Ep.1
ปลายนิ้วมือจิกเข้าที่ต้นขาอย่างสั่นสายตาเริ่มพล่ามัวและหายใจหอบถี่ ร่างกายเพิ่มร้อนระอุทั้งที่อยู่ภายในห้องแอร์
ฉันรับรู้ทันทีว่า ปีศาจร้าจภายในตัวกำลังจะปรากฎออกมา...
“ กระเป๋า” ฉันล้วงมือหยิบกล่องยาจากกระเป๋าแบรนด์หรู ที่เพิ่งได้จากการถ่ายแบบมา..
แกร๊กกก...ฉันเปิดกล่องใส่ยาที่เหลือเพียงเม็ดสุดท้ายเท่านั้น ฉันหยิบมันขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทาก่อนจะยัดมันใส่ปากและกลืนทั้งที่ไม่มีน้ำแม้สักหยด..
เพื่อที่จะ..หยุดมัน...
“แซมมี่...” เสียงของใครบางคนเรียกฉันขณะที่ฉันยังกำชายกระโปรงและจิกเอาไว้แน่นอย่างเก็บอาการ ก่อนจะค่อยๆหันไปทางเธอ
“..ไม่สบายหรอ?” เอวาลีนเพื่อนในวงการนางแบบเอ่ยทักฉันด้วยสีหน้าที่ห่วงใยและมองกล่องยาในกำมือของฉัน
“ เปล่า..คงตื่นงานไปหน่อย” ฉันตอบเสียงสั่นๆ แต่พยายามให้มันเป็นปกติ
แม้แต่ขาที่เริ่มที่สั่นจนแทบจะยืนไม่ไหว...
เธอคนนั้นมองตามมือของฉันที่ถือกล่องใส่ยาเอาไว้ และนิ่งไป
“ ยาลดความอ้วนนะ” ฉันตอบก่อนจะเก็บกล่องยาลงในกระเป๋าหลุยส์วิตตองใบใหญ่ของตัวเอง
“ เห้ย..ยูไม่อ้วนเลยนะแซม” เอวาลีนเดินเข้ามาขนาบข้างฉันอย่างเฟรนลี่
“ อย่ากินเลย..กินเยอะใจสั่นเอานะ มันอันตรายมากๆด้วย” เอวาลีนส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย
“อื้ม” ฉันก็พยักหน้ารับไป
“ เราเข้าไปแต่งตัวกันเถอะ” เธอเดินจูงแขนของฉันเข้ามาภายในห้องแต่งหน้าแต่งตัวสำหรับงานเดินแบบ
จริงๆเอวาลีนกับฉันรู้จักกันเพราะว่า เราเคยประกวดเดินแบบเวทีเดียวกันและอยู่ทีมเดียวกัน
แต่ว่าเอวาลีนสละสิทธิ์ทันทีที่เธอรู้ว่า มีคนจะใช้เส้นและทำให้เธอชนะ
และการสละสิทธิ์นั่นเลยทำให้ฉันได้ที่หนึ่งนั้นมา อย่างที่ฉันไม่เคยคาดคิด
เอวาลีนค่อนข้างเฟรนลี่ แต่ไม่ได้เฟคและเธอก็ดีกับฉันมากเช่นกัน
“แซมกินไหม เดี๋ยวแบ่งครึ่งให้?” เอวาลีนที่นั่งแต่งหน้าอยู่ข้างๆเอ่ยถามฉัน ขณะที่เราสองคนกำลังคิวขึ้นเวทีเดินแบบในอีกไม่นานนี่เอง
“ ไม่ล่ะ” ฉันส่ายหน้าอย่างยิ้มๆให้เธอไปทั้งที่ตายังเหลือบมองไปที่ขนมปังแซนด์วิชในมือของเธออย่างกลืนน้ำไหลเบาๆ
“ ฉันกลัวว่าจะใส่ชุดเดินแบบไม่ได้” ฉันลูบหน้าท้องแบนราบของตัวเองอย่างกังวลนิดๆ
ทุกโอกาสในชีวิตทุกๆย่างก้าวมันสำคัญต่ออนาคตของฉันมากๆและฉันอยากทำมันออกมาให้ดีที่สุด เพราะว่าฉันไม่เคยได้อะไรมาง่ายๆ....
“ แซมมี่ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้นะ เธอหุ่นดีและมีวินัยออกกำลังขนาดนี้ รูปร่างก็โคตรจะเพอร์เฟค แทบไม่มีไขมันเลย” เอวาลีนเคี้ยวไปชมฉันไปอย่างร่าเริง
“ ดูพุงกับเหนียงฉันสิ เป็นชั้นๆฉันยังกินไม่หยุดปากเลย” เอวาลีนหัวเราะร่าและบีบจับพุงของตัวเองเล่นๆ จริงๆ เธอเองก็หุ่นดีเหมือนกันแม้ว่าจะอวบกว่าฉันเพียงเล็กน้อย เอวาลีนดูความสุขกับการกิน และทุกๆอย่างจริงๆ เธอเหมือนไม่ได้จริงจังและซีเรียสไปกับทุกเรื่อง ปล่อยมันไปแบบชิลๆ
ซึ่ง..ต่างจากฉันมาก
“ ไม่ละฉันไม่หิวจริงๆ” ฉันยิ้มๆไปทางเอวาลีนทั้งที่แสบหน้าท้องไปหมดแต่ก็ฝืนทนเอาไว้
เพราะแน่นอนว่าต่อให้เอวาลีนจะอวบกว่าฉัน หรือจะตามใจปากมากแค่ไหน
สุดท้ายแล้วเธอก็ได้สวมใส่ชุดฟินนาเล่และก็เป็นตัวเด่นของเวทีนี้อยู่ดี
เพราะจริงๆแล้ว..ตำแหน่งจากการแข่งขันนั้นมันไม่ได้สำคัญเท่ากับว่า เอวาลีนเป็นลูกสาวของใคร..และเธอนามสกุลอะไร..
ฉันเหลือบมองไปที่ชุดของตัวเองที่แขวนข้างๆกับชุดของเธอ
แน่นอนว่าฉันไม่ได้อิจฉาเพื่อนอย่างเอวาลีนหรอก.. เพราะคนเราเกิดมาวาสนาไม่ได้เท่ากัน
แต่การที่ฉันผลักดันตัวเองมาจนถึงจุดนี้..ฉันว่ามันก็คุ้มค่าและขอบคุณโชคชะตามากๆแล้ว
“ คุณเอวาลีน ดอกไม้ค่ะ” เสียงของออแกนไนท์เดินถือช่อดอกไม้ใหญ่สะดุดตาจนคนทั้งงานแอบหันไปมองทางเธอ
“จากใคร” เอวาลีนขมวดคิ้วและหยิบการ์ดขึ้นมาอ่านทันที
“คืนนี้มีวันเกิดฉันนะไม่ลืมใช่ไหม?...แอลตัล” เอวาลีนอ่านโน้ตนั่นและแบะปากเล็กน้อย
“แฟนส่งมาหรอ?” ฉันถามไปเชิงแซวเจ้าตัว
เอวาลีนนิ่งไปสักพัก
“เพื่อนน่ะ ....ถ้าได้มันเป็นแฟนนะอกแตกตายแน่ๆ” เอวาลีนยิ้มเมื่อพูดถึงใครคนนั้นและแบะปากเล็กน้อยก่อนจะวางช่อดอกไม้ไว้บนเก้าอี้
“อันนี้ชุดฟินนาเล่ของคุณเอวาลีนค่ะ” พนักงานถึงสองคนช่วยกันหอบชุดฟินนาเล่มาพรีเซนต่อหน้าเอวาลีนที่เพิ่งจะใช้ทิชชู่เช็ดคราบแซนวิชที่ขอบปากของเธอ และคว้าดื่มน้ำแร่ที่อยู่บนโต๊ะตรงหน้านั้น..
ส่วนทางฉันก็ได้รับชุดสีครีมเนื้อบางที่เป็นคอลเลกชั่นใหม่จาก ดีไซน์เนอร์ชื่อดัง
แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ลุกไปลอง
“ นี่ ออแกไนซ์เซอร์งานนี้จัดงานเป็นจริงๆรึเปล่าอะ?” เอวาลีนลุกขึ้นจากเก้าอี้และหยิบชุดของเธอมาถือไว้ทันที
“ คะ?” พวกพนักงานเริ่มทำหน้างงและตกใจที่อยู่ดีๆ เอวาลีนก็ลุกขึ้นชักสีหน้า ฉันเป็นแค่นางแบบโนเนม ประกวดก็ไม่ได้ตำแหน่งอะไรแต่ได้ใส่ฟินนาเล่ ?” เธอทวนย้ำและชี้ไปที่ชุดนั้น
“ แต่เพื่อนของฉันได้ที่หนึ่ง..เพิ่งได้มาหมาดๆ เลยนะ..แต่เธอกลับให้เขาใส่ชุดธรรมดาๆเนี้ยนะ” เอวาลีนมองมาที่ฉัน ก่อนจะดึงชุดจากมือของฉันไปทันที
“ ไม่เอาน่าเอวา ดีไซเนอร์อาจจะเห็นว่ามันเหมาะกับเธอ..ชุดฉันก็สวยดี” ฉันพยายามจะช่วยพูดให้เรื่องมันจบๆไป
“มันไม่แฟร์กับเธอแซมมี่ และก็ไม่แฟร์กับฉันด้วย” เอวาลีนยัดเอาชุดฟินาเล่นั่นให้กับฉัน
“งานนี้เป็นงานที่เธอจะได้เฉิดฉายให้สมกับตำแหน่งที่เธอได้ ที่เธอพยายามอย่างหนักเพื่อมัน” เอวาลีนพูดอย่างเสียงแข็ง
“ ฉันไม่ต้องการเอาเปรียบเธอ..และเธอก็เป็นเพื่อนของฉัน”
“ ทุกคนเข้าใจตรงกันนะ ...” เอวาลีนพูดอย่างชัดเจนจนออแกนไนท์ทุกคนพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“และถ้าผู้ใหญ่คนไหนในงานมีปัญหา บอกไปว่าฉันต้องการจะใส่ชุดนี้” เธอพูดอย่างเด็กเอาแต่ใจซึ่งก็ไม่มีพนักงานคนไหนกล้าขัด และพวกเขาก็รีบจับเราทั้งสองแยกไปแต่งชุด เพื่อเตรียมขึ้นเดินแบบทันที
ถึงฉันจะไม่ค่อยสนิทกับเอวาลีนมากเท่าไหร่ แต่ฉันก็...รู้สึกว่าเธอนิสัยดีแต่เอาแต่ใจนะ..
และฉันไม่คิดเลยว่าคนรวยระดับเธอจะนับว่าฉันเป็นเพื่อนของเธอด้วย
งานเดินแบบผ่านไปได้ด้วยดี เกินกว่าที่คาดคิด
กล้องจากทั่วทุกทิศส่องตรงมาที่ฉัน ...ดีไซเนอร์ชื่อดังท่านนั้นเดินออกมาพร้อมกับพรีเซนต์ชุดสุดท้ายที่อยู่บนเรือนร่างของฉันและเธอหยุดยืนข้างๆฉัน
เสียงปรบมือดังสนั่น ทำเอาฉันเองตื่นเต้นจนแทบไม่อยากจะเชื่อว่า
“งานเพอร์เฟคมากจ่ะ เธอเหมาะกับชุดนี้มากๆเลย” ดีไซเนอร์ห้องเสื้อชื่อดังหันมาพูดกับฉันก่อนที่เธอจะเดินจิกรองเท้าส้นสูงลงจากเวทีไปอย่างสง่างาม
และทิ้งให้เหล่านางแบบรวมถึงฉันที่ยืนเด่น ได้ให้สื่อมวลชนได้เข้ามาถ่ายรูปเก็บภาพไปทำข่าวกันเต็มที่
“ มองกล้องนี้ด้วยครับ” เสียงของตากล้องที่ตะโกนเรียกเพื่อของถ่ายภาพเดียวดังขึ้นเป็นคนแรก
ก่อนที่กล้องอีกหลายๆตัวจะหันตามๆกันมา
แชะ แชะ แชะ แชะ.....
...............................
“ ยังไงค่ะนางแบบสุดฮอต..ฉันต้องขอลายเซ็นต์เอาไว้ล่วงหน้าเลยดีไหม?” เสียงของเอวาลีนที่เปลี่ยนชุดเสร็จสรรพ และเดินมารอแซวฉัน ที่เพิ่งแยกตัวไปสัมภาษณ์ และถ่ายรูปเสร็จ
“ ขอบคุณเอวา” ฉันก้มหัวให้กับเพื่อนในวัยเดียวกันอย่างซึ้งใจและขอบคุณสำหรับโอกาสที่เธอสละให้
“ ขอบคุณทำไมกัน?” เอวาลีนส่ายหน้าอย่างขี้เล่น
“ งั้นฉันต้องขอบคุณเธอเหมือนกันที่ทำให้ฉันไม่ต้องเดินในชุดยาวและยากแบบนั้น ไม่งั้นนะมีหวังสะดุดหัวทิ่มพื้นแน่ๆ” เธอพูดอย่างขำๆแต่ฉันก็ยังขอบคุณเธออยู่ดี
“ งั้นฉันไปก่อนนะ” ไม่นานเอวาลีนก็โบกมือลา
ฉันก็เดินเข้ามาเปลี่ยนชุดเพื่อเตรียมที่จะกลับบ้าน