บทที่ 1
[ NAMHOM PART ; ]
ฉันคิดถูกหรือว่าคิดผิดกันเนี่ยที่เลือกมาทำงานที่นี่น่ะ ไอ้เราก็เห็นว่าเงินดี ทำงานไม่นานและไม่ต้องเหนื่อยออกแรงเหมือนการเด็กเสิร์ฟ แล้วเจ๊นนนี่คนที่คอยหางานให้ฉันเขาก็แนะนำมาอย่างดีว่าที่นี่ดีอย่างนั้นดีอย่างนี้และเด็กไม่สบายวันนี้แล้วฉันก็ว่างพอดีเลยลองมาทำดู แล้วไหงเป็นงี้ล่ะ!
ตอนนี้ฉันอยากกัดลิ้นตัวเองให้ตาย ๆ ไปเลย ดูสิโดนกอดแบบอ้อม ๆ แล้วยังถูกจ้องไม่วางตาตั้งสามคน และอีตาคนที่กอดฉันอยู่ก็เก๊กเหลือเกิน หน้าเป็นตะคริวเหรอทำหน้าเหมือนกับอมขี้ไว้อะไรแบบนั้น โอ๊ย หมั่นไส้จริง ๆ!
ฉันหยิบแก้วเครื่องดื่มของตัวเองขึ้นมา ความจริงแล้วก็ไม่ใช่คนดื่มเป็นอะไรนักหรอก แต่ตอนนี้ฉันกำลังทำตัวไม่ถูกน่ะ เลยหาอะไรทำแก้เก้อไปงั้น นอกจากคนข้างกายที่ประมูลตัวฉันมานั่งข้าง ๆ แล้ว เพื่อนของเขาอีกสองคนก็มีสาวสวยนั่งประกบข้าง แถมยังกอดคลอเคลียนัวเนียกันไม่เกรงใจสายตาคนอื่นอีก!
“นี่! หัดเอาใจฉันบ้าง ฉันเสียเงินให้กับเธอไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะ!”
“แล้วอยากให้ฉันทำอะไรล่ะคะ ฉันไม่รู้จะดูแลคุณยังไง”ฉันตอบเสียงเบาพลางก้มหน้าลง เพราะไม่กล้าสบตากับเขาที่จ้องฉันตาแทบจะหลุดออกจากเบ้า
“เธอพูดว่าอะไรนะฉันไม่ค่อยได้ยิน”เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้มากขึ้นเพื่อถามเอาคำตอบ ไม่รู้ว่าเขาไม่ได้ยินจริงๆหรือว่าแกล้งกันก็ไม่รู้ฉันว่าฉันก็พูดดังพอสมควรนะ
“ฉันบอกว่าฉันไม่รู้จะดูแลคุณยังไง”ฉันยื่นหน้าให้ใกล้เขามากขึ้น พร้อมกับเปล่งเสียงในระดับที่ดังกว่าเก่า
“อะไรนะ ไม่ได้ยิน เสียงมันดัง”
“ฉันบอกว่า อ๊ะ!”ฉันขมวดคิ้วยุ่งและขยับหน้าเข้าไปใกล้เข้ามากขึ้นอีกครั้ง แต่ทว่ากลับเป็นตัวฉันเองที่เผลอพลั้งจนทรงตัวเองไม่อยู่พานทำให้จมูกของฉันกดลงที่แก้มของเขาอย่างแรง
ตอนนี้ฉันกำลังหอมแก้มเขาอยู่!
“นี่เหรอวิธีของเธอ อืม...หอมหวานดีเหมือนกันนะ”คนตรงหน้าหัวเราะร่าพร้อมกับกดสายตามองฉันอย่างนึกหยอกล้อ ผิดกับตัวฉันที่เบิกตากว้างและรีบหันหน้าหนีเนื่องจากเขินอายจนทำตัวไม่ถูก
“ฉะ...ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันขอโทษนะคะ ฉัน...” “ไม่เป็นไร ฉันชอบ อยากจะหอมอีกก็ได้ ไม่หวง”ไม่ว่าเปล่า ใบหน้าหล่อเหลายังโน้มเข้ามาใกล้ จนกระทั่งจมูกโด่งอยู่ห่างจากฉันเพียงไม่กี่เซนติเมตร รวมถึงลมหายใจอุ่นที่เป่ารดเคล้าไปกับแรงเต้นของหัวใจที่กระหน่ำไม่เป็นจังหวะ
ให้ตาย...อย่าเอาหน้าหล่อ ๆ เข้ามาใกล้กันแบบนี้ได้ไหม ฉันจะคลั่งตายอยู่แล้วนะ!
“ขอโทษที่ขัดจังหวะนะคะคุณไมเนอร์ ครบเวลาที่น้องน้ำหอมต้องทำงานแล้วค่ะ”สาวสวยตรงหน้าราวกับนางฟ้ามาโปรดช่วยชีวิตฉันไว้พอดี นั่งจึงทำให้คนตรงหน้ายอมขยับตัวออกแต่โดยดี แต่ทว่าสายตาของเขากลับยังคงจดจ้องมองมายังฉันทั้งยังมีรอยยิ้มหยัดที่มุมปาก
“ไวจัง ผมกำลังมีความสุขเลย”
“สนใจเรียกน้องคนอื่นมาบริการไหมคะ ร้านเรามีแต่สาวสวย ต้องถูกใจคุณไมเนอร์แน่นอนเลยค่ะ”
“ไม่ล่ะครับ พอดีว่าผมชอบคนนี้ ดูท่าแล้วชักจะติดใจซะแล้วสิ”
ประโยคนั้นทำเอาฉันถึงกับตัวแข็งทื่อ นี่เขาตั้งใจปั่นประสาทฉันจริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย
“น้องหอมแกเป็นเด็กดีค่ะ ไม่ค่อยรับงานแบบนี้หรอก เนอะน้องหอมเนอะ ไปกันเถอะจ้ะ เจ๊แกเรียกหาแล้ว ขอตัวก่อนนะคะคุณไมเนอร์”
“เชิญครับ ส่วนเรื่องทิปผมจะตอบแทนให้อย่างงามเลย”เขาคลายอ้อมแขนออกมากอดที่อกส่วนฉันก็รีบลุกขึ้นทันที ถึงแม้จะมึน ๆ อยู่บ้างแต่ฉันต้องออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
ฉันเดินตามพนักงานสาวมายังห้องแต่งตัวข้างในสุดของร้าน ตรงนี้ค่อนข้างส่วนตัวและเงียบสุดๆต่างกับด้านในราวฟ้ากับเหว
“เป็นยังไงบ้างน้องหอม วันนี้ฮอตมากเลยนะใคร ๆ ก็พูดถึงหอมกันทั้งนั้น”
“ก็ดีค่ะ แต่...”
“แต่อะไรจ๊ะ นี่น้องหอมรู้ไหมคุณไมเนอร์น่ะเขาเป็นเจ้าของที่นี่นะ เขาไม่เคยประมูลผู้หญิงคนไหนเลย น้องหอมเป็นคนแรก”
“จะ...จริงหรอคะ เขาดูน่ากลัวยังไงไม่รู้”
“ไม่หรอก น้องหอมไปเปลี่ยนชุดเถอะส่วนเรื่องเงินเดี๋ยวพี่เอามาให้รอแป๊บนะ”
“ได้ค่ะ”
ฉันเข้ามาเปลี่ยนชุดและลบเครื่องสำอางบนใบหน้าออก กระทั่งตัวเองอยู่ในชุดเสื้อยืดธรรมและกางเกงยืนขาสั้น
ฉันนั่งมองตัวเองในกระจกและคิดนึกถึงตัวเองตอนที่ยังแต่งตัวเซ็กซี่วาบหวิวเมื่อครู่ ตลกตัวเองอยู่เหมือนกันที่เมื่อกี้กับตอนนี้มันช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ทำไงได้ล่ะ มันเป็นงาน และงานก้สามารถสร้างเงินได้
ฉันเองก็ต้องทำงานเพื่อหาเงินส่งเสียเลี้ยงดูตัวเอง ไม่ว่าจะเรื่องเรียน เรื่องกิน และเรื่องที่พัก ล้วนแต่เป็นตัวฉันนี่แหละที่ต้องหาเงินมาใช้จ่ายทั้งหมด
บ้านของฉันไม่ได้ร่ำรวย ค่อนข้างจะยากจนเลยด้วยซ้ำ พอเข้ามหา’ลัยได้ฉันก็ตัดสินใจที่จะทำงานหาเลี้ยงดูเองแทนการรบกวนเงินจากครอบครัว
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“น้องหอมนี่จ๊ะเงินค่าจ้างวันนี้จ้ะ”
“ขอบคุณมากค่ะ”ฉันยกมือไหว้และรับซองเงินมา “ทำไมมันหนาจัง...นับผิดหรือเปล่าคะ หวานไม่คืนน้าอิอิ”
“คุณไมเนอร์เขาเพิ่มอีกหนึ่งหมื่นจ้ะ และเขาฝากมาบอกด้วยว่า ขอบคุณสำหรับความหอมหวาน”
“ความหวาน...ความหวานอะไรเหรอคะ”
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันเขาบอกมาแค่นี้ รับไปเถอะแล้วก็รีบกลับ ยิ่งดึกมันยิ่งอันตรายนะ”
“ค่ะ หอมไปก่อนนะคะ ขอบคุณมากค่ะพี่”
หลังจากที่เดินออกมาจากร้านฉันออกมายืนรอแท็กซี่ที่ตอนนี้ไม่ผู้คนผ่านไปมาเลยสักนิด เป็นเวลามากกว่าครึ่งชั่วโมงที่ฉันพยายามชะเง้อมองหา ทั้งยังลองกดเรียกผ่านตัวแอปก็ไม่มีรถคันไหนจอดรับ
จากที่รออยู่จุดแรกก้ทำให้ฉันจำต้องเดินไปยังป้ายรถเมล์ที่อยู่อีกฝั่งเพื่อหวังว่าจะหารถกลับหอพักตัวเองก่อนที่มันจะดึกดื่นไปมากกว่านี้ แต่ทว่าความตั้งใจของฉันกลับไม่เป็นดั่งหวัง เมื่อมีรถมอเตอร์ไซค์สามคันเขามาจอดเทียบข้างฟุตบาทพร้อมกับเอ่ยวาจาลามปามซึ่งหน้า
“ว่างไงจ๊ะน้องสาว จะไปไหนเหรอ ให้พี่ไปส่งไหม”
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะฉันกลับเองได้”ฉันตอบเสียงสั่นและพยายามเดินหนี เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ในตอนนี้เริ่มไม่สู้ดีนัก
แต่ทว่า...
หมับ!
“ให้พี่ไปส่งดีกว่านะ พี่จะพาไปส่งถึงสวรรค์เลย”
“อ๊ะ! ปล่อยฉันนะ! ปล่อย!”ฉันส่งเสียงร้องเมื่อถูกมือหนาคว้าหมับเข้าที่ข้อมือพร้อมกับถูกกระชากรั้งจนร่างกายของฉันเซผลาเข้าหา
“เห้ย อย่าร้องสิวะ!”
“ปล่อยนะ อย่ามายุ่งกับฉัน ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย!”ฉันออกแรงเฮือดสุดท้ายสะบัดมือและรีบวิ่งหนีไปอีกทางหวัวจะหาหนทางรอด แต่ทว่าเมื่อวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว ขาของฉันกลับสะดุดล้มกิ่งไม้ที่ขวางทางอยู่พลัยทำให้กลุ่มชายวิ่งตามมาจับตัวของฉันไว้ได้ทัน
หมับ!
“กรี๊ด! ปล่อยฉันนะ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย!”
“อย่าดีดดิ้นให้มากนะมึง! เห้ย พวกมึงอะรีบมาลากมันเข้าไปในป่าเร็ว!”
“ไม่นะ ปล่อยฉันนะ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย!”ฉันต่อต้านกลุ่มคนตรงหน้าอีกครั้งและร้องเรียกขอให้คนช่วยสุดเสีย
เพียะ!
ตุ้บ!
“อึก อะ...โอ๊ย!”ร่างของฉันทรุดลงเมื่อถูกฝ่ามือฟาดลงมาที่ใบหน้าจนรู้สึกถึงเลือดที่ไหลตลบริเวณมุมปาก
เรี่ยวแรงก็อ่อนกำลังจนฉันไม่สามารถส่งเสียงร้องหรือว่าขยับตัวไปไหนได้
ดวงตาเริ่มพร่าเรือนเต็มทีขณะที่กลุ่มคนตรงหน้าต่างก็ส่งเสียงหัวเราะพร้อมกับค่อย ๆ สาวเท้าเดินเข้ามาหาฉันช้า ๆ
“ชะ...ช่วยด้วย อึก ช่วยด้วยค่ะ”
“ร้องไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก มาสนุกด้วยกันดีกว่านะน้องสาว!”
ฉันร้องไห้ออกมาพลางเบี่ยงใบหน้าออกเมื่อไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวไปไหนได้ ภายในใจก็ได้แต่ร้องเรียกขอความช่วยเหลือ ที่ยังคงมีความหวังเล็ก ๆ ว่าจะมีคนผ่านมาเห็นและสามารถช่วยฉันได้ทันเวลา
จนกระทั่ง...
ปัง!
เสียงปืนดังขึ้นทำให้สติของฉันที่กำลังจะดับตื่นขึ้นมาอีกครั้ง สายตาที่พร่าเรือนกู่กลับหันไปมองชายสามคนที่สาวเท้าเข้ามาจากด้านหลัง
ลูกกระสุนที่ลั่นไกฝังบริเวณต้นแขนของกลุ่มคนชั่วขณะที่คนอื่น ๆ ก็ต่างตกตะลึงเมื่อพบกับกระสุนและชายปริศนาที่เข้ามาแทรกได้ทันเวลา
“มึงเป็นใคร...มึงเป็นใครวะ!”
“ทำร้ายผู้หญิงแบบนี้น่าตัวเมียไปหน่อยนะครับพี่ ๆ”เสียงเรียบนิ่งเย็นยะเยือกเอ่ยขึ้นพร้อมกับแค่นหัวเราะเมื่อเห็นสภาพของคนกร่างที่ตอนนี้กำลังหอบหายใจโรยรินกับพิษบาดแผล
ใครกัน...ใครกันนพที่มาช่วยฉัน
ฉันพยายามหรี่ตามองบุคคลที่เดินเข้ามา แต่ทว่ากลับไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนเพราะที่ตรงนี้มืดมาก
“นายน้อย! ผะ...ผมไม่รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงของนายน้อย ผมขอโทษครับ อย่าทำอะไรพวกผมเลย!”ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างลนลานและรีบยกมือไหว้พัลวันเมื่อรับรู้ว่าเขาคนนั้นเป็นใคร
“ชะ ช่วยฉันดะ...ด้วย อึก...”
วูบ!
[ NAMHOM PART ; END ]
[ MINOR PART : ]
ผมวางร่างบางลงบนเตียงขนาดคิงไซซ์อย่างเบามือ สภาพของคนตัวเล็กตอนนี้ตามใบหน้าของเธอมีรอยช้ำและมีรอยเลือดที่มุมปาก และที่เธอสลบไปแบบนี้ก็คงจะเป็นเพราะความตกใจนั่นจึงทำให้ผมตัดสินใจพาเธอมาที่คอนโดฯ ของผมแทน
ตอนนั้นผมกับเพื่อนขับรถผ่านไปพอดีก็เจอกับเธอเข้า ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไรนักหรอกแต่พอมีพวกผู้ชายรุมล้อมเธออยู่เลยเกิดสงสัยขึ้นมา เพราะถ้าจะเป็นคนที่เธอรู้จักคงไม่ทักทายด้วยการกระชากกันแบบนั้น ผมและเพื่อนก็เลยรับรู้ได้ทันทีเลยว่าไอ้คนพวกนั้นจะต้องเป็นคนไม่ดีเป็นแน่
“ฮึก ชะ...ช่วยด้วย”เสียงสะอื้นเบา ๆ ของเธอทำให้ผมละความสนใจจากห้วงความคิดและนั่งลงข้างเตียงพลางลูบเบา ๆ ที่เรือนผมของเธอเพื่อปลอบประโลม
“เธอไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่เป็นไรแล้ว”
“หอมกลัว ฮึก...”เธอกอดแขนผมไว้แน่น ใบหน้าก็ซบที่ข้อมือของผม ผมลูบผมเธอเบา ๆ อย่างเอ็นดูพร้อมกับเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาอาบข้างแก้มทั้งสองข้าง
ตอนนี้ผมทำบ้าอะไรอยู่วะเนี่ย!
นี่ผมพาผู้หญิงขึ้นมาบนห้อง แถมยังให้เธอนอนบนเตียงของผมอีกต่างหาก เฮ้อ...แต่ก็นะ ผมไม่สามารถทิ้งเธอได้จริง ๆ เพราะเหตุการณ์เมื่อครูมันก็เลวร้ายกับเธอมากพอแล้ว
ผมหยัดกายขึ้นและเดินไปชำรังร่างกายเนื่องจากเนื้อตัวเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นของหยาดเหงื่อ พอเดินออกมาจากห้องน้ำก็ทำให้สมองของผมประมวลได้ว่าตอนนี้เตียงของตัวเองกำลังถูกยึดด้วยฝีมือของคน(เกือบ)แปลกหน้า
ผมตัดสินใจกับตัวเองอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเดินมาหยุดที่ข้างเตียงและเอ่ยเบา ๆ กับคนที่นอนหลับใหลไม่ได้สติ
“ฉันไม่ได้สุภาพบุรุษพอที่จะไปนอนโซฟาและให้เธอครองเตียงของฉันได้อย่างสบายใจหรอกนะ เพราะงั้นตื่นมาเธอจะมาโวยวายไม่ได้ เข้าใจไหม!”
ผมทรุดตัวลงนอนข้าง ๆ ร่างบาง รอยบนใบหน้าเด่นชัดว่ามีรอยเขียวช้ำและบาดแผลต่าง ๆ มันตัดกับสีผิวที่ค่อนข้างขาวจัดของเธออย่างมาก เธอคงจะเจ็บและกลัวมากสินะ
“ฮึก...ชะ...ช่วยด้วย ฮึก ช่วยด้วยค่ะ!”
ทว่าอยู่ ๆ ร่างบางก็กอดผมเอาไว้แน่นทั้งที่เธอยังคงหลับตาสนิท อาการตอนนี้ของเธอคงจะหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ๆ ผมจึงกอดรั้งเธอเอาไว้และจับศีรษะเล็กให้ซบอิงกับแผงอกแกร่ง
กอดปลอบเธอเบา ๆ เพื่อให้เธอสบายใจ จนกระทั่งหญิงสาวในอ้อมแขนสงบลงดังเดิม
ผมกดสายตามองใบหน้าหวานซ้ำ ๆ จนกระทั่งตัวผมเองก็หลับใหลเขาสู่ห้วงนิทราในที่สุด...
[ MINOR PART ; END ]