(MORPHINE TALK)
ฉันเกลียดคำว่า ‘เพื่อพ่อนะลูก’ ที่สุด เพราะความใจอ่อน เพราะพ่อรู้ว่าฉันไม่มีทางขัด ท่านถึงได้เอาถ้อยคำเหล่านี้มาอ้างเพื่อสนองความต้องการของตัวเอง
เพราะมีพ่อแค่คนเดียว ฉันถึงยอมท่านมาตลอด ในเรื่องที่คิดว่าทำให้ท่านแล้วท่านน่าจะมีความสุข
แต่เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ฉันไม่อยากทำแม้แต่น้อย
แม้ไม่อยากทำแต่ฉันก็ขัดไม่ได้
ฉันเกลียดความรู้สึกแบบนี้ที่สุด
ติ๊ง !
(เคลิ้ม: อยู่หน้าห้อง เปิดประตูหน่อย)
ฉันเปิดอ่านข้อความแล้วจากนั้นก็ใช้รีโมทกดเปิดประตู
พ่อหนุ่มน้อยนักศึกษาคณะวิศวะเขาเดินหน้านิ่ง ตรงมาหาฉันที่นอนอยู่บนเตียง
“กูเกิดช้าไป หรือเพราะกูไม่ได้เรียนหมอ” พอมานั่งลงที่เตียงเขาก็เริ่มตัดพ้อ
“บอกให้พูดเพราะ ๆ ไง” ฉันเอื้อมมือไปจับมือเขา
“กูจะร้องไห้แล้วนะฟีน แม่งเรื่องเหี้ยอะไรเนี่ย” เคลิ้มจับมือของฉันไว้แน่น
“ขอโทษ” คงไม่มีคำไหนมันดีเท่าคำนี้แล้วมั้งในเวลานี้ ต่อให้สรรหาถ้อยคำสวยหรูมาประดิษฐ์ประดอย ยังไงความจริงก็คือความจริงวันยังค่ำ
“…” พ่อหนุ่มน้อยของฉันนั่งเงียบ สีหน้าตอนนี้ของเขามันดูเคร่งเครียด
“ไปมีเรื่องมาอีกแล้วใช่ไหม เนี่ยตรงมุมปากแตกอีกแล้ว” ฉันขยับตัวลงจากเตียงแล้วเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลที่มีไว้สำหรับเขาเพียงคนเดียว เพราะทั้งบ้านฉันไม่มีใครเข้าใกล้และฉันให้ความสนใจถึงขั้นที่จะต้องดูแลเอาใจใส่ นอกจากพ่อหนุ่มน้อยคนนี้คนเดียว
“แผลแค่นี้ไม่หนักเท่าความรู้สึกกูตอนนี้หรอก” เขาหันหน้าหนีเมื่อฉันตั้งท่าจะทำแผล
“ดื้อมาก ๆ ทำให้ฟีนเหนื่อยรู้ไหม” ฉันงัดอาการป่วยมาอ้าง เพราะเป็นทางเดียวที่จะทำให้เด็กตรงหน้าอ่อนข้อลง
“ก็เอาข้อนี้มาอ้างตลอด” แล้วเขาก็ยอมหันหน้ามาให้ฉันทำแผล ใบหน้าหล่อ ๆ จะมีรอยแผลเป็นเล็ก ๆ น้อย ๆ ซุกซ่อนอยู่เพราะการชกต่อย และฉันก็มักจะเป็นคนทำแผลให้เขาตลอด ตั้งแต่เรารู้จักกัน
“ต่อไปจะไม่มีแบบนี้อีกใช่ไหม ฟีนเรารู้จักกันตั้งแต่กูอายุ 13 นะเว้ย ที่ผ่านมามึงสำคัญตลอด แล้วต่อจากนี้กูจะทำยังไง” แล้วผู้ชายตรงหน้าก็เริ่มน้ำตาเอ่อคลอ
“หน้าหล่อ ๆ แบบนี้มีผู้หญิงหมายปองเยอะแยะ ฟีนขี้โรคป่วยง่าย เคลิ้มก็เลยสงสารก็แค่นั้น เดี๋ยวเคลิ้มก็เจอคนที่ดี คนที่เคลิ้มรู้สึกอยากปกป้อง” ฉันลูบที่ใบหน้าหล่อเหลา ใบหน้าที่นอกจากคนในครอบครัวเขาแล้วก็มีแต่ฉันที่เขาอนุญาตให้แตะได้เพียงคนเดียว
อ้อ! กับคู่อริด้วย เพราะโดนชกมาประจำ
“อย่าพูดเหมือนไม่รู้ดิฟีน ถึงกูไม่เคยพูดแต่กูทำให้มึงเห็นตลอดว่ามึงสำคัญกับกูแค่ไหน กูรู้กูเด็ก กูไม่มีเหี้ยอะไรดีสักอย่าง แต่กูมีความจริงใจให้มึงนะ มึงรู้ใช่ไหมว่ากูคิดยังไงกับมึง มึงรู้ใช่ไหมว่าถึงกูไม่ได้เรียนหมอ แต่กูก็จะดูแลมึงให้ดีที่สุด”
ผู้ชายตรงหน้ากำลังร้องไห้ เขากำลังทำให้ฉันรู้สึกเศร้าตามเขา เขากำลังทำให้ฉันเสียใจตามเขา
“นักเลงเขาไม่ร้องไห้หรอกนะ เกรงใจช็อปที่ใส่มาด้วยสิ” ฉันยิ้มแล้วปาดน้ำตาให้เขา
“มึงแม่งทำกูร้องไห้นับครั้งไม่ถ้วนรู้ไหมฟีน มึงเข้าใจไหมว่ากูรักมึง กูไม่เคยพูดคำนี้กับใครมึงก็รู้” เขาดึงฉันเข้าไปกอดแล้วจากนั้นเขาก็ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร
“ขอโทษ แต่เคลิ้มก็รู้ว่าเรารักกันไม่ได้ เรื่องของเรามัน…”
“อยู่เฉย ๆ มอร์ฟีน อยู่เงียบ ๆ กูกำลังทำใจ กำลังทำใจอยู่” เขาเอ่ยด้วยเสียงที่แหบพร่า
“กูเกิดช้าเกินไปสินะ ถ้ากูเกิดเร็วกว่านี้คงจะดี”
“อย่าร้องไห้สิเคลิ้ม ฟีนรู้สึกไม่ดีเลยนะ เคลิ้มก็รู้ว่าฟีนเสียใจมากเกินไปไม่ได้ ดีใจมากเกินไปก็ไม่ได้ แต่ตอนนี้ฟีนกำลังเสียใจที่หนุ่มน้อยของฟีนกำลังร้องไห้” ไอ้โรคบ้านี่มันโคตรน่ารำคาญ ดีใจมากก็ไม่ดี เสียใจมากก็ไม่ได้
“รู้ กูรู้เกี่ยวกับอาการมึงทุกอย่าง แต่วันนี้กูไม่ไหวจริง ๆ นะฟีน มึงกำลังจะมีเจ้าของ มึงกำลังจะเป็นของคนอื่น มึงกำลังจะแต่งงาน แล้วเจ้าบ่าวของมึงก็เป็นอาของกู คนที่กูไม่มีทางสู้ได้สักอย่าง กูเจ็บนะฟีน กูเจ็บมึงเข้าใจไหม”
ใช่ ที่เคลิ้มพูดมามันถูกต้อง
เพราะพ่อของฉันขอให้ฉันแต่งงานกับลูกชายคนเล็กของเพื่อนพ่อ
‘ทำเพื่อพ่อนะลูก’ นี่คือคำพูดเมื่อฉันนั้นกำลังจะต่อต้าน
ฉันเกลียดเจ้าของหัวใจที่ฉันใช้อยู่ และฉันก็เกลียดผู้ชายที่เป็นคนรักของมัน ผู้ชายนิสัยไม่ดี คนปากพล่อยพันธุ์นั้น ฉันเกลียดเขาที่สุด
ของทุกอย่างที่เกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นฉันไม่เคยอยากจะแตะต้องสักชิ้น แม้มันจะตายไปแล้วฉันก็ไม่อยากได้ ของที่มันใช้แล้วฉันไม่อยากใช้ต่อ
“ขอโทษ ขอโทษนะที่ทำให้รู้สึกไม่ดี ฟีนเจ็บนะที่เห็นหนุ่มน้อยของฟีนร้องไห้แบบนี้” ฉันลูบที่กลุ่มผมของเขาอย่างอ่อนโยน
ทำไมจะไม่รู้ล่ะว่าเขารักฉัน ทำไมจะไม่รู้ล่ะว่าเรารู้สึกเหมือนกัน ใครจะคิดว่าฉันจะรู้สึกดีกับนักเลงปากหมาคนนี้ คนที่อยู่ข้างฉันเสมอไม่เคยทิ้งฉันไปไหน
แม้เราสองคนจะบอกใครต่อใครว่าเราคือเพื่อนกัน และไม่เคยล่วงเกินกันมากกว่ากอดก็ตาม แต่เรารู้กันอยู่แล้วว่าความรู้สึกของเรามันเป็นเช่นไร ไม่ต้องพูดก็เชื่อมถึงกันได้
“ระหว่างนี้กูจะไปอยู่คอนโด จะไม่กลับบ้าน และจะไม่ค่อยโทรหามึงนะ กูยังทำใจไม่ได้ แต่มึงต้องดูแลตัวเองให้ดีรู้ไหม จะได้เป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุด” เขาผลักกอดออกและบอกกับฉัน
“กำลังจะทิ้งฟีนใช่ไหม เคลิ้มกำลังจะหายไป ระหว่างที่หายไปก็จะไปมีเรื่องชกต่อย ทำร้ายตัวเองใช่ไหม” ฉันพูดดักทาง
“กูทิ้งมึงไม่ได้อยู่แล้ว กูแค่ทิ้งระยะห่าง ไม่อยากให้ครอบครัวเราลำบากใจ แล้วเรื่องชกต่อยกูก็มีเป็นประจำทุกวัน อย่าคิดมากน่า กูแข็งแรงดูแลตัวเองได้ และยังเป็นห่วงมึงเสมอ ไปนอนพักไป อย่าคิดมาก กูอยู่ได้”
“…” ฉันกำลังจ้องหน้าเขา เพราะกว่าเราจะได้เจอกันก็ไม่รู้เมื่อไหร่
มันคงไม่เหมือนที่ผ่าน ๆ มา ที่เราอยากเจอกันก็แค่โทรหาแล้วเขาก็จะมาทันที
“กูโอเค เรายังไม่เคยเป็นแฟนกันนะเว้ย จะคิดอะไรมาก กูกับมึงก็เป็นเพื่อนสนิทกันไง อย่าคิดมาก กูยังเป็นพ่อหนุ่มน้อยคนเดิมของมึง”
“ขอโทษนะ”
“เลิกขอโทษได้แล้ว ฟีนมีพ่อคนเดียวนะ อะไรที่ท่านอยากให้ทำก็ทำเถอะ ยังไงเราสองคนก็เป็นมากกว่าเพื่อนกันไม่ได้อยู่แล้ว กูอยู่ข้างมึงเสมอนะ”
ทำไมไอ้เด็กนักเลงนี่ต้องคอยปลอบฉันตลอดเลยนะ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาดูเสียใจมาก แต่พอเขาได้ระบายเขาก็ดีขึ้น
ต่างจากฉันที่จะต้องทุกข์ใจ เพราะเสียงการเต้นของจังหวะหัวใจ มันคอยหลอกหลอน แล้วไหนจะเจ้าบ่าวที่สมควรจะเป็นเจ้าบ่าวของเจ้าของหัวใจนี่อีก
คนขี้โรคอย่างฉันต้องเข้มแข็งแค่ไหนถึงจะรับมือเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นได้
(END MORPHINE)