บทที่ 13 ออกจากโลกต่างมิติ

1811 Words
บทที่ 13 ออกจากโลกต่างมิติ ชุดที่ลู่ซินฟางซื้อให้ลูกๆ นั้นเป็นชุดที่ตัดเย็บสำเร็จ เนื้อผ้าถือว่าใช้ได้ พอลองสวมแล้วพอดีกับตัวเปะๆ เจ้าตัวเล็กทั้งสองหมุนซ้ายหมุนขวา ใบหน้าเล็กๆ เปื้อนยิ้มอย่างเบิกบาน “ท่านแม่ ชุดสวยจังเลย” “ใส่ได้พอดีด้วย” ลู่ซินฟางย่อตัวลงตรงหน้าลูกชายกับลูกสาว ช่วยจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม “หลังจากเปิดร้านในเมืองแล้ว แม่จะจ้างช่างมาตัดชุดให้พวกเจ้าดีหรือไม่” “พวกเราจะย้ายไปอยู่ในเมืองกันหรือ” เป่าเอ๋อร์เอียงศีรษะถาม “ท่านแม่จะเปิดร้านขายขนมจริงๆ ด้วย!” เฉิงเอ๋อร์พูดเหมือนรู้ทัน ลู่ซินฟางจิ้มปลายจมูกเล็กๆ ของลูกทั้งสองก่อนพูดว่า “ในอนาคตพวกเจ้าจะต้องเรียนหนังสือ ย้ายเข้าเมืองจะสะดวกกว่า แล้วก็นะเฉิงเอ๋อร์ แม่จะเปิดร้าน แต่ไม่ใช่ร้านขนมหรอกนะ” “พวกเราจะได้เรียนหนังสือด้วยหรือ” เฉิงเอ๋อร์ปิดบังสีหน้าตื่นเต้นไม่มิด “เย่ ในเมือง ในเมือง!” เป่าเอ๋อร์ชูสองมือร้องอย่างดีใจ “เอาละ ลองชุดเสร็จแล้ว แม่จะทำข้าวเที่ยงให้กินนะ วันนี้แม่ซื้อเนื้อหมูกลับมาด้วย” เป่าเอ๋อร์ยิ้มแก้มแทบแตก “เนื้อ!” เฉิงเอ๋อร์เองก็ดีใจจนอดยิ้มออกมาไม่ได้ “ให้ข้ากับเป่าเอ๋อร์ช่วยท่านแม่นะ” “เฉิงเอ๋อร์เด็กดี เรื่องเตรียมอาหารให้เป็นหน้าที่ของแม่ดีกว่า พวกเจ้าเฝ้าบ้านตลอดทั้งเช้าแล้ว ออกไปเล่นกันก่อนก็ได้” พูดถึงตรงนี้ ลู่ซินฟางเพิ่งนึกออกว่านางซื้อกลองป่องแป๋ง ว่าวและตุ๊กตาผ้ากลับมาด้วย นางไม่เคยมีลูก เลยไม่รู้ว่าเด็กๆ วัยนี้ชอบเล่นอะไร เลยซื้อกลับมาเยอะแยะ หญิงสาวเดินไปหยิบของเล่นมาให้ลูกๆ เป่าเอ๋อร์หยิบตุ๊กตาผ้าขึ้นมากอด ดูแล้วคงชอบมาก เฉิงเอ๋อร์มองของเล่นที่เหลือ ไม่ได้หยิบขึ้นมา “ไม่ชอบหรือ” “ข้า...คือว่า...” เฉิงเอ๋อร์ลังเลที่จะบอก ลู่ซินฟางไม่ได้ไม่พอใจอะไร ของเล่นแค่นี้ราคาไม่กี่เหรียญเท่านั้น สิ่งสำคัญคือความต้องการให้เด็กทั้งสองมีความสุข คิดจบ มือเรียวลูบลงบนศีรษะเล็กๆ ของลูกชาย “เฉิงเอ๋อร์ เป่าเอ๋อร์ก็ด้วยนะ เมื่อก่อนแม่ไม่เคยถามว่าพวกเจ้าชอบหรือไม่ชอบอะไร อยากได้อะไร หรือไม่อยากได้อะไร แต่ต่อจากนี้ ถ้ามีของที่พวกเจ้าชอบหรือยากได้ก็บอกแม่ ไม่ต้องเกรงใจนะ” “ท่านแม่...” ได้ฟังแบบนั้น ใบหน้าดวงน้อยของเด็กทั้งสองผุดความซาบซึ้ง ดวงตากลมโตคลอด้วยน้ำตา “ไหน พวกเจ้าลองบอกแม่สิ ว่าอยากได้อะไรกันบ้าง” ลู่ซินฟางเปลี่ยนเรื่องก่อนที่บรรยากาศดีๆ จะเปลี่ยนเป็นเศร้า เป่าเอ๋อร์ชูมือ กระโดดโหยงๆ “ข้า...ข้า…” “เป่าเอ๋อร์อากได้อะไรหรือ” “อยากกินเนื้อเยอะๆ” “ได้ ต่อไปพวกเราจะได้กินเนื้อเยอะๆ” “ข้า...อยากเรียน อยากได้กระดาษ พู่กันและน้ำหมึก” โถ เด็กตัวแค่นี้รู้จักใฝ่หาความรู้ ลู่ซินฟางคิดพลางมองลูกชายด้วยสายตาอ่อนโยน “ได้ แม่จะหาอาจารย์มาสอนหนังสือให้พวกเจ้าหลังจากย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง กระดาษกับพู่กันก็จะซื้อให้ด้วย” “แต่ของพวกนั้นต้องใช้เงินเยอะเลยนะ บ้านเราไม่มีเงินขนาดนั้นหรอก” เฉิงเอ๋อร์ทำหน้ากังวล เขาไม่อยากให้ท่านแม่ลำบาก แค่ได้อยู่พร้อมหน้า ได้กินของอร่อยด้วยกันเหมือนทุกวันนี้ก็มากพอแล้ว “เฉิงเอ๋อร์ เป่าเอ๋อร์ อีกไม่นาน แม่ก็จะมีเงินเยอะๆ แล้ว พวกเจ้าคอยดูได้เลย” ได้ยินแบบนี้ เด็กทั้งสองทำหน้างุนงง ตอนอยู่บ้านตระกูลเหอ ท่านพ่อ...ไม่สิ ผู้ชายคนนั้นไม่เคยถามพวกเขาว่าอยากได้อะไรหรือไม่ชอบอะไร บนโต๊ะอาหารของพวกเขานานๆ จะมีเนื้อสักครั้ง หนำซ้ำ ลูกๆ ของท่านอาคนรองได้เรียนหนังสือ และยังได้เสื้อผ้าตัวใหม่ปีละสองหน แต่พวกเขาได้รับแค่เสื้อผ้าเก่าๆ จากคนอื่นมาอีกที เรือนที่พวกอารองอยู่ก็เป็นเรือนใหญ่ แต่เรือนของท่านแม่กลับเป็นเรือนเล็กที่อยู่ด้านหลัง หลังจากถูกไล่ออกมาจากบ้านเหอ ชีวิตยากลำบากกว่าเดิมมาก คิดว่าจะต้องตายแล้ว ท่านแม่ที่อ่อนแอยอมอดมื้อกินมื้อเพื่อพวกเขา แต่หลังจากท่านแม่ฟื้นจากการล้มป่วยหนักก็เปลี่ยนเป็นคนละคน ท่านแม่เข้มแข็ง หาเงินเก่ง เพราะอย่างนี้ เขาจะเชื่อมั่นท่านแม่! “เฉิงเอ๋อร์ เจ้าไม่ต้องกังวลนะ แม่ทำอย่างที่รับปากเพื่อพวกลูกได้อย่างแน่นอน” “อื้อ ข้าเชื่อท่านแม่!” ลู่ซินฟางยิ้ม จู่ๆ แววตาของเฉิงเอ๋อร์ก็มุ่งมั่นขึ้นมา คงเพราะคำพูดปลุกใจเมื่อครู่ของนางกระมัง อย่างไรก็ตาม ลู่ซินฟางไม่ได้สักแต่พูด ความตั้งใจของนางแน่วแน่เป็นอย่างมาก กลับมามีชีวิตใหม่ครั้งนี้ นางจะต้องร่ำรวยและอยู่อย่างสุขสบายกับทุกคน! มื้อเที่ยงวันนั้น ลู่ซินฟางทำผัดผักใส่เนื้อ เต้าหู้ทรงเครื่อง น้ำแกงไก่และข้าวสวยร้อนๆ ของว่างคือขนมแป้งทอดไส้ฟักทอง พอได้กินของอร่อยๆ ความหม่นหมองที่อยู่ในใจของเด็กน้อยทั้สองก็ปลิวหายจนเกลี้ยง ลู่ซินฟางเองก็ไม่ต่างกัน แต่ไหนแต่ไร สำหรับนางแล้วการได้กินของอร่อย การนับเงินทองจำนวนมากๆ เป็นเหมือนการช่วยเยียวยาจิตใจ พอตกกลางคืน ลูกๆ หลับแล้ว ลู่ซินฟางเปิดประตูมิติมาอีกโลกหนึ่ง โลกทางนี้เองก็เป็นกลางคืนเช่นกัน ท้องฟ้าพร่างพราวด้วยหมู่ดาวระยิบระยับ นางแหงนหน้ามองท้องฟ้าสักครู่ ก่อนจะเดินเข้าบ้านไม้สองชั้นที่เป็นแบบยุโรป “เจ้านายมาแล้ว!” ทันทีที่ลู่ซินฟางเปิดประตูเข้ามา หลินก็บินเข้ามานั่งบนหัวไหล่ ไม่เพียงเท่านั้น บ้านทั้งหลังยังสว่างไสวด้วยเวทมนตร์ นางลูบแก้มของหลิน “ข้ามาแล้ว เอาขนมมาฝากด้วยนะ” “ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปเตรียมน้ำชาขอรับ” หลางไป๋บอก พร้อมกับรับถุงขนมแล้วเดินเข้าไปในครัว นำขนมใส่จาน ต้มน้ำร้อนชงชา หลินจูงมือลู่ซินฟางไปนั่งที่เก้าอี้ ถามอย่างตื่นเต้น “คราวนี้มีเรื่องสนุกๆ อะไรเหรอ” “คิกๆ” นางหัวเราะให้กับความน่ารักของภูตน้อย “เยอะแยะเลย” สักครู่หนึ่ง หลางไป๋ก็ยกชากับขนมมาเสิร์ฟ เมื่อทั้งสามนั่งลงดื่มด่ำกับชาหอมกรุ่น ลู่ซินฟางก็เล่าเรื่องที่ตนค้าขายในวันนี้ให้ทั้งสองฟัง พร้อมกับหยิบเงินที่เพิ่งได้ออกมาวางบนโต๊ะ “นี่คือเงินทั้งหมดที่ข้ารวบรวมเงินจากโลกทางนั้น คิดว่าน่าจะครบทั้งหมดแล้วละ” ลู่ซินฟางบอก หลินหยิบตั๋วเงินมาพลิกดูด้วยความสงสัย “กระดาษนี้คือเงินเหรอ ไม่เหมือนกับธนบัตรที่เจ้านายเคยใช้เมื่อก่อนเลย” ธนบัตรที่หลินพูดถึงก็เงินจากโลกเดิมที่ลู่ซินฟางเคยใช้ “โลกที่ข้าอยู่ตอนนี้เป็นยุคโบราณ เงินที่ใช้เลยมีรูปแบบต่างกันน่ะ” “นอกจากเหรียญทองแดง พวกเขายังก้อนเงินกับก้อนทองด้วยหรือ ไม่ค่อยมีความบริสุทธิ์เท่าไรเลยนะขอรับ” หลางไป๋บอก พร้อมกับหยิบเงินตำลึงเงินกับตำลึงทองขึ้นมาดู ลู่ซินฟางเห็นด้วยกับคำพูดของหลางไป๋ ก่อนจะอธิบายค่าเงินที่พอรู้มาคร่าวๆ ให้ทั้งสองฟัง พร้อมแบ่งเงินเป็นกองๆ ให้พวกเขาเห็นเป็นตัวอย่าง “100 เหรียญทองแดงนี้ เท่ากับ 1 ตำลึงเงิน และ 10 ตำลึงเงินจะเท่ากับ 1 ตำลึงทอง แต่ว่า ราคาสินค้าแต่ละชิ้น ข้าเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไร” “ขอรับ” ทางด้านหลิน หลังจากหยิบเงินทั้งหมดขึ้นมาดูพร้อมกับพึมพำทวนสิ่งที่ลู่ซินฟางสอน ผ่านไปสักพักใหญ่ หลินก็โพลงออกมาว่า “จำได้แล้ว!” ลู่ซินฟางยิ้ม “ถ้าอย่างนั้น รบกวนหลินช่วยสร้างเงินขึ้นมาให้หน่อยได้ไหม” “ได้สิ” พอตอบปุบ หลินก็สร้างเงินกองหนึ่งขึ้นมาปับ เหรียญทองแดง ก้อนเงินและก้อนทอง หลางไป๋ถาม “จากนี้ท่านซินฟางจะทำอย่างไรต่อหรือขอรับ” “ตั้งใจจะซื้อที่ดินเอาไว้ทำสวน จากนั้นก็จะเปิดร้านขายส่งวัตถุดิบ แต่ว่าจะใช้ของจากโลกทางนี้ อ้อ ข้าไม่ได้จะเอาออกไปเปล่าๆ หรอกนะ ตั้งใจว่าจะจ่ายค่าตอบแทนด้วย อาจจะเป็นส่วนแบ่งจากรายได้หรือเป็นวัตถุดิบ และความรู้จากข้างนอกน่ะ” อันที่จริง ส่วนแบ่งรายได้ที่เป็น ‘เงิน’ แทบไม่จำเป็น เพราะโลกทางนี้แทบไม่ต้องใช้เงิน ขอแค่มีอาหารและน้ำ พวกเขาก็ดำรงอยู่กันได้แล้ว ด้วยเหตุนี้ ผลผลิตจากฟาร์มของลู่ซินฟางจึงกลายเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ของสัตว์อสูรที่ใช้แรงงานแลกมา ลู่ซินฟางไม่ได้เป็นคนแบ่งสรรคปันส่วนอาหารพวกนั้น เพราะหลางไป๋ช่วยเป็นธุระทำหน้าที่นั้นแทน “ทำการค้ากับต่างโลก พูดไปแล้ว ชักจะตื่นเต้นขึ้นมาแล้วสิ” ลู่ซินฟางพูดด้วยรอยยิ้ม “ค้าขาย ค้าขาย!” หลินชูมือขึ้นเหนือศีรษะพร้อมกับร้องอย่างตื่นเต้น ให้รู้สึกเหมือนเห็นเป่าเอ๋อร์น้อยคนที่สอง ลู่ซินฟางหัวเราะเบาๆ “หากเป็นไปได้ อยากให้พวกเจ้าออกจากที่นี่ไปเปิดหูเปิดตาข้างนอก ไปหาของอร่อยๆ กิน ทำเรื่องสนุกๆ แล้วก็พัฒนาที่นี่ให้เจริญขึ้นไปอีก” ลู่ซินฟางเอนหลังพิงผนังเก้าอี้ ถอนหายใจแล้วพูดอย่างเสียดาย “แล้ว...ถ้าออกไปล่ะ” อยู่ๆ หลินก็โพลงออกมา ลู่ซินฟางร้อง “เอ๊ะ!” รู้แค่เพียงว่านางที่เป็นเจ้าของฟาร์มสามารถเอาของจากโลกนี้ออกไปได้ แต่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพาคนออกไปได้ด้วย เพราะหลินเคยบอกว่าตนเป็นผู้แล ออกไปจากที่นี่ไม่ได้ ลู่ซินฟางเลยสรุปเอาเองว่าคนอื่นๆ ก็คงไม่ต่างกัน แต่ถ้าทุกคนออกไปได้ แบบนั้นก็ยิ่งดีไปเลยสิ!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD