คุณปู่ของเขาเป็นคนสงขลา แต่คุณย่าเป็นคนกรุงเทพที่มีเชื้อสายจีน ทำให้ปริม พ่อของเขาไม่ได้มีลักษณะคล้ำเข้มเหมือนคนใต้ทั่วไป เขาสูงใหญ่ ตาคมเฉี่ยว ผิวขาวเป็นพื้นฐานแต่คร้ามเข้มเพราะตากแดดเป็นประจำ อันเป็นลักษณะที่ถ่ายทอดมายังปราบด้วย
พ่อของเขานั้นเป็นทั้งเจ้าของสวนยางและสวนปาล์มที่เขาสืบทอดมรดกมาทำต่ออยู่ในขณะนี้นับพันไร่ พ่อไปพบรักกับแม่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย แม่เป็นสาวเหนือตัวเล็ก ผิวขาว น่ารัก ทำอาหารเก่ง ตอนเด็ก ๆ แม่ชอบทำอาหารเหนือให้กินอยู่เสมอ แล้วเขาก็ชอบมันมากเสียด้วยโดยเฉพาะข้าวซอย
เขามีน้องชายคนหนึ่งอายุห่างกันสิบปี ชื่อ ปราณ เด็กชายติดพี่ปราบแจ ด้วยความที่ห่างกันมากจึงไม่มีปัญหาทะเลาะกัน ปราบรัก ตามใจน้อง ดูแลน้องทุกอย่าง สองคนตัวติดกันแทบจะตลอดเวลา จวบจนกระทั่งวันนั้น วันที่แม่ทิ้งเขากับพ่อไป โดยพรากน้องชายของเขาไปด้วย ในวันที่เขาอายุสิบเจ็ดปี ปราณน้องชายอายุเจ็ดปี
พ่อจ้างนักสืบเสาะหาแม่อยู่นานก็ไม่พบเบาะแส สุดท้ายพ่อก็ล้มเลิกความตั้งใจ แต่ตกอยู่ในภาวะเครียด ซึมเศร้า ดื่มหนัก จนกระทั่งสองปีหลังจากนั้นพ่อก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตคาที่เพราะเมาแล้วขับ เด็กหนุ่มวัยสิบเก้าเคว้งคว้างเลื่อนลอยเป็นอย่างมาก ไม่มีแม้เงาแม่ที่จะมาร่วมงานศพพ่อ
คนที่อยู่เคียงข้างเขาเสมอก็คือ พิรัช เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่เติบโตมาด้วยกัน พ่อของทั้งสองเป็นเพื่อนกัน แม่เสียชีวิตไปนานแล้ว จึงทำให้ลูกที่เกิดมาในรุ่นราวคราวเดียวกันจึงสนิทกันไปด้วย พิรัชมีน้องชายหนึ่งคนเหมือนกับเขาชื่อ พิธาน พ่อของพิรัชเป็นจิตแพทย์ ลูกชายจึงเจริญรอยตามเป็นแพทย์ไปด้วย แต่อยู่ในสาขาสูตินรีเวช ส่วนผู้เป็นน้องชายนั้นเป็นวิศวกร
ปราบนำความเสียใจและปวดร้าวมาเป็นพลังให้ฮึดสู้ต่อไปได้ ในเมื่อแม่ทิ้งเขาทิ้งพ่อไป จนกระทั่งพ่อตรอมใจแล้วก็ตายไปในที่สุด เขาจะมามัวคิดถึงแม่อยู่ทำไม สู้เขาเอาเวลาที่เหลือมาบริหารกิจการของพ่อให้ดี พ่อจะได้ภูมิใจเมื่อมองลงมาจากบนฟ้า
ความเจ็บปวดหล่อหลอมให้เขาเป็นคนเย็นชาและค่อนข้างเก็บตัว แล้วปราบที่อ่อนแอเศร้าโศกในวันนั้นก็กลายเป็นนายหัวปราบผู้เคร่งขรึมเด็ดขาดในวันนี้ เขามุ่งมั่น เขาตั้งใจ นอกจากศึกษาเล่าเรียนทางด้านบริหารธุรกิจจนจบ แล้วเขาก็บริหารงานสวนยางและสวนปาล์มของพ่อให้เจริญรุ่งเรือง อีกทั้งยังสร้างกิจการรีสอร์ทเพิ่มขึ้นอีกด้วย
แต่นายหัวปราบก็กลับกลายเป็นชายหนุ่มผู้รังเกียจผู้หญิงไปเสียฉิบ เขาไม่เคยคบใคร ไม่เคยรักใคร เพราะเขาเจ็บปวด เจ็บปวดกับการทรยศหักหลังของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่า แม่ ที่ทิ้งพ่อกับเขาไปอย่างไม่ใยดี มันเจ็บจนฝังลึกอยู่ในใจ เวลาที่เขาจะให้ผู้หญิงเข้าใกล้ก็คือเวลาที่เขามีอารมณ์ทางเพศและต้องการปลดปล่อยมันเท่านั้น
ขณะกำลังนั่งทอดอารมณ์คิดอะไรเพลิน ๆ อยู่นั้น ก็มีเสียงคนงานเรียกอยู่ด้านนอก
“ นายหัวครับ นายหัว ”
“ ว่าไง ” เขาตะโกนตอบออกไป
“ มีคนมาขอพบครับ ”
“ เข้ามา ประตูไม่ได้ล็อค ”
สักพักประตูก็ถูกเปิดออก คนงานคนนั้นเดินเข้ามา ตามมาด้วยชายหนึ่งคนด้านหลัง ร่างนั้นเดินใกล้เข้ามาจนมาหยุดหน้าโซฟาที่เขานั่งอยู่ นายหัวปราบเงยหน้าขึ้นมองผู้มาเยือน
ร่างสูงโปร่ง ใบหน้าละม้ายคล้ายเขา ผิดกันที่คนคนนี้จะขาวกว่าและรูปร่างบอบบางกว่าเขา นายหัวปราบตัวชา จ้องมองใบหน้านั้นราวกับโดนมนต์สะกด เขาลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อความแน่ใจ ชายหนุ่มคนนั้นมีน้ำตารื้นที่ขอบตา แล้วเอ่ยปากเรียกออกมา
“ พี่ปราบ ! ”
“ ปราณ ! ”
สองพี่น้องที่จากกันไปนับสิบปีโผเข้าหาแล้วกอดกันแน่น น้ำตาลูกผู้ชายไหลหลั่งออกมาจากทั้งสอง ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมา มีเพียงอ้อมกอดที่ถ่ายทอดความรู้สึกมากมายออกไปให้กันและกันได้รับรู้
“ พี่ แม่ตายแล้วนะ ”
ปราณเอ่ยขึ้นทั้งที่ยังสะอึกสะอื้น ปราบหัวในกระตุกวาบ ทั้ง ๆ ที่บอกกับตัวเองเสมอว่าอย่าไปคิดถึง อย่าไปห่วงใย แม่เคยทำอะไรไว้กับเขาและพ่อ เขาต้องเจ็บปวดและทนทุกข์ทรมานมาตลอด แต่ทำไมเมื่อได้ยินสิ่งที่ออกจากปากน้องชายว่าแม่ตายแล้ว เขากลับรู้สึกแย่ ไม่มีคำพูดใดจากปาก มีเพียงน้ำตาที่ไหลออกมา ปราณดันตัวเองออกมาจากอ้อมกอดพี่
“ ผมคิดถึงพี่ ”
“ พี่ก็คิดถึงแก ”
“ พ่อล่ะพี่ ”
“ พ่อตายไปนานแล้ว ตายไปตั้งแต่สองปีหลังจากที่แม่ทิ้งไป ตายเพราะกินเหล้าแล้วรถคว่ำ ตายเพราะตรอมใจที่แม่ทิ้งไป ”
ปราณนิ่งเงียบ ปวดร้าวในหัวใจ พ่อตายแล้ว แต่เขากลับไม่มีโอกาสแม้จะได้มากราบศพ ไม่มีแม้โอกาสจะมาร่ำลาเป็นครั้งสุดท้าย
“ แล้วแม่เป็นอะไรตาย ”
“ มะเร็งครับ ”
สองคนพี่น้องนั่งลงบนโซฟา กอดคอกัน แลกเปลี่ยนเรื่องราวที่ต่างฝ่ายต่างได้ประสบพบเจอในยามที่จากกันไปเป็นเวลาสิบกว่าปี เขายังคงเป็นพี่น้องที่รักกันเช่นเคย วันเวลาและระยะทางที่แยกพวกเขาออกจากกันมิอาจแยกความสัมพันธ์ลงได้
ปราณกับแม่ไปอยู่ประเทศออสเตรเลีย โดยแม่แต่งงานใหม่กับฝรั่งคนหนึ่ง เขาดูแลทั้งแม่ลูกเป็นอย่างดี จวบจนเขามาเสียชีวิตเมื่อปีที่แล้ว และปีนี้แม่เขาก็จากไป ปีนี้ปราณอายุยี่สิบเอ็ดปี กำลังศึกษาบริหารธุรกิจอยู่มหาวิทยาลัยปีสาม เมื่อแม่เสีย เขาก็ไม่รู้จะอยู่ที่นั่นทำไมเพราะไม่เหลือใครอีกแล้ว อีกอย่างในใจเขาก็เฝ้าแต่คิดถึงพี่ชายอยู่เสมอ แต่ไม่รู้จะติดต่ออย่างไร หนทางเดียวที่เขาคิดออกก็คือกลับมาหาพ่อกับพี่ชาย
ปราบยกมือขึ้นลูบศีรษะน้องชายอย่างที่เคยทำมาตลอดสมัยเด็ก ๆ น้องชายเขาอ่อนโยน ขี้อ้อนเพราะติดแม่ ส่วนตัวเขาแข็งกร้าว เด็ดเดี่ยว เพราะติดพ่อ แต่ปราบเป็นพี่ชายที่รักน้อง ให้ความอบอุ่น เป็นที่พักพิงให้ปราณอยู่เสมอ
“ กลับมาอยู่กับพี่ เรามีกันอยู่แค่สองพี่น้อง พี่บริหารกิจการของพ่อจนเติบโตไปมาก แล้วพี่ก็สร้างรีสอร์ทขึ้นมาสองที่ ดีเหมือนกัน แกกลับมาจะได้ช่วยพี่ดูรีสอร์ทด้วย ส่วนเรื่องเรียนเดี๋ยวไปคุยกับทางมหาวิทยาลัย ที่นี่มีทั้งเอกชนและรัฐบาล ” ปราณพยักหน้า
“ พี่ครับ ”
“ ว่าไง ”
“ ผมอยากเล่นน้ำ ” ปราบหัวเราะ
“ โตแล้วนะ ไม่ใช่เด็ก ๆ ”
“ นะพี่ ผมอยากไปวิ่งเล่นที่ชายหาด เหมือนที่เคยเล่นกับพี่ตอนเด็ก ๆ ” ปราบแกล้งนั่งนิ่ง
“ นะ นะครับ ”
“ เออ ก็ได้ ขี้อ้อนไม่เคยเปลี่ยนเลยนะแก ”