ตลอดทางที่ชายคนนี้กับนิราเดินผ่านจนกระทั่งขึ้นลิฟไปชั้นบนสุด มีแต่คนทักทายและก้มหัวให้ เขาทำแค่พยักหน้ารับ ส่วนนิราตัวลีบตัวหดหมดแล้ว เขาคนนี้เป็นใครกันแน่
“เอ่อ ท่านรองค่ะ จะพาเด็กคนนั้นไปไหน” หญิงสาวที่ยืนอยู่โต๊ะก่อนถึงหน้าห้องที่เขียนว่ารองประธานพูดขึ้น
ผู้หญิงที่นิราเพิ่งเจอ
“ผมจะสัมภาษณ์เธอเองหลังประชุมเสร็จ หาน้ำไปให้เธอด้วย อย่าให้คนไล่เธอไปไหน คุณเจน ผมขอเอกสารการประชุมด้วยครับ” ชายหนุ่มสั่งเลขาชั่วคราวของท่านประธาน ก่อนจะหันมายิ้มให้เลขาตัวเอง แล้วรับเอกสารที่เธอยื่นมาให้
“ไปรอผมในห้องนั่น แล้วเตรียมตัวให้ดี หวังว่าผมจะไม่ผิดหวังนะที่พาคุณมา” เขาชี้บอกเธอไปที่ห้องของรองประธาน ก่อนจะยิ้มนิดๆ แล้วเดินจากไปทางห้องประชุมที่เธอกับเขาเพิ่งเดินผ่านมา
“เข้าไปสิ จะยืนเช่อทำไม ยัยบ้านนอก” พูดเสียงดังให้ได้ยิน ก่อนจะเหยียดปากใส่เด็กสาวตรงหน้า ดูยังไงก็บ้านนอกชัดๆ เสื้อผ้าที่ใส่ก็เชยแสนเชย แถมผิวก็คล้ำกว่าเธอ
“เห้ออออ” นิราเดินเข้าไปนั่งรอในห้องทันที ไม่หวังน้ำดื่มอย่างที่ชายคนนั้นบอก แค่ไม่โดนไล่ออกไปตอนนี้ก็ดีแล้ว นิรานั่งอยู่เงียบๆ เธอไม่ต้องเตรียมตัวอะไรหรอกเพราะเตรียมมาแล้วนั่นเอง
นิราก้มมองตัวเองอีกครั้ง สภาพเธอก็ไม่ได้แย่สักนิด เธอใส่เสื้อสีขาวกับกางเกงสีดำ มันก็ดูเหมาะกับการสัมภาษณ์งานนี่นา แล้วเธอบ้านนอกตรงไหน หรือไอ้สีผิวของเธอที่มันโผล่พ้นเสื้อแขนยาวสีขาวนี่เหรอ มันดูคล้ำเลยดูบ้านนอกเหรอ นิราคิดอย่างสงสัยในคำพูดของผู้หญิงคนนั้น
เธอยอมรับว่ามาจากต่างจังหวัดไม่ได้มีผิวสีขาวเนียนละเอียดเหมือนคนในกรุงเทพ แต่เธอคิดว่าถ้าเธออยู่กรุงเทพนานกว่านี้เธอต้องขาวขึ้นแน่นอน บางทีอาจจะขาวและสวยกว่าผู้หญิงที่ดูถูกเธอด้วยซ้ำ
นิรามองมือตัวเองที่มันคล้ำเพราะตากแดดช่วยแม่ทำงาน แต่ไม่เคยนึกรังเกียจความดำของมันสักนิด ยิ่งดูมันยิ่งคิดถึงคนเป็นแม่ ถ้าไม่ใช่เพราะหนี้ก้อนโต เธอคงไม่ต้องทิ้งแม่มาหางานทำในกรุงเทพคนเดียว
3 ชั่วโมงต่อมา
ร่างสูงของนรสิงค์ หรือคุณสิงค์ ผู้เป็นรองประธานบริษัทนำเข้าและส่งออกขนาดใหญ่นี้ ก็เดินเข้ามาในห้องทำงานของตัวเองทันทีที่ประชุมเสร็จ
วันนี้เขาต้องเป็นประธานในการประชุม แทน คุณพยัคฆ์ หรือเสือ พี่ชายที่หนีไปหาคู่หมั่นคนสวยตั้งแต่เช้า หรือบางทีอาจจะตั้งแต่เมื่อคืน
“คุณรอนานไหมครับ”
สิงค์ถามผู้หญิงที่นั่งผงกหัวกับโซฟา เธอคงจะง่วงเพราะรอเขาตั้งนาน ไหนจะตาหวานเยิ้มที่มองเขานั่นอีก นี่เธอตื่นรึยังเนี้ย
“ต้องถามด้วยเหรอคุณ คุณก็น่าจะรู้เรื่องเวลาดีที่สุด”
นิราบ่นให้คนที่ดูนาฬิกาก่อนจะถามเธอด้วยซ้ำ
“อ่า งั้นเรามาเริ่มกันเลยนะครับ คุณมาสัมภาษณ์งานตำแหน่งเลขาของท่านประธานสินะครับ ผมชื่อนรสิงค์ หรือสิงค์ เป็นรองประธานที่นี่ครับ”
สิงค์เอ่ยแนะนำตัว ก่อนจะเริ่มสัมภาษณ์เธอทันที
“ชื่อนิรา อายุ 25 จบโทบริหาร พูดได้ 3 ภาษา จีน อังกฤษ ญี่ปุ่น” สิงค์ทวนข้อมูลในเรซูเม่ของเธอช้าๆ การศึกษาเธอดีมากแม้จะจบจากมหาลัยต่างจังหวัดก็เถอะ ถือว่าใช้ได้ทีเดียวเลย
“คุณพร้อมเริ่มงานวันไหน” สิงค์ถามนิราที่นั่งเงียบ นี่เขาสัมภาษณ์งานหรือแค่อ่านประวัติเธอกันแน่
“คุณรับฉันทำงานเหรอคะ” นิราถามย้ำอีกครั้ง
“ครับ ที่จริง คนที่คุณต้องทำงานด้วยคือพี่ชายผมที่เป็นประธานของที่นี่ แค่คุณสมบัติคุณผ่านก็พอ ที่เหลือก็ค่อยเอามาใช้ตอนทำงานละกันนะครับ” สิงค์พูดอย่างอ่อนโยน
“คุณให้ฉันนั่งรอเกือบ4ชั่วโมง แล้วพูดกับฉันแค่10 นาทีนี่นะ” นิราไม่รู้จะดีใจหรือโมโหดี ไอ้ประโยคสามภาษาที่เธอเตรียมมาสัมภาษณ์ไม่ถูกนำออกมาใช้เลยสักนิด
“แต่ผลลัพธ์มันก็ออกมาดีนี่ครับ” สิงค์ยิ้มน้อยๆ ชอบใจที่ได้คุยกับเธอ เด็กผู้หญิงผิวสองสีที่มีสีผมดำสนิทล้อมกรอบใบหน้าแสนหวานไว้ โชคดีที่เขาเหยียบแว่นตาเธอพังจึงได้มีโอกาศได้เห็นใบหน้าเธอชัดๆ และมันก็ถูกใจเขามากเลยละ
“งั้นฉันขอเริ่มงานวันพรุ่งนี้เลยได้ไหมค่ะ แล้วเงินเดือนฉันจะได้ตามที่ยื่นไปรึเปล่า” นิราเอ่ยถามเบาๆ กับผู้ชายตรงหน้า ที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ดูดีไปหมด ทั้งรูปหน้าที่เกลี้ยงเกลา จมูกโด่ง แต่ที่โดนเด่นที่สุดคงจะเป็นสีผม ที่เขาย้อมเป็นสีเทาอย่างมั่นใจ และมันก็เขากับใบหน้าเขาเป็นอย่างดี
“ได้ครับ เงินเดือนสองหมื่นห้าผมว่าไม่น้อยนะกับการเพิ่งเริ่มงาน แต่ถ้าคุณมีความสามารถมากพอ ผมเชื่อว่าไม่นานเราได้ปรับเงินเดือนให้คุณแน่ๆ สู้ๆ นะครับ” นิราได้รับรอยยิ้มตอบกลับมา พร้อมกับคำพูดแสนอ่อนโยนของนรสิงค์
“เอ่อ คุณนรสิงค์ ชุดที่ฉันใส่มันน่าเกียจสำหรับงานของพวกคุณรึเปล่า” นิราไม่มั่นใจเลย สงสัยมันคงดูไม่เหมาะกับบริษัทใหญ่ขนาดนี้นั่นแหละ ถึงได้มีแต่สายตาดูแคลนมอบมาให้
“คุณไม่มั่นใจเหรอ งั้นไปกับผมสิ” นรสิงค์เดินมาจับมือนิราเดินออกไปจากห้องทันที
“คุณเจนครับ ไปกัน ไปช่วยผมเลือกชุดให้เลขาคนใหม่ของพี่เสือที” สิงค์ยิ้มอย่างอารมณ์ดีให้เลขาสาวที่มองมาอย่างสงสัยภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยที่ไม่แสดงความรู้สึก
“เชิญนำไปก่อนเลยค่ะ เจนขอหยิบกระเป๋าก่อน” เจนจิราพูดด้วยเสียงนิ่งๆ ก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้วเดินตามไป ทั้งยังเอกสารหลังการประชุมนั่นอีก