เพราะความเกรี้ยวกราดหรือต้องการอวดอ้างกำลังฤทธีของตนก็หาทราบไม่ สุริยะที่ลอยเด่นบนศีรษะของใครต่อใครแต่มิมีผู้ใดกล้าแม้แต่จะหงายหน้าใช้สายตาคู่งามจดจ้องอย่างท้าทาย หากจะมีก็เป็นเพียงสบถหรือสวมแว่นดำปกปิดแสงของสุริยะเทพมิให้ทำลายจักษุของตน และเวลานี้ก็เป็นยามบ่ายที่เหล่านิสิตนักศึกษาที่พากันอวดโฉมประโคมสีสันบนใบหน้า รัดเกล้าทรงผมให้เหมาะตามฉบับของบัณฑิต ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง แต่เพราะการแต่งองค์ทรงเครื่องของเหล่าบัณฑิตหรือผู้ที่มาแสดงความยินดีในวันซ้อมใหญ่ ต่างหยิบพัดหรือพัดลมแบบพกพามาพัดหรือเป่ากันให้เกลื่อนตาจนกลายเป็นภาพชินตาของใครต่อใคร เพื่อดับอารมณ์ร้อนของพระอาทิตย์ และก็มีหลายชีวิตที่ทนแรงของแสงสุริยะที่มอบความร้อนไม่ได้ ต้องหนีร้อนไปพึ่งเย็น หรือกลับไปตั้งหลักเสียก่อนเพื่อเตรียมรับจริง เช่นปิ่หยกที่หลังซ้อมรับเรียบร้อยก็ขอปลีกตัวจากเพื่อนๆ ในคณะกลับมายังวิมานสาวโสดของเธอ
" โอ๊ย!! ร้อนๆ จะร้อนไปไหนค่ะเนี่ย " เธอมาถึงก็วางช่อดอกไม้ที่บรรดาเพื่อนๆ น้องๆ ในคณะ หรือแม้แต่แฟนคลับส่งมาให้เพื่อแสดงความยินดี ไว้มุมหนึ่งของห้องที่เธอจัดไว้อย่างดีี และตัวเองก็นอนเอนกายเปิดแอร์เย็นฉ่ำเพื่อปรับอุณหภูมิร่างกายให้เย็นขึ้น ดีที่เธอมิต้องเช่าอพาร์ตเมนต์นี้เพราะพ่อและแม่เธอได้ซื้อไว้ให้เธอก่อนที่ทั้งคู่จะเสียชีวิตไปได้ไม่นาน เธอจึงจ่ายเฉพาะค่าน้ำ ค่าไฟและค่าส่วนกลางเท่านั้น ผ่านไปสักพักความเหนื่อยร้อนเริ่มดีขึ้น และเธอก็อยากจะหลังแต่เพราะเหนียวตัวจึงต้องตัดใจลุกขึ้นไปอาบน้ำ เธอลุกขึ้นปลดเข็มขัด อย่างอ้อยอิ่ง นำเข็มจัดเก็บเข้าที่เข้าทาง และมายืนที่หน้ากระจกบานใหญ่เพื่อมองดูตนเอง สักพักเธอเริ่มดึงชายเสื้อออกจากเอวคอด และก็ปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ด เพื่อที่จะดูเนินอกของตนเพราะเธอรู้สึกว่าแสบนิดๆ อาจเพราะช่อดอกไม้เกี่ยวขูดโดนเนินอกก็ได้ เธอปลดไปได้เพียงกระดุมเม็ดที่สองก็ชะงัก มองไปรอบๆ ห้อง
" เหมือนมีใครแอบมองอยู่เลย หรือข้างห้องแอบเจาะรูส่อง ไม่มั้งก็ห้องข้างๆ ก็สาวโสดเหมือนกัน ส่วนอีกห้องก็เป็นป้านงค์ กับหลานสาวนี่นา " เธอเดินรอบๆ ห้อง ก็ไม่มีอะไร จึงตัดสินใจเดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระล้างร่างกาย สักพัก 30 นาที เธอก็ออกมาพร้อมชุดเตรียมนอน คือเสื้อยืดแขนกุด กางเกงขาสั้น เธอเดินมาพร้อมเทแป้งที่ฝ่ามือแล้วเดินเอื่อยเฉื่อยมาที่กระจก และปะแป้งที่ใบหน้าเหมือนเด็กอนุบาล ที่มิได้เกลี่ยให้กลืนกับผิวขาวใส
" ชอบม๊ะ ชอบม๊ะ รูปร่างหน้าตาแบบนี้ .... 36 24 35 สูงร้อยกว่าๆ ชอบม๊ะ ชอบม๊ะ .. สวยนะเรานี่ เมื่อไหร่จะมีแฟนจ๊ะ? อ๋อ ยังหรอกค่ะ ผู้ชายในสเปคต้อง หล่อ รวย เอาใจเก่ง อยู่ใต้อาณัฒิ และที่สำคัญ สปอร์ต สายเปย์ ไม่ชอบกินฟรี ดีกรีเชื้อพระวงศ์ โอเคนะคะ " เธอพูดเองตอบเองในกระจก พร้อมยิ้มหวานสดใส ไม่นานก็หาวนอนปากกว้างเห็นฟันแทบสามสิบสองซี่ พร้อมบิดขี้เกียจ
" โอ๊ย! ง่วงนอน พักเอาแรงดีกว่า " พูดจบปิ่นหยกก็เดินไปนอนที่เตียง โดยในห้องเงียบเชียบแทบไม่มีใคร มีเพียงกระจกที่สะท้อนร่างของเธอ แต่ถ้าเธอมองจะไม่เห็นเงาของตนแต่อย่างใด
เช้าวันต่อๆ มาปิ่นหยกแต่งตัวตามสมัยนิยม ออกจากห้องกว่าจะกลับมาก็เย็นเพื่อทำกิจวัตรคือทำงาน และงานของเธอก็มิใช่งานบริษัทใหญ่โต ชื่อดังแต่อย่างใด แต่งานของเธอเป็นกิจการเล็กๆ ของผู้เป็นญาติของบิดาเธอที่ทำธุรกิจนำเข้า- ส่งออก สินค้า ส่วนเธอก็ทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบบ้าง บัญชีบ้าง แค่งานในครอบครัวเธอก็มิสามารถปลีกตัวไปสมัครงานที่ใดได้ เพราะเธอคิดว่างานที่ไหนก็เหมือนกัน เงินที่ได้รับก็เกินงามกว่านักศึกษาจบใหม่ เพราะเธอทำงานมานานแล้ว ลาก็แสนจะง่าย แต่พอถึงเวลางานเร่งรีบเธอก็ทำจนตัวเป็นเกลียว อีกทั้งงานขายที่ตลาดมืดเธอก็เป็นตัวตั้งตัวตีไปช่วยขาย โดยไม่คิดค่าแรง
" เจ๊เปิ้ล อาแปะไปไหนเนี่ย " ปิ่นหยกเอ่ยถาม
" อีแกไปเยาวราช หาอะไรกินกับเฮียเชษฐ " ผู้ถูกถามเอ่ยตอบ และยื่นขนมวางไว้ที่โต๊ะ เธอก็หยิบกินอย่างสนิทสนม
" แหม รวย ไปกินข้าวที่เยาวราช ปล่อยให้ปิ่นกับเจ๊เปิ้ลกินข้าวแกงร้านเจ๊เกียว อยากรู้นักว่ามีที่นั่นมีอะไรดีนะ " ปิ่นพูดลากเสียงยาว พร้อมมองหน้าเจ๊เปิ้ลแล้วอมยิ้ม ทำให้เจ๊เปิ้ลมองอย่างสงสัย
" มีอะไรว่ามาเลย อย่าพิรี้พิไร "
" ปิ่นจะรู้ได้ไงเล่า ไม่พูดแล้วทำงานดีกว่า อีกสองวันรับจริงแล้วนะ " ปิ่นพูดกับเจ๊เปิ้ลอย่างออดอ้อน
" รู้แล้วน่า ว่าแต่เราเถอะอย่าลืมจุดธูปบอกป๊า กะม๊าด้วยเล่า แล้วอยากกินเลี้ยงที่ไหนหล่ะ "
" ที่ไหนก็ได้ แล้วแต่เจ๊เลย แต่ที่สำคัญอย่าลืมของขวัญรับบัณฑิตสาวสวย รวยเสน่ห์ คนนี้นะ "
" จ้า น้องสาวคนสวย จบแล้วก็หาแฟนได้แล้วสิ อากง กับอาม่าจะได้ไม่ต้องถามบ่อยๆ เค้าห่วง "
" เอาอีกแล้ว พูดไปพูดมาก็หาคนฉีดเสปิร์มเข้ารังไข่ปิ่นอีกแล้ว ถ้าจะหาต้องแบบเฮียเชษฐ รักเมียสุดหัวใจ มีเท่าไหร่ทุ่มให้หมดตัว จริงป่ะเจ๊ "
" หย่ะ "
วันหยุดของเธอได้เวียนมาแล้ว เธอไม่อยากออกไปไหน รู้เพียงแต่ว่าวันพรุ่งนี้ต้องรับพระราชทานปริญญาบัตร จึงอยากอยู่บ้าน จึงนึกครึ้มอกครึ้มใจอยากจะออกกำลังกาย จึงจัดการแปลงโฉมเป็นชุดออกกำลังตามแบบฉบับสาวยุคใหม่ใส่ใจสุขภาพ เธอปิดแอร์ในห้องเพื่อให้ห้องร้อนเหมือนว่าอยู่ในเตาอบ ประดุจเธอทำโยคะร้อน ภายในห้องก็เปิดเพลงฮิตติดชาร์ตเพื่อสร้างความสุนทรีย์ เธอบิดกายไปมาตามท่าที่เคยทำ ยกขา ยกแขน แหงนหน้า หรือแม้แต่ดัดหลังค้างไว้ เหงื่อผุดตามร่างจนเธอรู้สึกเหนื่อย ก็หยุดแล้วเข้าห้องน้ำชำระเหงื่อ และนอนดูโทรทัศน์ ทำกิจวัตรปกติของคนในเมือง
วันแห่งความปลื้มปิติของปิ่นหยกก็มาถึง เธอรับพระราชทานปริญญาบัตรในรอบบ่าย กว่าจะเสร็จก็ร่วมเย็น เธอกินเลี้ยงเสร็จกับญาติๆ ก็ดึก ดีที่เฮียเชษฐผู้เป็นลูกพี่ลูกน้อง ศักดิ์เป็นพี่ขับรถมาส่งหลังจากส่งอาม่า อากง และญาติผู้ใหญ่แล้ว
" ของเยอะเหมือนกันนะเรา เสน่ห์แรงเหลือเกิน ไม่เลือกสักคนวะ ขี้เกียจดูแลแล้ว เอาเวลาไปดูอีหนูขาวๆ สวยๆ ปั่นหัวเมียสักหน่อย " เขาเอ่ยพร้อมขนของมาวางในห้อง ผู้เป็นน้องสาว ปิ่นเดินไปกอดชายร่างท้วมที่อายุมากกว่าตน
" ใครจะหล่อกว่าเฮียเชษฐของปิ่นหยกไม่มีอีกแล้ว รับเค้าไว้ในอ้อมอกอ้อมใจสักคนนะเฮีย แต่ว่าของขวัญจากเฮีย เค้ายังไม่ได้เลยนะ "
" งก โน่นไปขอเจ๊เปิ้ลแกโน่นเลย สนิทกันเดี๋ยวเฮียจ่ายให้ "
" จริงอ่ะ? " ปิ่นเอียงคอถาม และสายตาก็มองตามสายตาของเฮียเชษฐ ว่าเวลานี้ผู้มาใหม่กำลังเดินเข้ามา
" เคป่ะ เจ้เปิ้ล " เธอเอ่ยถามพร้อมส่งสายตาเจ้าเล่ห์ แต่ได้รับการตอบกลับด้วยการพยักหน้าพอเป็นพิธี ส่วนเฮียเชษฐก็เดินเข้ามาใกล้เจ๊เปิ้ลและโอบกอดคนตรงหน้าต่อหน้าต่อตาปิ่นหยกอย่างไม่อาย ทำให้ผู้เป็นหญิงสาวในห้องทั้งสองเขินอายแทนกันและกัน
" ดึกแล้ว เฮียพาเจ๊เปิ้ลกลับเถอะ ไม่อยากดูหนังสด ไร้โปรดิวเซอร์ " คำพูดทำให้เจ๊เปิ้ล พี่สะใภ้หน้าแดงก่ำ จนผู้มีศักดิ์เป็นพี่ต้องรีบพาผู้เป็นภรรยาออกจากห้องโดยทันที
เพราะเพิ่งจะรับปริญญาและผนวกกับความขี้เกียจ ปิ่นจึงหยุดดู ซีรีย์เกาหลี ไต้หวัน จีน ซับไทย ถ้าเป็นภาพยนต์จีนนางแทบไม่ต้องอ่านคำบรรยายจีนเลย เพราะเธอฟังออก แต่เขียนไม่คล่อง เพราะด้วยเธอมีเชื้อสายครึ่งหนึ่งเป็นคนจีน และที่บ้านญาติก็พูดภาษาจีนกลางอยู่แล้ว เธอดูไปก็ยิ้มกรุ้มกริ่มกับฉากหวานแหววระหว่างพระ นาง ดูจนเกิดอาการหิว ก็หยิบขนมขบเคี้ยวห่อใหญ่ออกมาแกะและนอนกินอย่างสบายอารมณ์ อีกทั้งยกแข้งยกขาพาดไปมาไม่เกรงว่าใครจะเข้ามาเห็น เพราะที่นี่เป็นวิมานของเธอ