- 9 -
หวั่นไหว (1)
"อิม มองหน้าเราทำไม เธอด้วยสายขิม เดี๋ยวเถอะ" อันดามันขมวดคิ้วยุ่งมองหน้าเพื่อนสนิททั้งสองคนอย่าง 'อิม' และ 'สายขิม' ที่ตอนนี้กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แถมสายตาก็จ้องมองมาที่เธออย่างนึกแซวกับเหตุการณ์เมื่อครู่
*'อิม' นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ เอกการสื่อสารและโฆษณา ปี4 เจ้าของใบหน้าสวยเฉี่ยว มีความมั่นใจในตัวเองเป็นที่สุด อันดามันเปรียบเพื่อนคนนี้เหมือนดั่งพี่คนโตของกลุ่ม อิมเป็นคนที่เด็ดขาดและชัดเจน ผู้จัดแจงของกลุ่มก็คงต้องยกให้เธอผู้นี้ไปโดยปริยาย
**'สายขิม' นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ เอกประชาสัมพันธ์ ปี4 เจ้าของใบหน้าหวาน มีความอ่อนไหวและอ่อนโยน นิสัยของเพื่อนคนนี้ทำให้อันดามันเปรียบสายขิมเหมือนกับดอกไม้สวยงามที่เป็นความน่ารักและความสดใสของกลุ่ม ขนาดตัวเธอเองก็ยังหลงใหล
หญิงสาวแก้มร้อนเห่อจนอยากรีบออกไปจากตรงนี้ พอหวนนึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ที่เธอกำลังสำรวจมองร่องรอยบาดเจ็บจากมือของไนท์ โดยมีเพื่อนทั้งสองคนเข้ามาเห็นพอดีก็ยิ่งทำให้เขินอายเข้าไปใหญ่
"อันไปหาเพื่อนเถอะ ถ้าคุยกับเพื่อนเสร็จแล้วก็ทักหาเรานะ เดี๋ยวเรามารับ"
"ละ...แล้วแผลที่มือล่ะ ไนท์จะล้างแผลกับใส่ยาหรือเปล่า"
"อันพูดขนาดนี้แล้วเราก็คงต้องทำแหละ กลับมาจะทำแผลให้เรียบร้อยเลย โอเคไหมครับ"
"อื้อ...อย่าลืมล่ะ เดี๋ยวแผลจะติดเชื้อเอา"
"ครับผม"
"นะ...ไนท์ นี่ปลาสเตอร์ยา ล้างแผลแล้วก็ติดไว้นะ ลายมันอาจจะหวานแหววไปหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่ติดเลยนะ"
"อันรู้ตัวเปล่า...ว่าสีหน้าของอันเป็นห่วงเรามาก ๆ เลยอะ"
"จะ...จริงเหรอ!? เอ่อ...ก็ไนท์เป็นแผลซะขนาดนั้นเราก็ต้องตกใจเป็นธรรมดาสิ"
"แต่หน้าอันแดงมากเลยนะ"
"ระ...เราต้องไปแล้ว อย่าลืมทำแผลด้วยล่ะ ถะ...ถ้าเราคุยกับเพื่อนเสร็จแล้วจะทักไปหาอีกครั้งนะ"
เธอไม่ได้บอกเรื่องไนท์กับเพื่อนทั้งสองคน เนื่องจากช่วงนี้เพื่อนของเธอนั้นก็ต่างมีหน้าที่ของตัวเอง อย่างสายขิมนั้นต้องฝึกงานที่บริษัทยักษ์ใหญ่เลยทำให้ไม่มีเวลามาเจอกันได้บ่อยเช่นเดิม ส่วนอิมเองก็ชอบทำตัวลึกลับ บางทีก็เหมือนมีเรื่องกลุ้มใจจะปรึกษา แต่สักพักก็หายเข้ากลีบเมฆราวกับเป็นนินจาชอบแว้บไปแว้บมา สถานการณ์ของเพื่อนจึงทำให้เธอไม่ได้บอกกล่าวหรือปรึกษาเรื่องของชายหนุ่มเลยสักครั้ง
อันดามันไม่สนใจใครหรือเปิดรับใครเข้ามาในหัวใจมานานกว่าสองปีแล้ว เธอมีรักครั้งแรกเมื่อตอนปีหนึ่งแต่คบกันไม่นานก็เป็นต้องเลิกราเพราะไลฟ์สไตล์เข้ากันไม่ได้ นั่นจึงทำให้หญิงสาวเลือกที่จะอยู่กับตัวเองและกลุ่มเพื่อนตั้งแต่เป็นโสด
ชีวิตความโสดไม่ได้ทำให้อันดามันรู้สึกขาด เธอไม่ได้รู้สึกต้องการหรือโหยหาคนข้างกายที่อยู่ในฐานะแฟน อาจจะเป็นเพราะเธอมีเพื่อนมากมายที่อยู่เคียงข้าง ไม่ว่าจะไปไหนทำอะไรเธอก็มักจะมีเพื่อน ๆ คอยซัพพอร์ตและอยู่ด้วยกันเสมอ
ความโสดของอันดามันที่สายขิมและอิมเห็นมาตลอดสองปีกว่านั้นกลายเป็นความชินชาและเรื่องปกติ แต่พอมาเจอว่าเธออยู่กับผู้ชายแถมใบหน้าก็ยังเต็มอิ่มไปด้วยความสุขจนเอ่อล้นเป็นต้องตกใจและอดที่จะหยอกเย้าไม่ได้ แถมชายหนุ่มผู้นั้นก็ยังหน้าตาหล่อเหลาไม่ธรรมดา แล้วใครบ้างจะไม่ออกปากแซว
"คบกันแล้วเหรอ"
"บะ...บ้า! เรากับไนท์เราเป็นเพื่อนกันนะอิม"
เมื่อได้ยินประโยคนั้นจากอิมก็ทำให้แววตาหวานเบิกกว้างรีบบอกปฏิเสธในทันควัน เธอยังไม่ได้คบหากับไนท์แถมเจ้าตัวก็ไม่ได้ขอเธอเป็นแฟนด้วย...ถึงแม้ว่าลักษณะท่าทางจะดูออกว่าเขากำลังตามจีบเธอแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ก็เถอะ!
"ยังไม่คบ แต่ก็กำลังศึกษาดูใจกันอยู่ใช่ไหม" สายขิมแทรกขึ้นพร้อมกับมองหน้าอันดามันด้วยสายตาหยอกเย้า ก่อนจะหันไปขำขันกับอิมที่นั่งอยู่ข้างกาย เพราะรู้ดีว่าเพื่อนคนนี้เวลาเขินอายแล้วหน้าจะแดงเสียยิ่งกว่ามะเขือเทศซะอีก
"สายขิม...ไม่ใช่สักหน่อย! เรากับไนท์เป็นเพื่อนกันจริง ๆ ไนท์เป็นเพื่อนของอาร์ตเพื่อนเราไง เขาอยู่คณะเดียวกัน"
"อะไรกันสาวน้อย ขนาดนี้แล้วยังจะปฏิเสธอีก หมอนั่นฉันเองก็ดูออกว่ากำลังตามจีบเธอ ส่วนเธอก็มีใจให้เขาชัด ๆ" อิมขมวดคิ้วมองเพื่อนสาวที่ออกปากปฏิเสธท่าเดียว เธอมองออกตั้งแต่แว้บแรก ผู้ชายคนนั้นชอบเพื่อนของเธอ...ส่วนยัยอันดามันน่ะจะไปเหลืออะไร
"เรายังไม่แน่ใจเลย..." เสียงเล็กเอ่ยแผ่วเบาพลางนึกสับสนภายในใจว่าตัวเองรู้สึกยังไงกันแน่
"ปกติเธอไม่ใช่คนลังเลแบบนี้นะอัน"
"โอ๊ย! ช่างเรื่องเราเถอะ พวกเธอล่ะเป็นไงบ้าง หายหน้าหายตาไปเลยนะ ลืมเพื่อนคนนี้ไปแล้วมั้งเนี่ย" อันดามันแสร้งโกรธทำหน้าน้อยใจเพื่อกลบเกลื่อนประเด็นของตัวเอง แต่ลึก ๆ แล้วก็รู้สึกอย่างที่พูดออกไปจริง ๆ เพราะช่วงนี้เพื่อนทั้งสองคนนั้นหายหน้าหายตาจนแทบไม่มีบทสนทนาต่อกัน
"ก็ปกตินี่ ไม่ได้มีอะไร" อิมเอ่ยบอกพร้อมกับทำหน้าเรียบนิ่ง
"ก็ฉันฝึกงานนี่นา กลับห้องก็เหนื่อยสลบ ไม่มีแรงทำอะไรต่อแล้ว"
"ก็จริง...แล้วเป็นไงบ้างอะสายขิม เราได้ข่าวว่าประธานบริษัทหล่อมากเลยใช่ไหม เราเคยอ่านบทสัมภาษณ์ของเขาอยู่นะเห็นว่าขึ้นแท่นเป็นผู้บริหารตั้งแต่อายุยังน้อย แถมยังทำงานเก่งมาก ๆ ด้วย"
"ก็หล่อนะ เขาหล่อมากเลยแหละ แต่ว่า...เอ่อ...ช่างมันเถอะ ไม่มีอะไรหรอก" สายขิมบอกปัดถึงประโยคสุดท้าย ซึ่งอันดามันและอิมที่กำลังตั้งใจฟังถึงกับหันมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ
"อะไรคือไม่มีอะไรสายขิม ฉันไม่เข้าใจ"
"ก็ไม่มีอะไร ช่างเถอะ..."
"แล้วเธอล่ะอิม ช่วงนี้หายไปเลย มีอะไรรึเปล่า"
คำเอ่ยถามของอันดามันทำเอาสีหน้าของอิมเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด แววตาหวานสองคู่ของอันดามันและสายขิมมองเพื่อนสนิทที่รับรู้ได้ในทันทีว่าอิมกำลังมีเรื่องบางอย่างที่ปิดบัง หรือไม่เธอก็กำลังกลุ้มใจเรื่องบางเรื่อง จนทำให้ท่าทางของเธอเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้
"..."
"บอกมาเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นเราจะไม่ปล่อยให้อิมกลับง่าย ๆ แน่!"
"โอ๊ยยัยอัน! ไม่บอกหรอก"
"นี่เพื่อนไง นี่เพื่อนเอง! เรากับสายขิมเป็นที่ปรึกษาให้ได้นะ อิมก็รู้ว่าเราสองคนน่ะเป็นที่ปรึกษาเบอร์หนึ่งอยู่แล้ว!" อันดามันทำท่ามั่นใจพร้อมกับพยักพเยิดเพื่อให้สายขิมเคลิ้มไปตาม ๆ กัน
เธอเองก็อยากจะรู้ว่าเพื่อนคนนี้มีอะไรปิดบังถึงทำให้คนที่มั่นใจในตัวเองเกิดความประหม่าแบบนี้
"ฉัน...คือฉัน..." แววตาของอิมสั่นไหว เธอมีความกังวลและสับสนภายในใจจนเพื่อนทั้งสองคนรู้สึกเห็นใจ
"เธอยังไม่ต้องพูดได้ ไม่เป็นไร...แต่เธอรู้ใช่ไหมว่ายังพี่พวกฉันสองคนอยู่ตรงนี้"
มือเล็กของอันดามันและสายขิมกอบกุมมือเพื่อนสนิทเอาไว้ ในเมื่อเธอยังไม่พร้อมบอกก็จะไม่คิดเซ้าซี้ แต่พวกเธอสองคนนี้จะอยู่เคียงข้างแบบนี้อยู่เสมอ
"ขอบคุณนะ ถ้าฉันโอเคแล้วฉันบอกพวกเธอทุกอย่างเลย..."