สำนักคุ้มภัยเฉพาะกิจ

1802 Words
อีกฟากของชายป่ารอบนอก..มีรถม้าและกลุ่มชายฉกรรจ์นับสิบกำลังพากันเฝ้ารอการมาของใครบางคนอย่างกระวนกระวายแต่ก็รอแล้วรอเล่าคนที่พวกเขาเฝ้ารอก็ไม่มีทีท่าว่าจะโผล่ออกมาจากป่าเสียที “ทำไมพี่ใหญ่ยังไม่ออกจากป่ามาอีกจะเกิดอะไรขึ้นไหม” ชายร่างใหญ่หน้าบากด้วยรอยแผลเป็นอดรนทนไม่ไหวจึงได้เอ่ยถามขึ้นมา “ใจเย็น ๆ เถอะสงเมา” ชายอีกคนที่ดูมีอายุมากกว่าพูดขึ้นอย่างใจเย็น ยังไม่ถึงสองก้านธูปดีคนที่พวกเขารอคอยก็ออกมาพ้นจากชายป่า สงเมาชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผู้ใจร้อนแทบจะวิ่งไปอุ้มพวกนางขึ้นรถม้าเลยทีเดียว หากไม่รู้ว่านั่นคือพระชายารองในชินอ๋องละก็เขาคงได้ทำไปแล้วจริง ๆ พวกนางช่างเดินช้าต้วมเตี้ยมไม่ทันใจยิ่งนักเขาจึงได้แต่พ่นลมออกทางจมูกอย่างขัดใจ “เก็บอาการด้วยสหายอย่างน้อยพวกนางก็ออกมาอย่างปลอดภัย” ชายที่อายุมากกว่าคนเดิมเดินเข้าปรามเจ้าหนุ่มร่างใหญ่ผู้เลือดร้อนพร้อมกับตบบ่าใหญ่เบา ๆ “ขออภัยลูกพี่ข้าแค่กลัวว่าพวกนั้นจะรู้ตัวและตามมาทันต่างหาก” สงเมาค้อมขออภัยเพราะในใจก็ไม่ได้อยากจะตำหนิอะไรพวกนางเลย แต่เขาเป็นกังวลเพราะคนที่พวกเขาต้องต่อกรด้วยไม่ใช่นักฆ่าธรรมดาแต่เป็นนักฆ่าเงาที่เคยผ่านการเป็นองครักษ์เงามาก่อนแทบทั้งสิ้น “แม่นางทั้งสองเร็วเข้าเถิดเราต้องไปให้ถึงหุบเขาหย่งซานก่อนค่ำ” เป็นชายผู้สุขุมที่ออกปากเร่งพวกนางเสียเองเมื่อคิดตามที่สงเมาพูดพวกเขาไม่ควรดูเบากลุ่มนักฆ่าพวกนั้น “ขออภัยที่มาช้าเลยทำให้พวกท่านเสียเวลา ข้าจะชดเชยค่าแรงให้พวกท่านก็แล้วกัน” หลินหลานกล่าวคำขอโทษเพราะนางก็มาช้าจริง ๆ พอนางเตรียมตัวจะก้าวเท้าขึ้นรถม้าแต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งเรียกเอาไว้ก่อน “เดี๋ยวก่อนขอรับข้าอี้สงเป็นหัวหน้าผู้คุ้มกัน แม่นางทั้งสองโปรดใช้สมุนไพรนี้พอกหน้าเอาไว้ก่อน มันจะช่วยให้เราเดินทางสะดวกขึ้น” อี้สงแสดงตัวเป็นครั้งแรกในคราบหัวหน้าใหญ่ของสำนักคุ้มภัยและมอบสมุนไพรบางอย่างให้กับพวกนาง ไม่ถึงหนึ่งก้านธูปไหม้เสียงกรีดร้องของสตรีก็ดังออกมาจากรถม้าชวนให้ชายฉกรรจ์ทั้งหลายอดที่จะขบขันไม่ได้ เพราะพวกเขารู้ซึ้งดีว่าสมุนไพรชนิดนี้มันทำงานยังไง “ใจเย็น ๆ อย่าได้ตกใจขอรับ มันคือสมุนไพรแปลงโฉมแค่ล้างด้วยน้ำเปล่าใบหน้าของแม่นางทั้งสองก็จะกลับมาสู่สภาพเดิมแล้วขอรับ” อี้สงรีบอธิบายก่อนที่พวกนางจะเสียสติ หลังจากนั้นพวกนางจึงสงบลง “เดินทางได้” เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางและพร้อมแล้วขบวนที่มีรถม้าแค่สองคันกับคนคุ้มกันแค่สิบคนก็ออกเดินทางมุ่งสู่ประตูเมือง “คิก ๆ” “ขำอะไรหรือเสี่ยวจู” “ก็ขำใบหน้าของคุณหนูสิเจ้าคะบวมเป่งอย่างกับซาลาเปาแน่ะ” เสี่ยวจูทั้งพูดทั้งขำพร้อมกับเอานิ้วจิ้มเข้าที่แก้มบวม ๆ ของเจ้านายเบา ๆ “เฮอะ! เจ้าเองก็ไม่เห็นจะต่างน่าเกลียดยิ่งนักทั้งดำทั้งบวม” เมื่อความเครียดเริ่มคลายสองสาวถึงได้หยอกล้อกันไปมา เป็นเวลานานมากแล้วที่พวกนางไม่ได้พูดจาหยอกล้อกันเช่นนี้ตั้งแต่ออกจากจวนสกุลหลินมา เสียงหัวเราะคิกคักในรถม้าก็พาให้ชายฉกรรจ์ทั้งหลายยิ้มออกและผ่อนคลายขึ้นรวมถึงเจ้าหนุ่มร่างยักษ์หน้าบากนั่นด้วย รถม้าเคลื่อนตัวออกไปแบบสบาย ๆ เพื่อให้ดูเป็นปกติที่สุดเพียงสองเค่อพวกเขาก็มาถึงประตูเมือง “หยุด!” เสียงสั่งหยุดรถม้าเพื่อให้นายทหารได้ตรวจตราหาสิ่งผิดปกติเหมือนรถม้าคันอื่น “จะไปไหนกันหรือหัวหน้า” ทหารยามเฝ้าประตูเอ่ยถามเมื่อมองเห็นธงของสำนักคุ้มภัยที่คุ้นตา “หุบเขาหย่งซาน แม่นางทั้งสองต้องการจะไปบวช” อี้สงตอบกลับพร้อมกับเปิดผ้าม่านของรถม้าให้ทหารนายนั้นได้ตรวจ แค่มองเข้าไปในรถม้าเพียงเดี๋ยวเดียวทหารยามก็ผงกหัวรับอย่างเข้าใจ “ก็สมควรแล้วที่พวกนางจะออกบวช ใบผ่านทางของพวกท่านตรวจเรียบร้อยแล้วไปเถอะ โชคดีนะหัวหน้า” ทหารยามปล่อยให้พวกเขาผ่านประตูเมืองออกไปอย่างไม่ยากเย็นทั้งยังอวยพรให้อีกต่างหาก พ้นประตูเมืองออกมาราวหนึ่งลี้อี้สงก็ส่งสัญญาณให้เร่งความเร็วของรถม้าทันที ก๊อก ๆ ก่อนที่รถม้าจะออกตัวด้วยความเร็วอี้สงก็เคาะหน้าต่างของรถม้าเพื่อจะยื่นเสบียงให้กับพวกนาง “เสบียงของพวกท่านกินรองท้องเสียหน่อยเราจะไม่หยุดพักบ่อยจนกว่าจะถึงหย่งซาน” อี้สงอธิบายที่จริงแล้วหุบเขาหย่งซานก็เป็นแค่สถานที่ที่พวกเขาเอาชื่อมาใช้แอบอ้างในการเดินทางเท่านั้นเอง “ขอบคุณหัวหน้าอี้” หลินหลานกล่าวขอบคุณความมีน้ำใจของหัวหน้าผู้คุ้มกันอย่างสุภาพตามพื้นเพนิสัยของนาง “ไม่เป็นไรขอรับ พวกท่านห้ามออกจากรถม้าเป็นอันขาดไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไรก็ตาม..เข้าใจนะขอรับ” “เราเข้าใจแล้ว” หลินหลานรู้ดีว่าการหนีครั้งนี้มันไม่ได้ง่ายเพียงเพราะผ่านประตูเมืองมาได้เท่านั้น นอกเมืองก็นับว่าอันตรายยิ่งไหนจะกลุ่มโจรที่รอดักปล้นอีกก็มีมากมาย “ท่านหัวหน้าอี้ ข้าจ้างวานท่านอีกเรื่องได้หรือไม่” “ว่ามาเถิดหากข้าทำได้ข้าจะทำ” หลินหลานจึงจำเป็นต้องบอกไปว่าพ่อแม่ของนางเป็นใครเมื่อบอกความต้องการของนางแล้ว ก็เกิดความเงียบขึ้นไม่มีเสียงตอบรับจากคนข้างนอกมันทำให้นางใจหายและเริ่มจะกลัวเพราะตอนนี้นางกำลังไว้ใจคนแปลกหน้าทั้งที่นางเองเป็นคนคอยย้ำเตือนอาจูอยู่ตลอดเวลาว่าห้ามไว้ใจผู้ใด “จะให้ข้าเรียกพระชายาหลินหลานหรือคุณหนูหลินดีขอรับ” เสียงข้างนอกถามขึ้นไม่แสดงอาการตื่นตกใจสักนิด “ท่านจะไม่ถามข้าหรือว่าทำไมต้องหนีออกมา” หลินหลานแปลกใจจึงถามหยั่งเชิงหัวหน้าผู้คุ้มกัน “มันไม่เกี่ยวกับข้า งานของข้าคือคุ้มกันท่านให้ปลอดภัยเท่านั้นพระชายา” หลินหลานถอนหายใจเฮือกใหญ่คล้ายจะโล่งอกเมื่อได้ยินคำตอบจากหัวหน้าผู้คุ้มกัน “ตอนนี้ข้าไม่ได้เป็นชายาของอ๋องแล้วจะเรียกข้าว่าอย่างไรก็แล้วแต่ท่าน แล้วเรื่องสกุลหลินท่านจะรับงานนี้หรือไม่หากชักช้าข้ากลัวจะไม่ทันการ” “ข้าจะรับงานนี้ขอให้คุณหนูวางใจได้ หากข้าทำสำเร็จพวกท่านอาจจะได้แยกกันอยู่ คุณหนูหลินจะว่าอย่างไรขอรับ” “ข้าไม่มีปัญหาขอแค่ท่านพ่อและท่านแม่ปลอดภัยก็พอใจแล้ว” ทีแรกตามแผนการที่วางไว้นั้นอี้สงจะบอกพระชายาหลินหลานว่าตระกูลหลินถูกกลุ่มโจรเข้าปล้นแล้วนายท่านหลินกับฮูหยินรองโดนจับตัวไปยังไม่รู้ชะตากรรมแต่เกรงว่าพระชายาที่กำลังตั้งครรภ์อ่อน ๆ จะรับไม่ไหวและจะเป็นพวกเขาเองนั่นแหละที่ต้องลำบาก เรื่องตระกูลหลินถูกปล้นทั้งยังมีคนเจ็บมากมายในจวนคงไม่มีใครสงสัยเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นแล้วหลายวัน เรื่องนี้ให้แค่คนในเมืองหลวงและคนที่วังอ๋องรับรู้ก็เพียงพอแล้ว “วางใจเถิดขอรับ ข้าจะสั่งการเดี๋ยวนี้” อี้สงแสร้งทำเป็นออกคำสั่งด่วนกับสงเมาองครักษ์ร่างยักษ์ให้ไปจัดการงานนี้ สงเมาเองก็รับคำสั่งอย่างเร็วรี่แล้วก็ควบม้าออกไปกับสหายอีกสองคน ช่างเป็นงิ้วอีกฉากหนึ่งที่น่าดูชม พวกเขาช่างเป็นองครักษ์ที่มากความสามารถและสารพัดประโยชน์จริง ๆ “ขอบคุณท่านหัวหน้า” “มันเป็นงานของข้าคุณหนูอย่าได้เกรงใจ” องครักษ์หนุ่มค่อนข้างจะพอใจที่พระชายาหลินหลานเป็นคนเข้าใจอะไรง่ายไม่ว่าจะอยู่ในวังหรือไม่อยู่นางก็ยังปฏิบัติตัวเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง สองลี้ห่างจากกลุ่มคณะเดินทางไม่ไกลเท่าใดนัก “ฮ่า ๆ ๆ ๆ เสร็จงานนี้ข้าจะไปสมัครเล่นงิ้วที่หอสุราเซียนเหอ” “ฮึ! ถึงที่หมายเมื่อใดเจ้าคิดว่าจะได้พักหรือ” สามสหายสนทนากันพลางควบม้าเหยาะ ๆ อยู่ให้ห่างจากคณะเดินทางพอประมาณแต่แล้วพวกเขาก็ต้องรีบควบม้าให้เร็วสุดชีวิตเมื่อเสียงฝีเท้าม้าฝูงใหญ่มุ่งตรงมาทางนี้และถูกควบมาด้วยความเร็วสูงพร้อมกับลูกธนูอีกห่าใหญ่ที่กำลังหล่นลงมาจากท้องฟ้า “พี่ใหญ่แยกขบวนออกไปพวกมันมาแล้ว!!” เสียงตระโกนของสงเมาได้ยินกันทั้งขบวนรวมถึงคนที่อยู่ในรถม้าด้วยสองสาวจับมือกันแน่นจนจนเหงื่อชุ่ม หัวใจก็เต้นโครมครามเพราะความกลัวอย่างแท้จริง “คุณหนูไม่ต้องตกใจเรายังทำตามแผนอยู่ ท่านจะไม่เป็นอะไร” อี้สงควบม้าเข้ามาเทียบเคียงและคอยพูดปลอบนายของตนอยู่ตลอดเวลา พวกเขาแยกรถม้าออกมาโดดเดี่ยวแค่หนึ่งคันและมีองครักษ์คอยคุ้มกันแค่สามคนเท่านั้น “พวกมันตามมาหรือไม่” หลินหลานยังตกใจอยู่แต่นางก็อยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างข้างนอกนั่น “ไม่ขอรับไม่มีใครตามมาเลย เราอาจจะต้องเปลี่ยนแผนมุ่งหน้าไปเมืองหยางแทน” “เมืองหยางมันอยู่ทางไหนหรือ” แค่ได้ยินคำว่าหยางนางก็รู้สึกสะกิดใจแล้ว “ทิศบูรพาขอรับ” นั่นยังไงล่ะสิ่งที่นางคิดมันเคยผิดเสียที่ไหน “เมืองอื่นไม่ได้หรือ” “กระหม่อมเข้าใจว่าพระชายาคิดอะไรอยู่อย่ากังวลไปเลยพ่ะย่ะค่ะ หากทุกอย่างยังไม่คลี่คลายกระหม่อมจะไม่ให้ใครรู้ว่าพระองค์อยู่ที่ใด แม้แต่ท่านอ๋องก็ไม่มีวันรู้” “หัวหน้าอี้ท่านเป็นใครกัน” “ไว้ให้ถึงที่หมายก่อนแล้วกระหม่อมจะบอก ได้โปรดไว้ใจกระหม่อมเพิ่มอีกสักคนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD