A episode 1
มังกร (ไม่) อ่อนโยน
โดย Ginoichi
🎶🎶🎶🎶🎶
เสียงร้องเพลงขณะวิ่งของกลุ่มทหารใหม่ดังก้อง มาพร้อมกับเสียงน้ำหนักฝีเท้ากระทบกับพื้นถนนดังกึกๆ หากเป็นในยามปกติ แบม หรือบราลี คงรู้สึกสดชื่นคึกคัก จนต้องรีบลุกตาลีตาเหลือกออกไปสอดส่อง กล้ามอกขาวๆ เหมือนทุกที
ต่างเพียงวันนี้ ใจมันอยากลุกแค่ไหน แต่ร่างกายมันคงไม่สู้ เนื่องด้วยเจ้าตัวเพิ่งจะได้งีบหลับไปไม่ถึงสองชั่วโมง
ใบหน้าหวานบูดบึ้ง ไม่ต่างจากสภาพร่างกายที่ดูไม่ได้ ผมเฝ้ากระเซอะกระเซิง จน บอล หรือ บดินทร์ น้องชาย ที่รับอาสาเข้ามาเรียกถึงกับส่ายหัว
"เวรกรรมใครน้อ จะได้ลูกขี้เมาของพ่อไปดูแลต่อ"
เสียงทุ้ม เอ่ยไม่เบา จน จ่าประสิทธิ์ ที่เดินผ่านต้องผลุบตัวเข้ามาดู
ชายสูงวัยเบ้หน้า ทันทีที่ผลุบเข้าห้อง
"มันกินรึมันอาบมาวะ ตายๆ ถ้าแม่มึงมาเจอ
เดี้ยวบ้านแตก ไปๆ ช่วยกันลากไอ้แบมขึ้นมา"
จบประโยคคำสั่งจากคนเป็นพ่อ บอลรีบคว้าร่างพี่สาวหิ้วปีกร่องแร่ง เข้าห้องน้ำ ตามมาด้วยจ่าประสิทธิ์ ที่บ่นตามหลังมาไม่หยุด
"ใครว่ามีลูกสาวโชคดี ไม่มีดื้อ ละเว้นกูใว้คนนึงเลย ไม่รู้มันไปแหกคอกไหนมาเกิด ถึงได้ผ่าเหล่าผ่ากอนัก"
ปากก็ก่นด่า มือก็เขย่าเรียก หากแต่คนถูกปลุก กลับทำตัวเหมือนตายไปแล้วมากกว่า
ชนิดที่ว่า คนปลุกไม่ท้อ คนถูกปลุกก็เอาแต่ทิ้ง
จ่าประสิทธิ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะใช้ไม้ตายสุดท้าย ที่เจ้าตัวนึกออกแม้จะไม่ชอบใจเท่าไรก็เถอะ
"ถ้าเองไม่ลุกตอนนี้ ผู้กองคนดีของเอง ต้องกินข้าวโรงเลี้ยงนะ"
ขาดคำที่เหมือนประกาศิต ร่างร่องแร่งราวคนไร้วิญญาณเมื่อครู่ ดีดผึ่งลุกขึ้นมาราวกับเป็นคนละคน บราลี โดดพรวด เข้าห้องน้ำด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่ไม่กี่นาทีต่อมา จักรยานคู่ใจ จะถูกถอยออกจากโรงจอดรถ
จ่าประสิทธิ์มองตามถูกสาวพรางส่ายหัวอย่างระอา
"พ่อมันเรียกไม่มีคะขา แต่ผู้ชายสบตาแข้งขามันอ่อน กรรมของกู มีลูกขี้เมา ที่ชอบตามเฝ้าผู้ชาย"
"วันนี้ ทางมันโล่งแปลกๆไหมวะ"
หมวด ศิระ เปรยขึ้นเบาๆ ก่อนจะเบนสายตาไปหา ผู้บังคับบัญชาหนุ่ม ที่วันนี้ ใบหน้าเรียบนิ่ง ถูกประดับใว้ด้วยหัวคิ้วหนาที่ขมวดมุ่นจนชิดบ่งบอกว่าเจ้าตัวอารมณ์ไม่สู้จะดีนัก
"ก็เด็กผู้กองไม่ออกมารอไง แบมอ่ะ น้องแบม"
นายทหารหนุ่มอีกคนเสริมทัพด้วยคำพูดทีเล่นทีจริง หากแต่คนที่หงุดหงิดเป็นทุนเดิม กลับไม่อยากจะเล่นด้วย
ร่างสูงโปร่ง ลดฝีเท้าจากวิ่งเหยาะๆลงเป็นค่อยๆเดินในความเร็วปกติ เสียงขรึมตะโกนก้อง
"ว่างกันนักใช่ไหม!"
หมวดศิระสดุ้งเฮือก ร่างกายหดเกร็งอัตโนมัติ เตรียมพร้อมสำหรับคำสั่งต่อไปที่เขามั่นใจ ว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องดี
"ผมถาม ว่าพวกคุณ ว่างกันนักใช่ไหม!"
"ตอบ!"
คราวนี้เสียงขรึมเพิ่มความเข้มอีกหนึ่งระดับ จนเหล่าทหารใหม่ ร้อนรนรีบขานรับ
"ไม่ว่างครับ!"
เสียงทุ้มตะโกนสอดประสานในขณะที่ท้าวยังคงวิ่งต่อไม่หยุด
"แถวหยุด!"
สิ้นคำสั่ง ฝ่าเท้าทั้งหลายหยุดกึก เป็นจังหว่ะเดียวกัน กับบราลี ที่ขี่จักรยานผ่านมา ร่างเล็กสวมเพียงเสื้อยืดรัดติ้ว กับกางเกงยีนส์ขาสั้นสีซีด อวดต้นขาขาวเนียน จนพลทหารหลายนายเผลอใจสั่น ดวงตากลมโตกวาดมองข้างทางจนทั่วเมื่อพบกับเป้าหมายที่ตามหา มือเรียวเล็กก็กำแฮนด์จักยานจนแน่น
เอี๊ยดด!
เสียงล้อจักยานบดถนนจนได้กลิ่นยางใหม้ลอยมาจางๆ ผู้กองชวินเหลือบตาขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าเป็นใคร ใบหน้าหล่อร้ายก็เริ่มชักสีหน้าหงุดหงิด
บราลี เทียบจอดจักรยานจนเรียบร้อย มือคู่เล็กจึงฉวยคว้าเอาตระกล้าขนาดกลางวิ่งหน้าตั้งเข้าไปยังกลุ่มเป้าหมาย ด้วยรอยยิ้มหวาน
"โน้น มาแล้ว พูดยังไม่ทันขาดคำ"
หมวดศิระ ขยิบตายิบๆ ให้เหล่าทหารไหม ไม่ได้สนใจคนที่ยืนหน้าตึงอยู่ข้างๆเลยสักนิด
เป็นผู้กองอคินณ์เสียอีก ที่ทนฟังคำล้อเลียนไม่ไหว จนต้องขยับกายออกห่าง
"ผู้กองใจร้ายอ่ะ ผ่านบ้านแบมมา ไม่เรียกแบมสักคำ"
ใบหน้าหวานย่นยู่ ขณะเดียวกันก็สะบัดตัว
ดุ้กดิ้ก สื่อให้อีกฝ่ายรู้
' ว่าเธองอนอยู่ งอนมากนะ แล้วก็..อยากให้เขาง้อด้วย'
"ไปไกลๆไปคนยิ่งร้อนๆอยู่"
เพล้ง!
ไม่ใช่กระจกที่ไหนแตก ไม่ใช่รถที่ไหนชน
หน้าค่ะ หน้าฉันเอง แตกละเอียด แตกจนป่นปี้
"ผู้กองอ่ะ แบมงอนแล้ว เอ้า! เอาไปเลย"
มือขาวนุ่มยัดตระกล้าใส่มือหนาก่อนจะเดินกระทืบเท้าออกไปตามประสาคนถูกตามใจจนชิน
ผู้กองอคินณ์ มองตามหลังคนที่เดินสะบัดก้นออกไปนิ่งๆ ไม่กี่นาที ก่อนจะหลุบตาลงมองตระกล้าในมือ ถึงแม้ว่าเขาจะรำคารเธอมากแค่ไหนเขาก็ไม่เคยใจร้ายทิ้งตะกล้าเธอลงสักที
เพราะแบบนี้แหละมั้ง เด็กนั้นถึงวอแวเขาไม่เลิกหัวคิ้วหนาขมวดมุ่น ก่อนจะเดินกลับไปรวมกลุ่มกับเหล่าทหารที่รออยู่
"แหม ผู้กอง ข้าวน้ำไม่ขาดเลยนะครับ คราวนี้น้องแบมคนสวย ทำอะไรมาบูชาผู้กองครับ"
หมวดศิระ แซวเสียงดัง ตามมาด้วยเสียงวิ้ดวิ้วเกรียวกราว
ผู้กอง อคินณ์เลิกคิ้ว ก่อนจะตอบเสียงทุ้ม
"ไม่รู้ "
"เอาอะไรมาให้ ก็กินอันนั้น"
"ปกติก็ไม่ใช่คนเลือกกิน"
คนพูดน้อย เอ่ยออกมาราบเรียบ ไม่มีความรู้สึกพิเศษแฝงอยู่ในคำพูดนั้น จนเหล่าคนที่รอลุ้นคำตอบ เซ็งเป็นแถบๆ
"โถ่! ผู้กอง ลองแกล้งๆหน่อย แกล้งสนใจหน่อย สวยที่สุดในค่ายเลยนะนั่น"
หมวดศิระ ยังอวยซ้ำ ราวบุคคลที่กล่าวถึงติดสินบนเขาใว้ไม่น้อย
"ก็อวยเกิน"
"ทำไม อยากกินข้าวฟรีเหมือนกู?"
คราวนี้เสียงขรึมดูเข้มขึ้น หากแต่หน้าตาคนพูดกลับไม่ได้จริงจังขนาดนั้น
"ได้ก็ดีสิครับ ถ้าน้องแบมเปลี่ยนใจเซมาซบอกผมเมื่อไร ผมจะถวายให้หมดหน้าตัก"
"มีบ้านขายบ้าน มีรถขายรถ ขายจนหมดให้น้องแบมคนเดียวเลยครับ!"
หมวดศิระพูดจบก็ตบอกปึกๆ! ด้วยความฮึกเหิม
ใบหน้าหล่อร้ายยกยิ้มมุมปาก
เขารู้ดีอยู่กว่าใคร ว่าแบม หรือบราลี ที่อีกฝ่ายพูดถึง ไม่มีทางเปลี่ยนใจไปหาชายอื่น
นอกจาก...เขา
ช่วงเที่ยงของวันเดียวกัน ร่างเล็กสาระวนตักอาหารให้เหล่าทหารด้วยความคล่องแคล่ว บ้านของเธอนั้นนอกจากจะประกอบธุรกิจผูกขาดเป็นร้านชำร้านเดียวในค่าย แล้วยังพ่วงท้าย ด้วยแม่ครัวโรงเลี้ยง หน้าที่ประจำวันของเธอตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อสาวจนบัดนี้อายุเหยียบย่างเข้า22ปี จึงหนีไม