“มะนาว! มะนาวมาแล้วๆ มาฟังโบตั๋นเล่าเรื่องที่มันช่วยหมาที่โดนรถชนเร็ว” นิลวรรณกวักมือเรียกเพื่อนสนิทอีกคนที่กำลังเดินตรงมาที่โต๊ะหินอ่อน
“นั่งค่ะชะนี มาช้าเชียวนะวันนี้” ณัฐพลแบ่งที่นั่งให้นาราภัทร เธอทำหน้าตื่นเต้นและตั้งใจฟังนิรดาเล่าเรื่อง เหมือนไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน แล้วก็รู้ทันด้วยว่า เพื่อนของเธอ เล่าทุกอย่างอย่างครบถ้วน เว้นก็แต่ตัวตนของสัตวแพทย์เท่านั้น
“ดีแล้วค่ะ ผลบุญจากความดี จะช่วยหนุนนำให้โบตั๋นได้เจอคนดีๆ นะคะ” นาราภัทรมองหน้านิรดาอย่างมีลับลมคมใน
“ดีกับผีน่ะสิ!” นิรดานึกถึงหน้าของสัตวแพทย์ที่เมื่อคืนโทรศัพท์มาป่วน จนเธอแทบไม่ได้หลับได้นอน
“เออๆ เม้าเรื่องนี้ดีกว่า งานสัมมนาของคณะที่เขาใหญ่วันเสาร์ อาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธหน้า รายชื่อออกมาแล้วนะคะ ว่าใครได้นอนกับใครบ้าง” ณัฐพลเปิดโทรศัพท์มือถือและโชว์รูปให้เพื่อนๆ ดู
“หนึ่งห้อง นอนสามคน พวกแกนอนด้วยกัน ส่วนฉันนอนคนเดียว”
“อ้าว ทำไมแกนอนคนเดียวล่ะจูโน่” นิลวรรณถามด้วยความสงสัย
“ก็ฉันไม่อยากนอนกับพวกผู้ชายน่ะสิ ฉันเลยไปกระซิบบอกอาจารย์ว่า ฉันนอนคนเดียวได้ เพราะเมื่อเอารายชื่อทั้งหมดมาหารกัน มันก็จะเหลือเศษคนเดียวพอดี แล้วมันดีตรงไหนรู้ไหมยะ” เขาเว้นช่วงให้เพื่อนๆ ตื่นเต้น
“ตรงไหนคะคนสวย” นิรดาเล่นไปตามเกมของเพื่อน
“ก็ดีตรงที่ ฉันจะได้ย้ายไปนอนกับพวกแกได้ไงยะ สี่คน ใสๆ เบียดๆ รักใคร่ กลมเกลียว สามัคคี เป็นปึกแผ่น เป็นทีม...”
“พอๆ ชักจะเยอะไปแล้ว” นาราภัทรรีบห้ามเพื่อน ก่อนที่จะพูดคำศัพท์จนหมดทั้งพจนานุกรม
“เออ ลืมเลย นี่มะนาว แกมาสายเนี่ย เพื่อนเค้าตามหาตัวกันทั้งสาขา เอาการบ้านไปส่งให้อาจารย์ปิติภัทรเลย” นิลวรรณหยิบปึกกระดาษ ซึ่งมันคือการบ้านของเพื่อนๆ ในกระเป๋าให้นาราภัทร
“เอาไปส่งให้หน่อยสิวุ้นเส้น ฉันปวดฉี่ว่ะ นะแก นะวุ้นเส้น นะๆ” เธอก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีการบ้านที่ต้องส่ง จึงหยิบงานของตัวเองออกมา และยื่นให้คืนให้นิลวรรณ
“ทำไมต้องเป็นฉันวะ หน้าที่แกนะเว้ย เดี๋ยวอาจารย์หาว่าฉันเผือก”
“เออ แกนั่นแหละเอาไปส่ง จะให้วุ้นเส้นไปส่งได้ไง เดี๋ยวอาจารย์ก็เข้าใจว่าวุ้นเส้นมันประจบอาจารย์หรอก”
“ใช่ ฉันชอบอยู่เงียบๆ เว้ย ไม่อยากทำตัวเด่น”
“เออ ฉันเอาไปส่งเองก็ได้” นาราภัทรลุกจากเก้าอี้ทันที เพราะเห็นอาจารย์หนุ่มผู้เป็นศัตรูกำลังจะเดินผ่านโต๊ะของเธอและเพื่อนๆ
“ส่งการบ้านค่ะ” เธอยื่นงานให้เขา ปิติภัทรหยุดเดิน และชำเลืองมองหญิงสาวที่ทำให้เขานอนไม่หลับทั้งคืน
“เอาไปไว้ที่ห้องผม” เขาวาดแขนทั้งสองข้างมากอดอกไว้
“อาจารย์ก็จะไปห้องพักอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ” เธอยื่นมันให้เขาอีกครั้ง
“ผมไม่รับ ผมต้องทำธุระอย่างอื่นก่อน เอาไปไว้ในตะกร้าที่ห้องของผม นี่กุญแจห้อง” ปิติภัทรส่งกุญแจห้องพักอาจารย์ของตัวเองให้นักศึกษาสาว
“ตะกร้าวางอยู่บนโต๊ะ ใส่ไว้ในนั้นแหละ” เขาบอกก่อนจะปล่อยกุญแจห้องให้หลุดมือ จนมันล่วงลงสู่พื้น และก็ไม่ลืมที่จะยักคิ้วกวนๆ ใส่เธอด้วย
“เก็บกุญแจขึ้นมาเดี๋ยวนี้” นาราภัทรสั่งเขาด้วยความโกรธ
“ไม่เก็บ” เขาประสานสายตาสู้กับเธอ
“ตั้งใจทำตก ก็เก็บเองสิ”
“ถ้าอยากให้คนอื่นมองว่าเป็นคนไม่มีมารยาท ไม่ช่วยครูบาอาจารย์เก็บของ ต้องให้คนแก่กว่าก้มหัวให้ ก็เก็บให้เดี๋ยวนี้แหละ” ปิติภัทรย่อตัวตัวลงเล็กน้อย
“ไม่ต้อง!” เธอบอกเสียงลอดฟัน เพราะกลัวคนอื่นจะได้ยิน
“น่ารัก เป็นเด็กดีที่นิสัยดีมากจริงๆ” เขาส่งยิ้มอย่างผู้ชนะ เมื่อเห็นเธอก้มลงเก็บกุญแจที่พื้น
“ไม่ต้องประชด!”
“ฝากด้วยนะครับ นางสาวนาราภัทร!”
ปิติภัทรเดินมาถึงห้องพักของตัวเอง ก็ยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ เมื่อเห็นประตูแง้มไว้เล็กน้อย เขาเปลี่ยนจังหวะการเดินให้ช้าลงและเบาที่สุด ก่อนจะกดล็อคลูกบิดประตู และปิดมันให้มันสนิท
“คิดถึงจัง” เขาตรงเข้าไปกอดนาราภัทรไว้หลวมๆ จากด้านหลัง เพราะกลัวเสื้อนักศึกษาของเธอยับ
“เฮ้ย!” นาราภัทรที่กำลังมองหาตะกร้าที่เขาบอกก่อนหน้านี้ ร้องด้วยความตกใจ
“อย่าเสียงดังสิ เดี๋ยวก็มีคนได้ยินหรอก”
“ปล่อยค่ะ นาวมีเรียน”
“วิชาอะไร?” เขาเลิกคิ้วถามเธอ และหมุนตัวเธอให้หันมาหาเขา แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยเธอออกจากอ้อมแขน
“การกำจัดศัตรูพืชค่ะ”
“ของ อ. อรอนงค์ เหรอ” เขายิ้มกว้างออกมาอย่างมีความสุข
“ยิ้มอะไรคะ”
“ไม่ต้องรีบหรอก วันนี้ อ. อรอนงค์ไม่มา รถเสียบนทางด่วน คงมาไม่ทัน”
ติ๊ด ติ๊ด
นาราภัทรเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ทางวางอยู่บนโต๊ะด้านหลังของเธอ เธออ่านข้อความที่ณัฐพลส่งมา ก็เห็นว่าเป็นจริงอย่างที่เขาว่า
“ปล่อยได้หรือยัง” เธอรู้สึกว่าตัวเองมีอาการตัวร้อนขึ้นมาแปลกๆ เมื่ออยู่ในอ้อมแขนของเขา
“พี่ไม่อยากให้มะนาวแต่งงานกับอิฐเลย”
“ทำไมคะ” นาราภัทรหรี่ตามองเขาอย่างจับผิด
“ชู่! เบาๆ” ปิติภัทรใช้มือปิดปากเธอเอาไว้ เพราะได้ยินเสียงก๊อกแก๊กที่หน้าประตูห้อง
“อ้าว! ทำไมกุญแจเสียบอยู่ล่ะ” แม่บ้านที่กำลังทำความสะอาด สังเกตเห็นลูกกุญแจและแม่กุญแจ ที่คล้องอยู่กับบานประตู หน้าห้องพักของปิติภัทร
“สงสัยจะลืมไว้ เก็บไว้ให้แล้วกัน ป้องกันขโมย” แม่บ้านตัดสินใจ คล้องมันเข้าด้วยกัน และเก็บกุญแจไว้ ก่อนจะเดินถืออุปกรณ์ทำความสะอาดตรงไปทางอื่น
“ทำไมไม่บอกแม่บ้านว่ามีคนอยู่ในนี้” นาราภัทรหัวเสีย เมื่อรู้ว่าตัวเองถูกขังไว้ในห้องนี้กับเขา เธอผลักเขาสุดแรง และเดินไปหมุนลูกบิดประตู แม้จะมันจะปลดล็อคได้ แต่กุญแจที่ล็อคอยู่ด้านนอก ก็กักขังเธอไว้อยู่ดี
“ก็อยากให้อยู่ด้วยกันในนี้นานๆ” เขาพูดจบก็แย่งโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือของนาราภัทรมาไว้กับตัว ก่อนจะส่งข้อความไปในณัฐพล ซึ่งมีรายชื่อการสนทนาอยู่ด้านบนสุดของแชท ว่าเธอจะไปเจอกับเพื่อนๆ ตอนบ่าย เพราะติดธุระสำคัญ
“ส่งอะไรให้จูโน่คะ บอกมานะ” เธอถามด้วยความสงสัย เพราะอ่านสิ่งที่เขาพิมพ์ไม่ทัน ปิติภัทรไม่ยอมตอบ เขาล็อคหน้าจอโทรศัพท์และยัดมันลงในลิ้นชกโต๊ะทำงาน
“ฉวยโอกาสแล้วยังเป็นพวกขี้ขโมยอีก เอาโทรศัพท์มะนาวคืนมาค่ะ” เธอแบมือขอมันคืนจากเขา
“เอามือพี่ไปแทนก่อนแล้วกัน” เขายื่นมือเข้ามาเพื่อจะจับกับนาราภัทร แต่เธอก็ชักมือกลับอย่างรวดเร็ว แต่ถึงจะเร็วยังไงก็ไม่ทันมือของปิติภัทรที่รั้งมันไว้ได้ทัน และออกแรงดึงทั้งแขนและตัวเธอเข้ามาหาตัว จนร่างบางนั่งอยู่บนตักของเขาอย่างพอดิบพอดี
“พี่ถามจริงๆ นะ หนูจะแต่งงานตามความต้องการของผู้ใหญ่จริงๆ เหรอมะนาว” ปิติภัทรใช้แขนแกร่งโอบล้อมเอวบางที่กำลังดิ้นไม่ให้ไปไหน เขาซุกหน้าลงบนเรือนผมยาวสลวยที่มีกลิ่นหอมๆ โชยออกมา
“ก็อย่างที่มะนาวบอกนั่นแหละค่ะ ถ้ามันเป็นคำสั่งของพ่อ มะนาวก็ต้องทำ มะนาวขัดใจพ่อไม่ได้” นาราภัทรเริ่มขยับตัวช้าลง เพราะจมูกโด่งของอาจารย์หนุ่มที่แทรกผ่านผมของเธอ มันพาดผ่านต้นคอของเธอ จนเธอรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
“ถ้ามะนาวจะแต่งจริงๆ พี่จะบอกแม่พี่ ว่าพี่จะเป็นเจ้าบ่าวของมะนาวเอง” เขาพูดเสียงดังฟังชัด
“...”
