ตอนที่ 10 โดนหญิงงามมอมเมา
ซ่งเว่ยเหลียงพาทั้งสามคนออกเดินทางติดต่อกันอีกสี่วัน แทบจะไม่ได้พัก แต่ก็ไม่เกิดเรื่องกวนใจใดอีก เมื่อปักหลักอยู่นอกเมืองจวี้ลู่เพื่อหาข่าวของใต้เท้าเชียง กลับไม่เห็นสัญลักษณ์ที่สั่งให้สี่อี้ทิ้งเอาไว้ นั่นก็หมายถึงว่าพวกเขาเดินทางมาถึงจวี้ลู่ก่อนพวกใต้เท้าเชียงแล้ว ซ่งเว่ยเหลียงเลยสั่งให้อี้หงหาที่พักเป็นโรงเตี๊ยมไม่ใหญ่ไม่เล็กนอกประตูเมือง ระหว่างนั้นเสี่ยวเส้ากับอี้หงออกจากโรงเตี๊ยมไปหาข่าวของเจ้าเมืองรวมทั้งขุนนางในเมืองจวี้ลู่มาไม่น้อย
รออยู่หนึ่งวันเต็มยังไม่ทันหมดแสงของตะวันพวกของใต้เท้าเชียงก็มาถึง พวกเขาทักทายปราศรัยกันเล็กน้อย กำลังจะพากันไปพักผ่อนก็มีขุนนางชั้นผู้น้อยคนหนึ่งโผล่เข้ามาพร้อมกับนำกำลังทหารติดตามมายี่สิบนายยืนเป็นระเบียบอยู่หน้าโรงเตี๊ยม
ชายร่างผอมใบหน้าแหลม ตารีเล็ก มีเคราสั้นๆ เดินเข้ามาท่าทางวางโต เดินเชิดอกมาตรงหน้าซ่งเว่ยเหลียงและเชียงเต๋อชุน
“คำนับใต้เท้าเชียง ใต้เท้าซ่ง ผู้น้อยรับคำสั่งจากเจ้าเมืองฉางเชาให้มารอรับพวกท่านขอรับ” เขามองสำรวจทุกคนแล้วสายตาไปจับที่ร่างของอิ๋นจื่อที่ยืนก้มหน้าอยู่ไกลที่สุด “เชิญใต้เท้าทั้งสองและผู้ติดตามทั้งหลาย ตามข้าน้อยไปพักที่เรือนรับรองจะดีกว่า เจ้าเมืองฉางจัดเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมสรรพแล้วขอรับ”
พวกเขาไหนเลยจะไม่เห็นสายตาของเจ้าเต่าหัวหดลูกสมุนของเจ้าเมืองฉางผู้นี้ เพียงแต่ไม่อาจพูดอะไรมากได้
“แม่นางผู้นั้น?”
“สาวใช้ส่วนตัวของข้า” ซ่งเว่ยเหลียงตอบไปท่าทางเรียบเฉย
เจ้าหน้าแหลมเงยหน้าขึ้นมองซ่งเว่ยเหลียงและยิ้มเจ้าเล่ห์ แต่ไม่พูดอะไรอีก ทำแค่ผายมือเชื้อเชิญทุกคนให้ตามเขาเข้าเมืองไปพักยังเรือนรับรอง
ครึ่งชั่วยามก็มาถึงเรือนพักรับรอง เป็นคฤหาสน์ที่กว้างขวางพอใช้ได้ทีเดียวแต่อยู่ห่างจากจวนเจ้าเมืองคนละฝั่งเมือง ยังไม่ได้พักหายใจเจ้าเมืองก็ส่งคนมาบอกอีกว่าเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับไว้แล้ว
ซ่งเว่ยเหลียงกับเชียงเต๋อชุนและผู้ติดตามอีกหกคนพากันไปจวนเจ้าเมือง อิ๋นจื่อ อี้หงและเสี่ยวเส้ารั้งอยู่ในเรือนรับรอง
ครั้นถึงจวนเจ้าเมือง สิ่งที่เห็นในสายตามากที่สุดก็คงไม่พ้นข้าวของหรูหราและหญิงงามที่ออกมาต้อนรับหน้าประตูจวนพร้อมกับเจ้าเมืองฉาง แน่นอนว่าสตรีเหล่านั้นคือฮูหยินและอนุภรรยาอีกเจ็ดแปดคนและบุตรสาววัยใกล้เคียงกันรวมๆ แล้วน่าจะไม่ต่ำกว่าสิบคน บุตรชายอีกสี่คนถือว่าเป็นครอบครัวใหญ่ทีเดียว
ในใจเชียงเต๋อชุนอดเหยียดหยามเจ้าเมืองฉางไม่ได้ อะไรคือให้บุตรสาวที่ยังไม่ออกเรือนมารอรับแขกอยู่หน้าประตูจวนกัน ซ้ำแขกที่มาก็ล้วนเป็นบุรุษอีก ตัวเขาไม่ใช่พวกลุ่มหลงในอิสตรี ส่วนทางซ่งเว่ยเหลียงนั้นเขาก็ไม่อยากยุ่ง แต่เชื่อว่าซ่งเว่ยเหลียงรู้จักยับยั้งชั่งใจอยู่พอประมาณ ก่อนหน้านี้เขารู้แล้วว่าตอนที่ซ่งเว่ยเหลียงเดินทางไปสกุลซ่งที่เยี่ยเฉิง ฮูหยินผู้เฒ่าห่วงเรื่องการกินอยู่ของเขาเลยให้เด็กสาวชื่ออิ๋นจื่อติดตามมาดูแลก็เท่านั้น หากซ่งเว่ยเหลียงจะพาอีกฝ่ายขึ้นเตียงเป็นครั้งคราว ใครจะไปว่า บุรุษวัยฉกรรจ์ย่อมมีความต้องการสูง การมีสามภรรยาสี่อนุก็เป็นหลักการที่สกุลใหญ่เห็นเป็นเรื่องปกติธรรมดาอยู่แล้วนี่
เจ้าเมืองฉางเป็นคนร่างท้วมใบหน้ากลมยิ้มทีก็คล้ายพระสังกัจจายน์ เพียงแต่นัยน์ตาหลุกหลิก ไม่มั่นคง ไม่จริงใจ แม้แสดงท่าทางนอบน้อมกับพวกเขาอย่างไรก็ยังดูมีเล่ห์เหลี่ยมอยู่ดี
“ตอนมีหนังสือแจ้งมา ข้าก็ให้คนเตรียมที่ทางให้ใต้เท้าทั้งสองไว้แล้ว วันนี้ถือว่าข้าเลี้ยงต้อนรับพวกท่านก็แล้วกัน มีอะไรขาดเหลือก็บอกข้าได้” เจ้าเมืองฉางรู้ดีว่าตำแหน่งเจ้าเมืองของตนจะเทียบกับขุนนางในเมืองหลวงได้อย่างไร แต่เขาใช่ว่าต้องก้มหัวให้เชียงเต๋อชุนกับซ่งเว่ยเหลียงนี่นา เขามองคนทั้งสองและหยุดที่คนหนุ่มกว่า ยิ้มมุมปากก่อนจะยกมือขึ้นตบสามครั้ง หญิงงามนุ่งน้อยห่มน้อยพากันทยอยเข้ามาพร้อมทั้งผีผาในอ้อมแขน หญิงงามทั้งแปดกรีดนิ้วกับเส้นสายพร้อมกันและออกท่าทางขยับเอวบางขาวผ่อง ตัวเสื้อสั้นแทบจะเห็นฐานเต้า ทั้งยังไร้แขนเสื้อโดยใช้เพียงผ้าโปร่งบางเป็นริ้วปิดไว้ ตัวกระโปรงบางพลิ้วไหว เผยให้เห็นขาเรียวขาวในจังหวะขยับตามทำนองดูวับๆ แวมๆ
ซ่งเว่ยเหลียงกับเชียงเต๋อชุนนั่งต่ำลงมาด้านขวามือของเจ้าเมืองฉาง กินดื่มและมองการร่ายรำอยู่เงียบๆ บางจังหวะหันไปสนทนาโต้ตอบกับเจ้าเมืองและบรรดาบุตรชายของเขาบ้าง ส่วนพวกสตรีในบ้านถูกไล่กลับไปตั้งนานแล้ว เขาแปลกใจอยู่บ้างที่เจ้าเมืองไม่ได้เชิญขุนนางคนอื่นๆ ในเมืองมาร่วมงานด้วย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะหลังจากนี้เขาต้องตรวจสอบอยู่แล้ว
สุรารสแรงไม่เบา ทั้งกลิ่นสุรา ทั้งกลิ่นกำยานหอมอบอวล ซ่งเว่ยเหลียงมองขึ้นไปยังตำแหน่งตรงกลาง เห็นหญิงงามสองคนปรนนิบัติเจ้าเมืองฉางอย่างแนบชิดและหันมองหญิงงามที่คอยประกบพวกเขาเหล่านั้น สาวใช้อะไรจะงดงามถึงเพียงนี้ คาดว่าเจ้าเมืองฉางคงเตรียมพวกนางให้มาปรนนิบัติพวกตนเป็นพิเศษเสียมากกว่า เอาเป็นว่าเขาดื่มสุราให้น้อยหน่อยน่าจะดี
กลางดึกซ่งเว่ยเหลียงรู้สึกตัวขึ้นมาท่ามกลางความสลัวและกลิ่นหอมฉุนจมูก กลิ่นอายแปลกพิกล แต่ก็คุ้นเคยอย่างประหลาด ร่างกายท่อนล่างเหมือนมีอะไรกดทับ ความร้อนก่อเกิดในอกวูบวาบ ช่องท้องร้อนระอุปั่นป่วนด้วยความกระสันอยากหาที่ทางปลดปล่อย เขาเปิดตากว้างและก้มลงมองกลางกาย เห็นเส้นผมดำขลับอยู่ระหว่างขาที่แยกกว้าง ท่อนลำรู้สึกเหมือนเข้าไปฝังตัวในสถานที่อุ่นร้อนและขยับได้
เห็นหญิงงามคนหนึ่งกำลังปรนเปรอด้วยปากให้เขาก็ตกใจ เพียงแต่ร่างกายขยับไม่ค่อยได้ เรี่ยวแรงเหมือนจะถูกหญิงงามตรงหว่างขาดูดไปหมดแล้ว
นี่มันอะไรกัน!
เขาจำได้ว่าตัวเองไม่ได้เมาสุรา ตกลงกับใต้เท้าเชียงและลุกขึ้นบอกลากับเจ้าเมืองฉางตอนปลายยามไฮ่[6]
[6] ยามไฮ่ คือช่วงเวลา 21:00 น.ถึง 23:00 น.
แต่หลังจากนั้นเขาจำอะไรไม่ได้ เป็นไปไม่ได้! หากเขาเผอเรอ อย่างน้อยก็มีพวกสี่อี้ที่ถูกฝึกฝนมาเหมือนกับเขา จะไม่มีสักคนเชียวหรือที่เห็นความผิดปกติเช่นนี้
ซ่งเว่ยเหลียงรู้สึกปลายท่อนลำเสียววาบ ความรู้สึกนั้นมันวิ่งขึ้นมาถึงท้องน้อย ทำให้กายสั่นทีเดียว เขาเผลอยกสะโพกเสยขึ้นไปรัวเร็วสามสี่ครั้ง หญิงงามร้องครางและเงยหน้าขึ้นมองเขา มือเรียวสวยกุมท่อนลำล้นมือและส่งยิ้มหวานยั่วยวนพร้อมทั้งขยับกายลุกขึ้น แต่มือนั้นขยับรูดท่อนลำขึ้นลงรัวเร็ว
“ใต้เท้าตื่นแล้ว” เสียงนั้นกังวานใส เขาจำนางได้แล้ว นางคือหนึ่งในนางรำอวดเรือนร่างพวกนั้น ทว่าตอนนี้นางเปลือยกายตลอดทั้งร่างไม่ต่างจากเขา ซ้ำรอยช้ำแดงที่เนินอกนางและรอยนิ้วมือที่ฝากทิ้งไว้นั้นบอกได้ว่าเขากับนางสุขสมกันไปไม่น้อยแล้ว
ซ่งเว่ยเหลียงเห็นยอดอกสีชมพูกับก้อนกลมกลึงอวบใหญ่ เนินเนื้ออวบแดงผืนสามเหลี่ยมมีรอยรักฉ่ำเยิ้มเปื้อนสีขาวขุ่น แค่นั้นเขาก็สั่นสะท้านร้อนรุ่มขึ้นมาอีกครั้ง ร่างงามพลิกตลบมาอยู่ใต้ร่างเขาในเวลาอันรวดเร็ว เพียงแต่เขาเห็นใบหน้างามแล้วต้องชะงัก จึงจับนางพลิกกายคว่ำหน้า ดึงสะโพกนางขึ้นสูงในขณะที่ลำตัวส่วนบนของนางยังแนบอยู่กับที่นอน
“ใต้เท้า ท่านยังจะทำต่อได้หรือ ท่านดูสิ ข้าเจ็บไปหมดแล้ว ของข้ามันช้ำ ทั้งยังถลอกจนแสบไปหมดนะเจ้าคะ” แม้นางจะพูดเช่นนั้นแต่มิได้ต่อต้านหรือกระถดถอยหนี
ซ่งเว่ยเหลียงขยับกายจับท่อนลำจดจ่อกับสองกลีบอวบอิ่มที่ผ่านการกำจัดผืนหญ้ามาจนเกลี้ยงโล้นแล้ว น้ำฉ่ำเปียกไหลลงมาตามต้นขาของนาง เขารู้สึกรังเกียจอยู่บ้าง แต่เพราะท้องน้อยยังปั่นป่วน ร่างกายร้อนผ่าว และเขายังต้องการปลดปล่อยอีกสักครั้ง เขาไม่คิดอะไรมากอีก สองมือกระชากสะโพกขาวนุ่มเข้าหาตัวทันที
“อา! .ใต้เท้า ข้าน้อยไม่เคยเจอบุรุษใหญ่โตเช่นนี้มาก่อน ข้าให้ท่านเป็นคนแรก ท่านช่วยเบาแรงหน่อยสิเจ้าคะ”
ซ่งเว่ยเหลียงอัดกระแทกสะโพก พลางคิดว่าร่องหลืบกลวงโบ๋เช่นนี้หรือที่บอกว่าเขาเป็นคนแรกของนาง เขาผ่านสตรีมาไม่น้อยไยจะดูไม่ออกเล่าว่านางโกหก!
ตับๆ
เสียงกระแทกดังรัวเร็วขึ้นอีก ซ่งเว่ยเหลียงต้องการปลดปล่อยให้เร็วที่สุด เขาไม่แตะต้องส่วนอื่นของหญิงงามตรงหน้านี้เลย นอกจากเอวและสะโพกเพื่อดึงกายนางเข้าหา ลำอวบใหญ่เริ่มรู้สึกดีมากจนไม่อาจบรรยาย ส่วนปลายกระแทกชนผนังที่ลึกที่สุดครั้งแล้วครั้งเล่า
“ใต้เท้า อ่าส์ ข้าไม่ไหว แน่นไปหมด ใต้เท้า ท่านเก่งจริงๆ” หญิงงามครวญครางพร้อมส่ายร่อนสะโพกและยังแกล้งขมิบบีบรัดร่องหลืบ
ซ่งเว่ยเหลียงหมุนวนสะโพกและเริ่มอัดกระแทกรัวเร็วอีกครั้ง เสียงครางแหบต่ำดังอยู่ตลอด บ่งบอกว่าเขาเกือบจะอดกลั้นไม่ไหวแล้ว ทว่าเสียงแจ๊ะๆ ดังอยู่สองสามครั้งพร้อมทั้งรับรู้ได้ถึงกายหญิงสาวเกร็งและน้ำใสพุ่งออกมาระหว่างร่องหลืบกับท่อนลำ เขาถดถอยตัวเล็กน้อยอย่างหัวเสีย รอนางปลดปล่อยเสร็จจนหมดสายน้ำแล้วเขาถึงอัดทะลวงเข้าไปอีกครั้ง คราวนี้ถี่เร็ว เข้าออกเน้นๆ จนลากเอาน้ำใสและน้ำเหนียวข้นออกมาไหลย้อยเป็นเส้นใยลงสู่ผ้าปูที่นอนให้เปียกเพิ่มขึ้นไปอีก บนเตียงเลอะเทอะทั้งกลิ่นเหม็นจากของเหลวคละคลุ้ง
“ใต้เท้าๆ ข้า อ่าส์ ใต้เท้า ข้าเสร็จสมแล้ว ท่านอย่าเพิ่งขยับ” นางเสร็จสมและยังฉี่ใส่เขาแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังส่ายร่อนสะโพกไม่หยุด อารมณ์กระสันของนางพุ่งยิ่งกว่าเขาเสียอีก ซ่งเว่ยเหลียงไม่อยากยืดเวลาอีกแล้ว เขากระแทกเข้าไปสองสามครั้งและดึงท่อนลำหลุดจากร่องหลืบเสียงดังผลุบและฉีดพ่นน้ำขาวขุ่นออกมาราดรดสะโพกขาว จับท่อนลำสลัด ปาดน้ำคาวลงไปและคว้าผ้าห่มด้านข้างมาเช็ดต้นขาและปลายยอดแดงก่ำของท่อนลำจนแห้งสนิท เขาลุกขึ้นจากเตียง ทิ้งหญิงงามก้นกระดกตัวสั่นเพราะเสร็จสมครั้งที่สองอยู่ที่เดิม
“ใต้เท้า” นางยันกายขึ้นนั่ง เห็นซ่งเว่ยเหลียงเดินกลับมาจึงเรียกเสียงอ่อนเสียงหวานเป็นพิเศษ
เขาขยับมือสกัดจุดหลับและผลักนางล้มตึง! สองขาอ้ากว้างท่าทางน่าเกลียดจนซ่งเว่ยเหลียงเหยียดปาก “เจ้ากล้าทำกับข้าเช่นนี้ คอยดูเถอะว่าข้าจะให้อะไรตอบแทนกลับไปบ้าง.... ฉางเชา!”