บทที่ ๓ หัวใจอิจฉา(๓)

1170 Words
ไอร์เน เนเวล์ยอฟกลับไปแล้ว กลับไปพร้อมกับพี่ชายจอมหึงหวงของเธอ ซึ่งเคลล์ไม่ชอบขี้หน้าไอ้หมอนั่นเลยสักนิดเดียว เขารู้สึกถูกชะตากับเจ้าของชุดราตรีสีหวาน สวย ดูดี มีสง่า ดวงตาของเธอมีเสน่ห์ดึงดูดให้เข้าใกล้ จนต้องประมูลเครื่องเพชรชิ้นดีและแพงที่สุดในงานให้กับเธอ ให้เครื่องเพชรเป็นดังมิตรภาพที่สวยงามของเขา แต่สุดท้ายเธอก็เอามาคืนพร้อมกับหว่านล้อมด้วยคำพูดน่าฟัง แต่ถึงอย่างไรเขาก็จะเก็บเครื่องเพชรชุดนี้ไว้ให้ เพราะเธอจะเป็นเจ้าของมันแต่เพียงผู้เดียว ร่างสูงเดินอ้อมกลับไปยังตู้เซฟซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังโต๊ะทำงาน เคลล์เก็บเครื่องเพชรของไอร์เนไว้ในนั้น แต่ก่อนจะปิดประตูเซฟชายหนุ่มก็เหลือบเห็นกล่องใบเล็ก ซึ่งหยิบติดมือมาเมื่อครั้งไปเยือนดูไบ มันเป็นสร้อยข้อมือขนาดเล็ก ประดับด้วยจี้รูปหัวใจและผีเสื้อ ทุกๆ ชิ้นฝังด้วยเพชรเม็ดงามหลายกะรัต แค่เห็นกำไลข้อมือชิ้นนี้เขาก็รู้ทันทีว่ามันเหมาะกับใคร เคลล์หยิบกล่องเพชรออกจากตู้เซฟแล้วเปิดดู ยิ้มให้กับมันเล็กน้อยก่อนจะเก็บลงไปในกระเป๋าเสื้อสูทด้านใน แล้วเดินปั้นหน้าเรียบเฉยตรงไปยังแผนกบัญชี แต่พอไปถึงบรรดาพนักงานก็ต่างหน้าม้านหลบลี้ มีเพียงผู้จัดการเท่านั้นที่กุลีกุจอตรงมาหา “มีอะไรให้ผมรับใช้ครับท่าน” เคลล์กวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วย่นคิ้วเมื่อโต๊ะทำงานของคุลิกาว่างเปล่า “ผู้ช่วยอีกคนของคุณไปไหนละคุณสปอร์ตเตอร์” “เอ่อ...คุลิกากลับไปแล้วครับ” ผู้จัดการตอบพร้อมหลบสายตาอธิบายจนลิ้นแทบจะพันกัน “คือเธอไม่สบายจึงขอตัวกลับไปพักที่บ้าน ท่านมีธุระอะไรกับเธอหรือครับ” “กลับบ้านอย่างนั้นหรือ” เคลล์ได้แต่หรี่ตาขบคิด ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งได้รับรายงานจากเรเปลว่าเธอไม่ยอมอยู่เพนท์เฮาส์ ดันทุรังจะมาทำงานให้ได้ แล้วนี่เกิดอะไรขึ้น ผ่านมาไม่กี่ชั่วโมงถึงได้กลับไป ชายหนุ่มจึงรีบสาวเท้าเร็วๆ ออกจากแผนกบัญชี พร้อมล้วงโทรศัพท์กดหาใครบางคนด้วยความรีบร้อน เมื่ออีกฝ่ายตอบรับกลับมาก็กรอกเสียงห้าวซักถามทันที “เรเปลคุลิกาอยู่ที่ไหน อืม...ดูเธอไว้ ฉันจะรีบไป” ตัดสายของเรเปลทิ้งได้ชายหนุ่มก็กดอีกเบอร์ทันที “เรเอส ช่วยยกเลิกนัดทั้งหมด ทั้งวัน” บอกแค่นั้นก็รีบตรงดิ่งมายังชั้นล่าง มุ่งไปยังรถสปอร์ตคันหรูซึ่งเขาจอดทิ้งไว้ที่บริษัทมานานร่วมเดือนได้ ก็รีบกระชากคันเร่งออกจากโรงจอดไปอย่างรวดเร็ว พอออกมาเจอการจราจรหนาแน่นของเบอร์มิงแฮมเคลล์ก็ถึงกับสบถด้วยความหัวเสียไปหลายครั้ง เสียงเหยียบคันเร่งดังเอี๊ยดอ๊าดทำให้เรเปลต้องออกมาดูด้วยความรีบร้อน ชายหนุ่มก้มหน้าให้กับความหงุดหงิดระดับร้อยเท่าของท่านประธานหนุ่มวัยสามสิบห้าด้วยท่าทีระวังภัย “คุณคุลิกาพักผ่อนอยู่ด้านในครับ” “เธอเป็นอย่างไรบ้าง?” ในน้ำเสียงมีแววสนใจไม่น้อย “เอ่อ...เธอกำลังร้องไห้ ตั้งแต่ผมพากลับมาก็ยังไม่ดีขึ้นเลยครับ” “บ้าเอ๊ย!” เคลล์สบถอย่างเดือดดาล “ยัยนั่นไปทำอะไรมาถึงต้องร้องไห้เป็นเผาเต่าแบบนั้น” “เรื่องนี้ท่านน่าจะถามตัวเองมากกว่านะครับ” เรเปลได้แต่สวนกลับอยู่ในใจ แล้วรีบเดินเลี่ยงหลบให้ผู้เป็นนายได้ก้าวเข้าสู่เพนท์เฮาส์ ส่วนเขาเลือกจะอันตรธานหายไป ไม่อยากจะคิดเลยว่าการพบกันอีกครั้งของคนทั้งคู่ มันจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นหรือจะทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงกว่าเดิม ทันทีที่ได้ยินเสียงปิดประตูดังลั่นบ้าน คุลิกาก็เงย หน้าเปียกชื้นไปด้วยน้ำตามองคนก้าวดุ่มๆ ตรงมาหาด้วยนัยน์ตามาดร้าย เมื่อเขานำพาร่างสูงใหญ่ในชุดสูทเรียบหรูที่เธอเคยเห็นจนชินตามาหยุดอยู่ตรงหน้า จึงเช็ดน้ำตาทิ้งลวกๆ ดึงรั้งหน้ากากของความเฉยชามาปกปิดความอ่อนแอ ใบหน้าไร้เครื่องสำอางนั้นเชิดขึ้นพร้อมกับปีนลงจากเตียงช้าๆ เพื่อหลบถอยไปหาที่ปลอดภัย เคลล์กราดสาวตามองแผ่นหลังเล็กของคุลิกานิ่งนาน เขาอยากรู้เหลือเกินว่าวันนี้เธอเกิดบ้าอะไรขึ้น ก่อนออกไปก็สั่งนักสั่งหนาว่าให้อยู่แต่ในบ้าน และเขาก็คิดว่าเธอคงไม่มีแรงจะไปไหนได้ในเมื่อเขากับเธอเพิ่งจะทำความเข้าใจกันบนเตียงมาข้ามวันข้ามคืน แต่ให้ตายเถอะเธอดื้อด้านสุดๆ กล้าเสนอหน้าไปที่ทำงานยังไม่ทันถึงชั่วโมงก็หอบร่างกายสั่นเทากลับมาร้องไห้กระซิกๆ น่ารำคาญอยู่ที่นี่ “คุณเป็นบ้าอะไร?” ในที่สุดเคลล์ก็ระเบิดความหงุดหงิดออกมา คุลิกาได้แต่ยืนตัวสั่น กลั้นสะอื้น เขาคือผู้ชายคนเดียวกันกับคนที่ครวญครางอยู่เหนือร่างกายของเธอในค่ำคืนผ่านมาจริงๆ น่ะหรือ ไม่อยากจะเชื่อเลยสักนิดว่า เขาจะโมโหใส่ถึงขนาดนี้ ทั้งที่ความเป็นจริงเธอเองต่างหากที่ควรจะตะคอกใส่หน้าเขา ในเมื่อเขากับผู้หญิงคนนั้นมีความสัมพันธ์กันจนถึงไหนต่อไหน เขามองผู้หญิงคนนั้นด้วยความโหยหา แต่เวลามองเธอมันช่างแตกต่างราวสวรรค์กับนรกก็ไม่ปาน แน่สิ! เธอจะมีอะไรเทียบผู้หญิงเพียบพร้อมคนนั้น “อย่ามาใช้ความเงียบกับผม” เคลล์คว้าปลาบเข้ากับเรียวแขนกลมกลึง พริบตาเดียวก็หมุนร่างบางมาเผชิญหน้า แต่ดวงตาเอ่อรื้นไปด้วยวาวน้ำใสๆ ทำให้ชะงักไปเล็กน้อย ปลายจมูกโด่งเป็นสันจึงสูดหายใจเข้าปอดลึกขณะเม้มปากแน่นอย่างข่มอารมณ์ ผ่านไปสักพักนั่นแหละถึงได้รั้งร่างบางมากอดแน่น ปลายจมูกโด่งได้รูปเคลียคลออยู่กับขมับอิ่ม เคลล์สูดกลิ่นหอมนุ่มของคุลิกาเข้าปอด หลับตาแน่นเพื่อซึมซับความหอมเย้ายวนใจ ซึ่งมันทำให้อารมณ์ของเขาเย็นลงได้รวดเร็วเสมอ “ตอบผมได้ไหมว่าคุณเป็นอะไร เมื่อเช้าคุณดื้อดึงที่จะไปทำงานผมก็ไม่ว่า แต่คุณกลับมาพร้อมร้องไห้หนักแบบนี้ คุณทำให้ผมอยากรู้เหลือเกินว่ามันเกิดอะไรขึ้น ใครทำให้คุณต้องร้องไห้ ต้องเสียน้ำตา” แพขนตางอนงามกะพริบถี่ๆ ช้อนมองเขา ก่อนจะดันร่างกายกำยำให้ถอยห่าง แต่เขาก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนเลยสักนิด “ปล่อยเถอะ คุณไม่ต้องมาสนใจความรู้สึกของฉันหรอก เพราะฉันรับรองได้ว่าจะไม่ร้องจนตายภายในวันนี้พรุ่งนี้แน่”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD