สองจิต หนึ่งใจ 2

1653 Words
สองจิต หนึ่งใจ 2 อาการหนักอึ้งและปวดร้าวไปทั้งศีรษะยามขยับรู้สึกตัวตื่น เสียงร้องไห้ดังอยู่ใกล้ เมื่อพยายามลืมตาขึ้นมองก็ต้องนิ่งค้างไป กลุ่มคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักยืนอยู่ล้อมรอบตัว ฉันพยายามฝืนลืมตากะพริบถี่ ๆ เพื่อปรับระยะสายตากระทั่งเห็นเด็กหญิงตัวเล็กนั่งจับมือร้องไห้ไม่สนใจอะไร ห่างออกไปมีกลุ่มคนยืนอยู่พร้อมกับจ้องมองมาด้วยแววตาที่ต่างกันไป “ฮื่อ!! หม่าม๊า ฮึก หม่าม๊าตื่นแล้ว ฮื่อ!” เด็กหญิงตัวเล็กร้องลั่นก่อนจะขยับเข้ามาสวมกอดฉันไว้แน่น แต่เมื่อกี้เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ? หม่าม๊าหรือเปล่าหรืออะไร “เจ็บไหม? ฮึกหม่าม๊ามีเลือดเยอะเลย” คนตัวเล็กเอ่ยถาม และสิ่งที่สงสัยก็ชัดเจนเมื่อคนตัวเล็กเอ่ยเรียกฉันว่าหม่าม๊าจริง ๆ ด้วย ฉันค่อย ๆ ขยับลุกขึ้นนั่ง ก้มมองสำรวจตัวเองก็พบว่าบนเสื้อผ้าและผิวหนังมีทั้งรอยเปื้อนและรอยเลือดที่ยังไม่แห้ง ฉันอยู่ที่ไหน? แล้วคนพวกนี้เป็นใคร “ยังไม่ตายสินะ” ผู้หญิงมีอายุคนนั้นมองฉันพร้อมมุมปากที่ยกยิ้มเหยียด ฉันจ้องหน้าเธอกลับไปก็พบว่ามีเพียงภาพเลือนราง ที่เธอทะเลาะกับผู้หญิงคนหนึ่งก่อนที่เธอและผู้หญิงคนนั้นคนที่เกาะแขนผู้ชายที่กำลังมองมาทางฉัน ผลักผู้หญิงคนหนึ่งให้ล้มลงบนพื้น “แม่!” “ก็ทำไม ฉันพูดจริงอีกอย่างแกเองก็จะหย่ากับมันอยู่แล้ว แม่ก็ช่วยแกแล้วไงช่วยให้มันหย่าเร็วขึ้น” ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้นมา แต่ยิ่งทำให้ฉันงงมากกว่าเดิม แต่ความรู้สึกตอนนี้คือฉันไม่อาจทนอยู่ที่นี่ได้ต่อไปแล้วมันน่าอึดอัดและมีแต่ความรู้สึกเจ็บปวด “วา...” ผู้ชายคนนั้นที่ถูกกอดแขนอยู่เอ่ยเรียกพร้อมกับสายตาที่มองมา วาอย่างนั้นเหรอ? ชื่อเหมือนกับฉันเลย แต่ฉันไม่ได้ตอบค่อย ๆ ขยับลุกขึ้นยืนโดยมีเด็กน้อยลุกขึ้นยืนตามมาด้วย มือเล็กจับมือฉันไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ฉันก้มมองเด็กน้อยที่ยังร้องไห้และมีคราบน้ำตาอย่างชั่งใจ “ไปด้วยกันไหม?” เอ่ยถามเพื่อความมั่นใจ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าตัวอยู่ที่ไหน ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นหรือฉันจริง ๆ แล้วฉันน่ะ ฉันตายไปแล้วหรือเปล่าเพราะคนร้ายทุบตีฉันจนฉันหมดสติ แต่ถ้าตายแล้วทำไมถึงมารู้สึกตัวตื่นที่นี่ “หนูจะไปกับหม่าม๊า” “งั้นก็ไปกันเถอะ” ฉันจับจูงเด็กหญิงตัวเล็กเดินออกจากที่นั่นอย่างทุลักทุเล เพราะยังมีเลือดไหลเลยต้องรีบหาที่ทำแผลเสียก่อน “หม่าม๊ารถหม่ามาอยู่ตรงนี้” เท้าที่กำลังเดินออกจากบริเวณบ้านชะงักไปเมื่อเด็กน้อยเอ่ยเตือน รถเก๋งคันเล็กสีขาวมุกจอดอยู่ เมื่อเดินเข้าไปใกล้คนตัวเล็กก็เปิดประตูและขึ้นนั่งบนคาร์ซีทราวกับเป็นเรื่องปกติที่เธอทำ ฉันยังไม่พูดอะไรและช่วยเด็กน้อยรัดเข็มขัดเรียบร้อยถึงได้เปิดประตูฝั่งคนขับแล้วขึ้นไปนั่ง แย่แล้ว แม้ฉันจะเคยขับรถมาบ้างแต่ฉันยังไม่มีใบขับขี่นะ ถ้าตำรวจจับต้องเสียค่าปรับอีกแน่เลย “ฮึก หม่าม๊า เราไปหาหมอกันเถอะค่ะเลือดหม่าม๊าไหลเยอะเลย” เสียงคนตัวเล็กเอ่ยบอกพร้อมกับแรงสะอื้นอย่างกลั้นไม่อยู่ ฉันไม่ตอบและตัดสินใจขับรถออกจากที่นี่ ผู้ชายคนนั้นคนที่เอ่ยเรียกก่อนที่ฉันจะเดินออกมาเขากำลังวิ่งเข้ามาใกล้แต่ฉันเลือกที่จะขับรถหนีห่างจากเขาแทน ความรู้สึกฉันในตอนนี้บอกเพียงแค่ว่าไม่ควรอยู่ใกล้ผู้ชายคนนั้น คลินิกขนาดเล็กที่มองเห็นป้ายในระยะไกล ฉันชะลอรถเมื่อใกล้ถึงหน้าคลินิก ฉันจอดและขอให้คุณหมอทำแผลให้โดยมีเด็กหญิงตัวเล็กนั่งจับมือร้องไห้กลัวฉันเจ็บ แต่ก็เจ็บจริง ๆ นั่นแหละตอนที่เย็บแผลก็มีภรรยาคุณหมอช่วยพาเด็กน้อยออกไปรอข้างนอกก่อนที่คุณหมอจะจัดการเย็บแผลให้ฉัน ระหว่างที่นั่งอยู่ก็ขบคิดกับตัวเองว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่ มันคือความฝันเหรอ “โอ๊ย!” ยังไม่สิ้นความคิดก็ต้องร้องเสียงดังเมื่อคุณหมอใช้แอลกอฮอล์เช็ดรอบแผล “เจ็บหน่อยนะครับ” คุณหมอเอ่ยบอก แต่ไม่น่าจะใช่ความฝันแล้วล่ะเพราะมันเจ็บมาก แต่ทำไมจู่ ๆ ฉันถึงได้ตื่นขึ้นมาที่นี่ ในร่างของผู้หญิงคนนี้ ทั้งยังมีลูกสาวตัวเล็กน่ารักน่าเอ็นดูนี่อีก ส่วนผู้ชายคนนั้นฉันคิดว่าน่าจะเป็นสามีเธอ เพราะไม่เช่นนั้นยัยป้าคนนั้นคงไม่พูดทำนองที่ว่าจะให้หย่ากับผู้ชายคนนั้นหรอก นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ฉันไม่ได้อ่านนิยายหรือดูละครที่ย้อนเวลาไปที่ไหนนะฉันน่ะตายไปแล้ว ตายเพราะโจรนั่นมันใช้แจกันทุบหัวฉันจนแบะนั่นไง “เสร็จแล้วครับ ระวังอย่าให้แผลโดนน้ำนะครับ” “ขอบคุณค่ะ” “อีกห้าวันหมอจะนัดตัดไหมนะครับ ส่วนวันนี้หลังยาชาหมดฤทธิ์จะมีอาการปวดอยู่บ้างหมอจะจัดยาลดปวดให้” คุณหมอเอ่ยบอกยาว ๆ ฉันจึงขยับลงจากเตียงคนไข้ เดินออกมารอข้างนอก เด็กตัวเล็กเมื่อเห็นฉันเดินออกมาก็รีบวิ่งเข้ามาสวมกอดไว้ “หม่าม๊าเจ็บไหม?” เอ่ยถามทั้งที่บนหน้านั้นยังมีคราบน้ำตา น่าเอ็นดูจังเลย ฉันย่อตัวนั่งทับส้นเท้าตรงหน้าเด็กสาว ใช้มือเช็ดน้ำตาบนแก้มออกให้อย่างเบามือ “ไม่เจ็บแล้วค่ะ” “ฮื่อ! หม่าม๊า หม่าม๊ากลับมาหาหนูแล้ว” สองแขนเล็กโอบรอบคอไว้แน่นพร้อมกับร้องไห้งอแง ใช้เวลาจัดการเรื่องยาและค่าใช้จ่ายเสร็จก็เดินออกจากคลินิกพาเด็กน้อยที่ร้องไห้จนหลับขึ้นรถ และนั่งนิ่งอยู่แบบนั้น ฉันไม่รู้ว่าจะต้องไปที่ไหน เพราะตั้งแต่ตื่นมาความคิดและความทรงจำต่าง ๆ มันไม่มีอะไรชัดเจนเลยแต่สิ่งที่คอยเตือนให้ทำสิ่งต่าง ๆ คือความรู้สึก ความรู้สึกที่ว่าต้องทำอะไร ต้องไปที่ไหน ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกันที่ความรู้สึกบอกให้ขับรถไปตามเส้นทางกระทั่งรถหยุดที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ฉันจอดรถที่หน้าบ้านนิ่ง ๆ พร้อมกับมองเข้าไปภายในบ้าน มันเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคย และฉันเองก็มั่นใจว่าไม่เคยมา ไม่เคยรู้จักที่นี่ ภาพที่ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังหยอกล้อเล่นกับลูกสาว รอยยิ้มและเสียงหัวเราะดังชัดเจนในบ้านหลังนี้ และที่นี่คงจะเป็นบ้านของเธอและเด็กน้อยที่หลับอยู่สินะ แต่ถ้าจะให้เห็นภาพเหตุการณ์แบบนี้ช่วยบอกหน่อยได้ไหมทำไมฉันถึงต้องมาอยู่ที่นี่ แล้วเธออยู่ไหนทำไมไม่กลับมาอยู่ที่นี่กับลูกสาวเธอกันล่ะ ภายในบ้านจัดสรรหลังใหญ่ไม่มีใครอยู่เลย ภายในบ้านโล่งมีเพียงเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งทั่วไปเท่านั้น ฉันอุ้มเด็กหญิงที่หลับอยู่แนบอกโดยที่มืออีกข้างนั้นเปิดและปิดประตูอย่างแน่นหนา ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไป ถามว่ารู้เหรอว่าต้องไปที่ไหนบอกได้เลยค่ะว่าไม่ ทุกก้าวที่เดินฉันใช้ความรู้สึกคุ้นชินที่สัมผัสได้เท่านั้น บนชั้นสองมีประตูห้องนอนสามบาน ฉันเดินไปหยุดที่หน้าประตูบานหนึ่งที่อยู่ด้านในสุด เปิดประตูเข้าไปก็มั่นใจว่าความรู้สึกที่สัมผัสได้ตลอดตั้งแต่ลืมตาแล้วฟื้นขึ้นมาในร่างนี้คือความทรงจำของเจ้าของร่าง ห้องนอนไม่กว้างไม่เล็กมุมหนึ่งมีชั้นวางและกล่องเก็บของเล่นเด็ก บนเตียงนอนขนาดหกฟุตนั่นมีชุดผ้าห่มและตุ๊กตาหมีของเด็กหญิงจัดวางอยู่ ฉันค่อย ๆ เดินเข้าใกล้เตียงนอนวางเด็กน้อยที่หลับอยู่ลงบนเตียงเมื่อได้นอนบนเตียงนอนนุ่ม ๆ เด็กน้อยก็ขยับตัวพลิกแล้วหลับต่ออย่างเงียบเชียบ ฉันเดินไปปิดประตูห้องนอนและล็อกไว้เพื่อความปลอดภัย ก่อนจะมองสำรวจรอบห้องนอน ตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่มีเสื้อผ้าของเจ้าของร่างและมีชุดของเด็กน้อยแขวนอยู่อย่างเป็นระเบียบ รวมถึงลิ้นชักพลาสติกลายการ์ตูนสีฟ้าที่มีเสื้อผ้าถูกพับเก็บไว้อย่างเป็นระเบียบ แม้ภายในห้องจะมีของเล่นเด็กอยู่มากแต่ห้องก็ดูสะอาดและถูกจัดวางไว้อย่างดี ห้องนอนนี้อยู่ด้านด้านหลังของบ้านเปิดหน้าต่างออกไปก็จะมองเห็นวิวสวนของบ้านที่โล่งจนไม่รู้ว่าเข้ามาอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่กันแน่ทำไมบ้านถึงเหมือนเพิ่งซื้อ เมื่อคิดอะไรไม่ได้มากกว่านี้จึงเอ่ยขอกับเจ้าของห้องเสียงเบา “ขออาบน้ำแล้วยืมชุดหน่อยนะคะ” ถามว่ากลัวไหม ไม่เลยฉันไม่ได้รู้สึกกลัว มันเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดแต่ก็ยังรู้สึกอิ่มใจ ไม่รู้สิฉันอธิบายไม่ถูกเหมือนกัน เอาเถอะขอฉันอาบน้ำล้างกลิ่นคาวเลือดออกก่อนแล้วกันเพราะตอนนี้ก็อยากจะนอนพักเหมือนกัน หลังจากยาชาหมดฤทธิ์ความรู้สึกปวดหนึบถึงกับทำให้ฉันอยากร้องไห้ ทำไมมันเจ็บปวดแบบนี้กันนะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD