เคลือบแคลง

1340 Words
ตำหนักเล็ก... “พระชายาเชื่อที่หวางเฟยกล่าวอ้างไหมเพคะ” เสี่ยวจูถามผู้เป็นนายอีกครั้งตามประสาคนขี้สงสัย “นอกจากท่านพ่อท่านแม่แล้วก็เจ้าข้าไม่เคยคิดจะเชื่อใจใครเลย จากนี้ไประวังตัวให้มาก ๆ นะอาจู เอางิ้วที่ท่านแม่เล่าให้เจ้าฟังมาใช้ให้เป็นประโยชน์บ้างก็ดี” “แม้แต่ท่านอ๋องก็เชื่อใจไม่ได้หรือเพคะ” “ไม่ได้ บุรุษที่ดวงตามืดบอดและไร้เหตุผลเช่นนั้นไว้ใจไม่ได้ เขาไม่คิดจะไต่สวนหาสาเหตุเลยด้วยซ้ำก็มากล่าวโทษข้าเสียแล้ว มีตำแหน่งเป็นถึงแม่ทัพใหญ่เพราะไปขู่เข็ญเอาจากองค์จักรพรรดิมาหรืออย่างไร ฮึ!” เมื่อคิดถึงคำที่เขากล่าวหาว่านางเป็นหญิงแพศยาครั้งใดหลินหลานก็อยากจะขว้างแจกันใส่หัวทื่อ ๆ นั้นให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยช่างน่าโมโหนัก “พระชายาหม่อมฉันอึดอัดเพคะ ทำไมเราจะต้องไปที่ตำหนักซ้ายทุกวันด้วยเพคะ” เสี่ยวจูสาวน้อยที่คิดอย่างไรก็พูดไปอย่างนั้นช่างเป็นเด็กที่กักเก็บความรู้สึกไม่เป็นเอาเสียเลย “เป็นเพราะเจ้าทำตัวสบายตอนอยู่จวนตระกูลหลินจนเคยตัวนะสิ พอมาอยู่ในวังที่มีความเข้มงวดเข้าหน่อยก็เลยปรับตัวไม่ทัน” หลินหลานบ่นให้สาวใช้ตัวน้อยอย่างเอ็นดู เสี่ยวจูก็เหมือนน้องสาวแท้ ๆ ที่ท่านแม่ขอมาจากท่านตาเพื่อนำมาเลี้ยงให้เติบโตไปพร้อมกับนาง เราทั้งสองจึงไม่มีความลับต่อกันและเชื่อใจกันที่สุด “ไม่ใช่อย่างนั้นเสียหน่อยเพคะ” เสี่ยวจูทำหน้างอง้ำเมื่อความหมายที่นางพยายามจะสื่อถึงกลับถูกแปลเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น “อดทนรอคือสิ่งที่เราต้องทำ ไม่ใช่ว่าไม่ชอบใจแล้วจะไปจากที่นี่ได้เสียเมื่อไหร่” “ถ้าอย่างนั้นเสี่ยวจูจะอดทนชื่นชมและอิ่มหนำกับของดี ๆ ที่ตำหนักโน้นปรนเปรอให้เพคะ” เสี่ยวจูพูดออกมาคล้ายจะประชด “คิก ๆ ปกติเจ้าชอบนักไม่ใช่หรือของกินดี ๆ เครื่องประดับงาม ๆ ที่เราสองคนไม่มีปัญญาหาซื้อมาได้น่ะ” “ก็ชอบเพคะหากมันมาจากฮูหยินรองและนายท่านหลิน แต่...” เสียงสนทนาของนายและสาวใช้ถึงแม้จะเบาบางเหมือนสายลมพัดผ่านแต่สำหรับผู้ฝึกยุทธแล้วต่อให้อยู่ไกลกว่านี้พวกเขาก็ได้ยินและก็ยากยิ่งนักที่ผู้คนจะเห็นรอยยิ้มขบขันจากจากเขาผู้นี้ “หึ ๆ ๆ ป่านนี้ท่านอ๋องคงจะจามไปตลอดทางแล้วกระมัง” เวลาเดียวกันนั้น... ฮัดเช้ย!!!! “ฮ่า ๆ ๆ เพิ่งออกจากเมืองหลวงได้ไม่กี่วันคนทางโน้นก็คิดถึงท่านแม่ทัพเสียแล้ว ว่าแต่ชายาคนไหนนะที่ทำให้ชินอ๋องจามออกมาได้ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน” หมอโจวก็คือหมอโจวเขาก็หาเรื่องเย้าแหย่สหายให้อารมณ์บูดได้ทุกเมื่อที่มีโอกาสนั่นแหละแม้แต่เรื่องไอจามก็ไม่เว้น… สิบวันแล้วที่หลินหลานเทียวไปเทียวมาระหว่างตำหนักเล็กกับตำหนักซ้ายทุกวันตามคำขอของพี่สาวหรืออีกนัยก็คือคำสั่งนั่นแหละ ทุกอย่างก็ดูปกติดีไม่มีอะไรน่าสงสัยและเคลือบแคลงใจสักนิด นอกเสียจากว่ามันดีเกินไปจนหลินหลานเองก็ทำตัวไม่ถูก จากครั้งแรกที่นางเข้ามายังตำหนักแห่งนี้เหล่านางกำนัลและข้ารับใช้ยังเมินกับการมีอยู่ของนางและพากันมองมาที่นางแปลก ๆ หลินหลานพอจะรู้ว่าเรื่องคืนเข้าหอกับท่านอ๋องมันไม่ได้เป็นความลับ สตรีใดที่บังอาจกระทำเรื่องพรรค์นั้นกับนายเหนือหัวของพวกเขาหากจะถูกคนทั้งวังรังเกียจมันก็ไม่แปลกต่อให้เป็นชายาของอ๋องก็เถอะ ยิ่งพ่อบ้านใหญ่ของวังก็ยิ่งแล้วถึงตอนนี้จะทำดีกับนางแต่คงทำไปเพราะเป็นคำสั่งของหวางเฟยอย่างไม่ต้องสงสัย... และสิบวันผ่านไปตามที่ได้นัดหมายงิ้วฉากใหญ่ในวังอ๋องก็ถูกองครักษ์เงาถ่ายทอดออกมาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นตำหนักซ้ายหรือกระทั่งตำหนักเล็กเสมือนชินอ๋องได้ไปยืนดูอยู่ตรงนั้นก็ไม่ปาน “นางช่างกล้าและถือดีไม่ไว้ใจข้าอย่างนั้นหรือ อ๋องอย่างข้ารึไร้เหตุผล ถ้ามีการไต่สวนขึ้นมาจริง ๆ ไม่แคล้วว่านางต้องได้รับโทษทัณฑ์อย่างแน่นอน หากไม่เป็นเพราะหวางเฟยของข้าปรามเอาไว้ก่อนมีหรือที่นางจะมีโอกาสได้ใช้วาจากล่าวหาข้าเช่นนี้” จ้าวโม่หยางเก็บอารมณ์ฉุนเฉียวเอาไว้ไม่อยู่เมื่อเหตุการณ์ในตำหนักเล็กของชายารองถูกถ่ายทอดออกมาจากปากขององครักษ์เงา “ข้าว่านางพูดมาก็ไม่ผิด ได้ยินถึงขนาดนี้แล้วเจ้ายังปักใจว่านางเป็นคนทำอีกหรือ ก็แค่วางยากำหนัดกับวังอ๋องที่ไร้ความเข้มงวดดังแต่ก่อนต่อให้นางกำนัลเล็ก ๆ เป็นคนทำก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรใช่ไหม” “ทำไมเจ้าถึงได้เข้าข้างนางนักนะทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วยซ้ำ แต่กับกุ้ยฮวาของข้าเจ้าก็หาเรื่องจับผิดนางได้ตลอดทั้งที่เราก็แต่งงานกันมาตั้งสามปีแล้วและทุกอย่างก็สงบสุขดี เจ้ายังมีสิ่งใดเคลือบแคลงอีกหรือโจวเฉิน” “ท่านแม่ทัพตลอดสามปีมานี้ข้าไม่เคยสงสัยในตัวหวางเฟยเลยนะจนกระทั่งนางขอร้องให้ท่านแต่งน้องสาวต่างมารดาเข้าวัง อีกอย่างท่านก็กลับเมืองหลวงแค่ปีละครั้งเหตุใดหวางเฟยเพิ่งจะมาเหงาเอาเมื่อผ่านมาแล้วถึงสามปี ทำไมนางไม่พาน้องสาวมาอยู่ด้วยตั้งแต่วันนั้นไม่เห็นจะต้องให้แต่งเข้าวังเลยจริงไหมท่านแม่ทัพ แล้วมีสตรีใดบ้างที่คะยั้นคะยอให้สามีนอนกับหญิงอื่นนอกเสียจากว่า...” คำกล่าวของหมอโจวสะกิดเข้าที่หัวใจของโม่หยางครั้งแล้วครั้งเล่า “อี้สงจับตาดูพวกนางต่อไปแล้วรายงานทุก ๆ สิบวัน ถ้าเกิดเหตุการณ์เร่งด่วนข้าไว้ใจให้เจ้าจัดการได้เลย” “พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง” เงาดำก้มคำนับรับคำสั่งจากนายเหนือหัวแล้วก็รีบจากไปอย่างไวเหมือนกับตอนที่โผล่มา “ท่านก็เริ่มเคลือบแคลงในตัวนาง” โม่หยางไม่ตอบกลับสหายรักและไม่แก้ต่างให้หวางเฟยเหมือนอย่างเคย ใบหน้าหล่อเหลาแม้จะยังคงความนิ่งขรึมแต่เมื่อมองไปที่แววตากลับหมองหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด เขาพยายามมองชายารักในแบบที่เขาอยากจะเห็นเท่านั้นจริง ๆ ส่วนตรงไหนที่มันขัดเคืองในใจเขาก็จะปิดตาอีกข้างไว้เสมอเพียงเพราะไม่อยากให้นางเป็นทุกข์ อย่างเช่นเรื่องแต่งชายารองเข้าวังเป็นต้นเขาไม่ได้ใช้ความสามารถหรืออำนาจที่มีเพื่อจะขัดขวางนางเลยด้วยซ้ำ ‘ชายารักเจ้าอยากให้นางตั้งครรภ์กับพี่จริงหรือเพื่ออะไรกันในเมื่อเจ้าก็ยอมจะตั้งครรภ์เองแล้ว หรือมีสิ่งใดที่เจ้าปิดบังพี่อยู่’ ชินอ๋องยังคิดถึงปัญหาของเขากับชายารักไม่ออกจึงได้แต่ควบม้าศึกให้ทะยานออกไปคล้ายจะปลดปล่อยความรู้สึกอัดอั้นนี้ให้มันหายไปจากใจ “สิ่งที่สตรีกลัวเมื่อแต่งงานไปแล้วมันมีไม่กี่อย่างหรอกนะท่านแม่ทัพ” หมอโจวเอ่ยขึ้นเบา ๆ คล้ายกับพูดคนเดียวเสียมากกว่าเพราะคนที่อยากให้ได้ยินควบม้าออกไปไกลแล้ว ที่โจวเฉินพูดไปนั้นก็ไม่ผิดแต่ทั้งหมดทั้งมวลมันจะใช่เพราะเหตุผลนั้นจริงหรือไม่ล่ะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD