ที่ขนาดใหญ่ใกล้กำเนิดมีขนาดใหญ่กว่าผลไม้เช่นข้า ท่านทำให้ข้าต้องกำเนิดมาเป็นภูติแคระเพราะถูกเด็ดออกจากต้นก่อนเวลาโตเต็มที่” นางภูติจิ๋วกล่าวโทษพ่อมดมือบอน ภูติภูเขาล้วนกำเนิดมาจากผลของต้นไม้ป่าในดินแดนคีรินแห่งนี้ กว่าจะโตเต็มวัยกำเนิดเป็นภูติภูเขาได้ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าร้อยปี ผลของต้นไม้ป่าจะมีขนาดใหญ่เท่ามนุษย์ เวลากำเนิดจะหลุดออกจากขั้ว หากผลใดหลุดออกจากขั้วก่อนถึงเวลาโตเต็มที่ก็จะกลายเป็นภูติแคระ ซึ่งโอกาสเกิดเหตุการณ์แบบนั้นแทบไม่มีเลยเพราะไม่มีผู้ใดมือบอนเด็ดผลของต้นไม้ป่าก่อนเวลา พวกภูติภูเขาต่างรู้ดีจึงไม่มีผู้ใดทำ แต่พ่อมดคาไลน์ได้ปลิดผลไม้ออกจากต้นทำให้กำเนิดภูติจิ๋วขึ้นมาโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ “ใครจะไปรู้ว่าผลไม้ที่นี่กินไม่ได้ ถ้าข้าหิวข้าจะกินอะไรได้ เมื่อผลไม้ในดินแดนนี้ล้วนมีชีวิตทั้งสิ้น” พ่อมดหนุ่มเอ่ยถามอย่างใคร่รู้ ขณะมองร่างเล็กจ้อยของนางภูติจิ๋วด้วยแววตาเอ็นดู “พวกเราดื่มน้ำทิพย์จากต้นไม้ทิพย์เป็นอาหาร แล้วท่านเป็นใคร ทำไมถึงเข้ามาในดินแดนคีรินได้” นางภูติจิ๋วขยับปีกโบยบินออกจากอุ้งมือของพ่อมดหนุ่ม บินมาจ้องหน้าของเขาอย่างใคร่รู้ ถึงนางจะเพิ่งกำเนิดใหม่แต่รู้เรื่องดินแดนของตัวเองทั้งหมดโดยไม่ต้องมีใครบอก เป็นสิ่งที่พวกภูติต้นไม้รู้ได้ด้วยตัวเองตั้งแต่แรกกำเนิด “ข้าคือพ่อมดคาไลน์ ข้ามาจากดินแดนแห่งเวทมนตร์” พ่อมดหนุ่มตอบ พลางยกมือหมายจับตัวนางภูติน้อยไว้ แต่นางก็ไวเหลือใจบินหลบเขาพ้น ทำให้คนตั้งใจจับยิ้มเอ็นดู ยื่นมือให้นางลงมาเกาะแทน “พ่อมดเหรอ ข้าไม่เคยรู้จัก แต่ท่านทำให้ข้ากลายเป็นภูติจิ๋ว ท่านต้องรับผิดชอบ”  นางยังไม่ยอมยกโทษให้เขาโดยง่าย ใบหน้าเล็กจิ๋วยังคงบึ้งตึง “รับผิดชอบยังไง บอกข้าสิ หากข้าช่วยเจ้าได้” พ่อมดหนุ่มแตะปลายนิ้วบนศีรษะเล็กๆ แต่อีกฝ่ายยกมือขึ้นปัดออก ทำหน้าไม่ชอบใจเขาจึงหยุดทำ “อย่ามาแตะหัวข้าสิ” นางทำหน้างอ ย่นจมูกเข้าใส่ก่อนจะเอ่ยว่า “ท่านต้องช่วยให้ข้ามีร่างกายโตเท่าพวกเต็มวัย ข้าถึงจะยกโทษให้ท่าน” “ทำได้ด้วยเหรอ ทำอย่างไรบอกข้ามาสินางภูติน้อย” คิ้วดกหนายกขึ้นสูง ไม่เข้าใจสิ่งที่นางบอก นางภูติจิ๋วหน้าหงิกกว่าเดิม “ท่านต้องพาข้าไปหาราชินีภูติเพื่อขอน้ำอมฤตมาดื่ม ข้าถึงจะกลายร่างเป็นนางภูติเต็มวัยได้ แต่มันจะเป็นไปได้หรือ เมื่อต้องผ่านแดนของภูติน้ำและภูติดอกไม้” นางถอนหายใจแรงนั่งลงซบหน้าบนเข่าอย่างหมดหวัง รู้ดีว่าสิ่งที่พูดไปยากนักจะทำได้จริง หนทางที่จะเดินทางไปยังปราสาทของราชินีภูติ ต้องผ่านดินแดนของภูติน้ำและภูติดอกไม้ซึ่งไม่มีผู้ใดเคยผ่านไปได้มาก่อน ต่างอยู่ในดินแดนของใครของมันไม่ยุ่งเกี่ยวกัน “ได้สิ ข้าจะพาเจ้าไปพบราชินีภูติ แต่เจ้าต้องพาข้าไปพบหัวหน้าภูติต้นไม้ก่อน ข้าต้องใช้ผลึกทับทิมของดินแดนแห่งนี้ในการเปิดประตูไปยังดินแดนต่อไป” พ่อมดหนุ่มยิ้มให้นางภูติจิ๋ว ยื่นปลายนิ้วลูบศีรษะเล็กของนางอย่างเวทนา เขาทำให้นางกำเนิดก่อนเวลากลายเป็นภูติตัวน้อย เขาต้องรับผิดชอบความผิดนี้ ซึ่งมันทำได้ไม่ยากเพราะเขาต้องเดินทางไปพบราชินีภูติอยู่แล้ว นางภูติตัวเล็กเท่านี้พาร่วมเดินทางไปด้วยคงไม่เป็นภาระเท่าไหร่ “ท่านหัวหน้าวาเลนคงไม่มอบผลึกทับทิมให้ท่านง่ายๆ หรอก ถึงข้าจะไปขอร้องท่านก็คงไม่ยอมมอบให้ท่าน ตัวข้าเป็นเพียงภูติพิการเกิดมาไม่สมประกอบเป็นตัวกาลกิณีของภูติภูเขา หากมีใครรู้ว่าภูติเช่นข้ากำเนิดขึ้นข้าคงถูกกำจัดทิ้ง เพราะมีคำทำนายเมื่อร้อยกว่าปีก่อนบอกว่า ภูติจิ๋วจะเปลี่ยนแปลงดินแดนแห่งภูติจนทำให้เกิดกฎขึ้นว่า หากพบภูติจิ๋วให้กำจัดทิ้งเสีย ข้าถึงได้กลัวนัก” นางภูติจิ๋วบอกเล่าความลับให้พ่อมดหนุ่มรู้ นางได้ยินเรื่องราวเหล่านี้ของพวกภูติภูเขามาตั้งแต่อยู่ในผลไม้ป่า การกำเนิดก่อนเวลาแล้วกลายเป็นภูติจิ๋วจึงเป็นเรื่องที่นางกลัวนัก ไม่คิดว่าตัวเองต้องกลายเป็นภูติจิ๋วจริงๆ จึงโกรธคนทำให้นางเป็นมาก “มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ ไม่เป็นไรข้าจะช่วยเจ้าเอง ข้าจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายเจ้า ข้าสัญญา” พ่อมดหนุ่มให้สัญญา “ท่านสัญญากับข้าแล้วนะ” นางภูติจิ๋วยิ้มออก ใบหน้าสดใสขึ้นด้วยรอยยิ้มแสนน่ารัก ชวนให้คนมองรู้สึกเอ็นดูเพิ่มขึ้น นางขยับปีกบินมาใกล้ใบหน้าหล่อเหลาของพ่อมดหนุ่ม แล้วยื่นหน้ามาจูบแก้มเขาแรงๆ ทำเอาคนถูกจูบนิ่งงัน เมื่อริมฝีปากน้อยๆ นั้นให้ความรู้สึกดีอย่างประหลาด หัวใจอิ่มเอมคล้ายมีไออุ่นไหลรินมาโอบล้อมไว้ พิศมองใบหน้าเล็กแต่แสนงดงามนั้นด้วยแววตาอ่อนโยน “ต่อไปนี้เจ้ากับข้าเราต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน ข้าสัญญาว่าจะดูแลเจ้าตลอดไป” นางภูติจิ๋วพยักหน้ารับ “ข้าก็จะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับท่านตลอดไป ข้าสัญญา” นางสบตาเขาแล้วยิ้มหวาน “เจ้าชื่ออะไร ข้ายังไม่รู้ชื่อของเจ้าเลย” พ่อมดหนุ่มเอ่ยถาม “ข้ายังไม่มีชื่อ ภูติภูเขาที่กำเนิดตามปกติ ท่านวาเลนจะเป็นผู้ตั้งชื่อให้ทุกตน แต่ข้า...” นางภูติจิ๋วถอนหายใจอีกเฮือก ทำหน้าเศร้า น่าสงสารนางไม่มีสิทธิ์ขอชื่อจากหัวหน้าภูติภูเขาเพราะกำเนิดก่อนเวลา “ไม่เป็นไร ข้าจะตั้งชื่อให้เจ้าเอง” พ่อมดคาไลน์ลูบศีรษะน้อยนั้นอย่างเวทนา คิดหาชื่อที่เหมาะสมให้นาง “ข้าจะเรียกเจ้าว่า เฟริเซีย ต่อไปนี้เจ้าคือเฟริเซียน้อยของข้า” “เฟริเซีย... ข้าชอบชื่อนี้” นางภูติจิ๋วยิ้มด้วยความดีใจ บินเข้ามาจูบแก้มของพ่อมดหนุ่มแสดงความขอบคุณ นางพอใจกับชื่อที่เขาตั้งให้มาก ดวงตาคู่งามมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยแววตาอ่อนหวาน หัวใจของนางภูติน้อยเต้นตึกตักเหมือนกลองรัว เกิดความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นภายในใจ ความรู้สึกที่นางไม่รู้ว่าคือสิ่งใด ได้แต่เก็บไว้เงียบๆ เพียงคนเดียวไม่กล้าเอ่ยถามใคร “เจ้าไม่มีเสื้อผ้าสวม ข้าจะเสกเสื้อผ้าให้เจ้า อยากได้สีอะไรแบบไหนบอกข้ามาเลย ข้าจะเสกให้ตามปรารถนา” พ่อมดหนุ่มมองดูร่างเปลือยเปล่าขนาดจิ๋วของนางภูติตัวน้อยแล้วสงสาร นางไม่มีเสื้อผ้าสวม บินไปมาด้วยเนื้อตัวล่อนจ้อน แม้จะมีขนาดเล็กเท่านกแต่รูปร่างของนางก็คือหญิงสาวเต็มตัว มีโนมเนื้อสาวเปล่งปลั่ง ทรวงอวบสล้างสีหวาน หากมีร่างกายขนาดปกติ เขาคงปรารถนาเสพสมกับนางไปแล้ว “ข้าชอบสีขาว พวกภูติภูเขาล้วนแต่สวมเสื้อผ้าสีแดงหรือน้ำตาล ข้าไม่ชอบสีแบบนั้น” นางภูติจิ๋วบอกความต้องการของตัวเอง และก็ได้ตามปรารถนาเมื่อพ่อมดหนุ่มร่ายเวทย์เสกชุดสวยให้นางสวมปกปิดเรือนร่างเปลือยเปล่านั้น “มันสวยมาก ขอบคุณท่านมาก” นางภูติจิ๋วบินไปหอมแก้มเขาแรงๆ อีกหน “เจ้าขอบคุณข้าหลายหนแล้วนะเฟริเซียน้อย หึหึ” พ่อมดคาไลน์หัวเราะชอบใจกับวิธีขอบคุณของนาง “ท่านไม่ชอบเหรอ หากไม่ชอบข้าจะได้ไม่ทำอีก” นางภูติจิ๋วนิ่วหน้า ก่อนจะยิ้มออกเมื่อเห็นอีกฝ่ายส่ายหน้าปฏิเสธ พ่อมดหนุ่มยิ้มกว้าง “ข้าชอบ ชอบที่สุด ถ้าจะให้ชอบมากกว่านี้ เจ้าต้องจูบที่ปากข้าด้วย” เขาแตะปลายนิ้วที่ริมฝีปากยั่วเย้านางเล่น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD