“ทุกอย่างโอเคใช่ไหมมอร์ฟีน” พ่อของฉันเอ่ยถามหลังจากที่ท่านตรวจวัดทุกอย่างของร่างกายฉันจนเสร็จสรรพ ใบหน้าของท่านเผยรอยยิ้มที่เปรี่ยมความสุข ดูจากอาการที่ท่านนั้นมีความสุข คงจะเป็นสัญญาณเตือนของหัวใจที่เข้ากับร่างกายของฉันได้ดี
ซึ่งตอนนี้พ่อหนุ่มน้อยของฉันขอตัวกลับบ้านหลังจากที่ไม่ได้กลับมาหลายวันตั้งแต่ที่ฉันเริ่มผ่าตัด เขาบอกว่าจะรีบกลับมาหาฉัน ไม่เถลไถลที่ไหนแน่นอน
คำว่าแน่นอนของผู้ชายชื่อเคลิ้มไม่มีอยู่จริง ฉันสัมผัสได้จากการที่รู้จักเขามาหลายปี
“โอเคเหมือนทุกครั้งค่ะ รอบนี้ของใครคะ” ฉันถามด้วยความท้อใจ เพราะฉันรู้อยู่เต็มอกว่าการปลูกถ่ายเปลี่ยนหัวใจแต่ละครั้ง เจ้าของหัวใจไม่เคยเต็มใจ
“มิเกล”
“พ่อ! หนูบอกแล้วใช่ไหมว่าเป็นตายร้ายดียังไงก็อย่าเอาหัวใจผู้หญิงคนนั้นมาให้หนู พ่อกำลังฆ่าหนูทั้งเป็น พ่อก็รู้ว่าหนูเกลียดมัน หนูยอมตายดีกว่าใช้หัวใจคนอย่างมัน ทำไมพ่อใจร้ายกับหนูแบบนี้”
ฉันขึ้นเสียงพร้อมกับทุบที่อกข้างซ้ายทันทีที่ได้รู้ว่าใครคือเจ้าของหัวใจ
ผู้หญิงสารเลวคนนั้นฉันไม่คิดจะเอาชิ้นส่วนร่างกายของมันมาอยู่ในตัวฉัน
“พ่อขอโทษ ก็พ่อเคยบอกมอร์ฟีนแล้วไงลูกว่าหัวใจที่เข้ากับหนูมากที่สุดคือหัวใจของมิเกล”
“พ่อทำร้ายหนู พ่อก็รู้ว่าหนูเกลียดมัน ทำไมพ่อทำกับหนูแบบนี้ ฮึก ฮึก ฮือ หนูไม่อยากได้หัวใจของมัน หนูไม่อยากได้” ฉันร่ำไห้ใส่พ่อบังเกิดเกล้า
หัวใจใครก็ได้ ขอแค่ไม่ใช่ของผู้หญิงคนนั้นคนเดียวก็พอ เพราะฉันไม่อยากมีมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
“พ่อขอโทษ ก็พ่อเห็นว่าเข้ากับลูกได้ดี พ่อก็เลย…”
“ให้หนูตายยังดีกว่า” ฉันคิดอย่างที่พูดออกไปจริง ๆ
“อย่าพูดแบบนี้สิมอร์ฟีน หนูคือแก้วตาดวงใจของพ่อ อดทนนะ พ่อสัญญาว่าพ่อจะหาหัวใจใหม่มาให้หนู พ่อสัญญา ขอแค่หนูอย่าทำร้ายตัวเอง เพราะถ้าหนูเป็นอะไรไปพ่อคงอยู่ต่อไม่ได้” พ่อรีบพูดพร้อมกับลูบศีรษะของฉันอย่างอ่อนโยน
“อย่านานนะคะ หนูไม่อยากให้มันอยู่ในตัวหนูนานกว่านี้ หนูเกลียดมัน ถ้านานเกินไปหนูจะตายให้ดู เพราะหนูบอกพ่อแล้วว่าใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้ ถ้าผู้หญิงคนนี้ให้หนูตายดีกว่า”
“ไม่นานพ่อสัญญาว่าไม่นานลูกรัก” พ่อปาดน้ำตาที่อาบแก้มของฉัน
จะว่าฉันพูดเอาแต่ใจก็ได้ แต่ฉันบอกตามตรงว่าฉันเกลียดผู้หญิงคนนี้ที่สุด
มันคือลูกบุญธรรมที่พ่อรับมาเลี้ยง เพราะพ่อต้องการจะเอาหัวใจมันมาให้ฉัน มันเป็นเรื่องที่ฟังแล้วรู้สึกน่ารังเกียจใช่ไหม เพราะฉันก็รู้สึกแบบนั้น
แต่ฉันไม่คิดจะเอาหัวใจของมันเลยสักครั้ง เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะฉันเกลียดมันไง
‘ชิ นี่เหรอคนที่จะเอาหัวใจของฉัน เหอะ ความจริงเธอน่าจะตายไปนะ เธอคงไม่รู้หรอกว่าโรงเรียนข้างนอกน่าสนุกแค่ไหน ได้แต่ขลุกอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมน่าสงสารจริง ๆ รอไปก่อนนะหัวใจของฉันน่ะ อีกนานกว่าเธอจะได้มัน’ ใบหน้าและสายตาที่เย้ยหยันปะปนสมเพชฉันนั้น ฉันยังจดจำได้ดี
‘มอร์ฟีนหมายถึงยาระงับความเจ็บปวด ซึ่งมอร์ฟีนแปรรูปมาจากฝิ่น ซึ่งหมายถึงสารเสพติด ส่วนเราชื่อวอร์ม หมายถึงความอบอุ่น เราสองคนถ้ารวมกันความหมายดูดีเนอะ’ มันเป็นประโยคของผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันนั้นรู้สึกแปลก ๆ กับเขา
‘แสดงว่ามิเกลไม่สมควรคู่กับวอร์มใช่ไหม’ แล้วเสียงลูกบุญธรรมของพ่อฉันก็แทรกเข้า
‘คนบางคนคู่กันไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับชื่อหรอกมิเกล’ มันเป็นคำตอบของวอร์ม เพื่อนรุ่นเดียวกับฉันและมิเกล
‘จริงเหรอ งั้นเราไปเล่นกันไหมวอร์ม เรามีอะไรจะเล่นเยอะเลยนะ ไปกับเราไหม นั่งแบบนี้คงเบื่อแย่สินะ’
‘แต่เราอยากอยู่เป็นเพื่อนมอร์ฟีน มอร์ฟีนคงเหงา’
‘โอ๊ย มอร์ฟีนไม่เหงาหรอก มอร์ฟีนชินแล้ว วอร์มไม่เบื่อหรือไงนั่งอยู่กับที่แบบนี้’
‘ไปเถอะ เราอยากอยู่คนเดียว’ เพราะมองท่าทีของวอร์มแล้ว เขาเหมือนอยากจะไป ฉันจึงไม่อยากให้เขามานั่งเหงากับฉัน
นี่คือบทความขนาดย่อยเมื่อตอนเรายังเด็ก
‘ฉันจะไปเรียนหมอที่อเมริกาเหมือนวอร์ม ทุกอย่างที่เธอชอบ ฉันจะเอามาเป็นของฉันมอร์ฟีน’ มันคือประโยคตอนโต ตอนที่เธอกำลังจะไปเรียนหมอ เพราะขอพ่อฉันไปเรียน ซึ่งพ่อสนับสนุน ก็อย่างที่บอกว่าพ่อฉันคลั่งความเป็นหมอ แล้วฉันดันเรียนไม่ได้ เมื่อลูกบุญธรรมอยากเรียนท่านจึงสนับสนุน
‘รู้อะไรไหมมอร์ฟีน ฉันน่ะเป็นแฟนกับวอร์มแล้วนะ เขารักฉันมากเลยล่ะ ผู้หญิงขี้โรคที่อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมคงไม่มีทางได้สัมผัสความรู้สึกแบบฉัน’ นี่คือเรื่องหลังจากที่เธอกลับจากอเมริกาเพื่อมาเยี่ยมที่บ้าน มันมีมากกว่านี้ แต่นี่คือประโยคเด็ด ๆ ที่ฉันจดจำ
‘ฉันกับวอร์มเราได้กันแล้วนะมอร์ฟีน เราอยู่ด้วยกัน มีอะไรกันนับครั้งไม่ถ้วน อิจฉาฉันใช่ไหมล่ะ ก็ช่วยไม่ได้นะ ก็ฉันยังแข็งแรง ไม่เหมือนอีขี้โรคอย่างเธอ’
‘ไงมอร์ฟีน เธอรู้ไหมว่าฉันกับวอร์มเรายังคบกันนะ วอร์มรักฉันมากกว่าเดิมด้วยนะ สร้อยนี่เขาก็ซื้อให้ฉัน เขาบอกว่าจะแต่งงานกับฉันด้วยนะ ชาตินี้เธอคงไม่ได้ลิ้มรสความสุขแบบฉันหรอก เพราะชีวิตของเธอมันอยู่บนเตียงผ่าตัดกับห้องพักฟื้นซะมากกว่า เดี๋ยวฉันจะมีความสุขเผื่อเธอแล้วกันนะ’
ทุก ๆ ประโยคที่เย้ยหยันฉัน ฉันไม่เคยบอกให้พ่อได้รับรู้ ฉันเงียบไม่ใส่ใจ และบอกพ่อแค่ว่าฉันเกลียดมัน ไม่มีวันเอาหัวใจของมันมาใส่ในร่างกายของฉันเด็ดขาด
แต่พ่อก็เข้าใจว่าฉันนั้นอิจฉามัน ที่มันนั้นได้ใช้ชีวิตอิสระ ต่างจากฉันที่ได้แต่นอนบนเตียงผ่าตัด
ทั้งที่ความจริงมันเป็นคนสร้างความเกลียดชังให้ฉันเอง
แล้วตอนนี้หัวใจของมันมาอยู่บนร่างกายของฉัน ฉันจะใช้ชีวิตอยู่ได้ยังไง ในเมื่อฉันใช้ลมหายใจของคนที่ฉันโคตรเกลียด
ถ้าไม่สงสารพ่อ ฉันพร้อมจะตายในตอนนี้เลยด้วยซ้ำ ฉันโคตรรู้สึกสมเพชตัวเองฉิบหายที่ไม่มีทางเลือกห่าเหวอะไรสักอย่าง ทำไมคนอย่างฉันถึงไม่ตาย ๆ ไปนะ
ไม่น่าจะมาอยู่ระหว่างความเป็นกับความตายแบบนี้เลย
ฉันเกลียดวิธีนาทีต่อจากนี้ที่สุด ฉันเกลียดการมีลมหายใจต่อจากนี้ที่ต้องใช้หัวใจของมัน
เกลียดการเต้นของหัวใจที่มันเหมือนเสียงเยาะเย้ยต่อว่าฉัน
(END MORPHINE)