“ก็อย่างที่บอกไปตั้งแต่วันที่พี่จูบหนูที่สวนหลังบ้านวันนั้น พี่ชอบมะนาวมาก ชอบตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันที่ผับ แล้วยิ่งเราได้กลับมาเจอกันอีก พี่ยิ่งดีใจ แต่ก็หนักใจมากกว่าที่คำว่าอาจารย์กับนักศึกษามันค้ำคอพี่ไว้ พี่ทำอะไรไม่ได้ เพราะกลัวหนูจะเสียหาย”
“งั้นก็ปล่อยมะนาวได้แล้วค่ะ นาวจะกลับไปหาเพื่อน”
“ทำไมหน้าแดง?” เขาจับคางสวยได้รูปของนาราภัทร ให้เธอหันหน้ามาสบตา
“เขินที่พี่บอกว่าชอบเหรอ?” ปิติภัทรอดยิ้มไม่ได้ เมื่อเห็นเธอเขินอายต่อสิ่งที่เขาพูด
“เปล่าค่ะ”
“เย็นนี้ให้พี่ส่งที่บ้านนะ พี่จะบอกพ่อหนูว่าพี่เต็มใจจะแต่งงานกับมะนาว พี่เต็มใจที่จะเป็นเจ้าบ่าว พี่จะเป็นผู้ชายคนนั้น คนที่คอยดูแลมะนาวเอง”
“พูดเหมือนนาวอย่างแต่งงานกับพี่ดินอย่างนั้นแหละ” นาราภัทรหลุบตาลงต่ำ หลบสายตาของปิติภัทร ที่จ้องเธอตาไม่กระพริบจนเธอใจสั่นไปหมด
“พี่จะทำให้หนูอยากแต่งงานกับพี่ให้ได้”
“งั้นคงต้องรอชาติหน้านะคะ”
“ทำไมต้องพูดจากวนพี่ตลอดเลย ชอบให้พี่เป็นผู้ชายโหดๆ เหรอ”
“แค่ยอมให้เอาแขนมากอดเอวตอนนี้ก็ใจดีมากแล้วค่ะ อุ๊ย! พี่ดิน!” นาราภัทรก็สับสนตัวเองเหมือนกัน ที่ปล่อยตัวให้เขาได้ใกล้ชิดขนาดนี้ และพอรู้ตัวอีกที มือใหญ่ของเขาก็ดึงชายเสื้อนักศึกษาออก และล้วงเข้าไปสัมผัสผิวเนียนนุ่มด้านในของเธอ เขาลูบมือทั้งสองข้างไปมาอย่างเบามือ
“อยู่นิ่งๆ สิ เสื้อจะยับนะ” ปิติภัทรฝังหน้าลงบนซอกคอที่มีกลิ่นกายหอมละมุนของหญิงสาว ซึ่งมันเรียกร้องให้จมูกของเขาเข้าไปดอมดม นาราภัทรพยายามขยับตัวหนี แต่คนที่แรงเยอะกว่า ก็ดันตัวเองเข้ามาชิดกับแผ่นหลังของเธอไว้ จนเธอรู้สึกได้ถึงหัวใจของเขาที่เต้นแรงไม่แพ้กัน สมองของเธอสั่งให้เอาตัวเองออกจากท่อนขาแข็งแรงของเขา แต่จิตใจและความรู้สึกของร่างกายกลับสั่งให้ตัวของเธอหยุดนิ่งไว้ตรงนี้
“พี่ดิน... ปล่อย... อ๊ะ” เธอจะหันไปบอกเขา เพื่อให้เขาหยุดการกระทำแสนหวาบหวิวนี้เสียที แต่เขาก็ปิดปากของเธอเอาไว้ด้วยปากหยัก ปิติภัทรรู้ว่านี่เป็นจูบครั้งที่สามของเขาที่มีกับเธอ และเป็นครั้งที่สามของเธอ ที่มีแต่เขาเท่านั้นที่ได้เป็นเจ้าของริมฝีปากสวยนี้ เขาบดขยี้มันช้าๆ เพื่อหวังว่าความนุ่มนวลและชวนฝัน จะทำให้เธอคล้อยตามและปลดปล่อยความรู้สึกของชายหญิงที่มีต่อกันและกันได้
“อ้าปากให้พี่มากกว่านี้ได้ไหมครับ” เขาหยุดจุมพิศเธอชั่วขณะ และอุ้มเธอลุกออกจากตัก เขาเปลี่ยนตำแหน่งโดยให้นาราภัทรนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน ส่วนเขาชันเข่าสูงจากพื้น จนเธอและเขามีความสูงที่เท่ากัน ปิติภัทรค่อยๆ เอื้อมมือแทรกเข้าไปในผมลอนยาวที่ถูกดัดอย่างธรรมชาติ ก่อนจะดันท้ายทอยของเธอ เข้ามาหาปากของของเขาทีละนิด นาราภัทรตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว เพราะเธอตื่นเต้นมากกว่าครั้งไหนๆ เธอพยายามจะหักห้ามใจ ไม่ให้หลงใหลไปกับอารมณ์หนุ่มสาวที่ไม่ได้เกิดจากความรัก แต่เมื่อสัมผัสนุ่มนวลจากลิ้นสาก นำทางลิ้นเรียวที่ไม่รู้จักทิศทางของเธอได้ออกผจญภัย ความอยากรู้อยากเห็น และอยากลองก็ถาโถมเข้ามาจนเธอยั้งใจไว้ไม่อยู่ ปิติภัทรแอบลืมตามองคนตรงหน้า ที่หลับตาพริ้มเพราะเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบของเขาอย่างพอใจ เขาวางมือลงบนหัวเข่าของหญิงสาว ก่อนจะค่อยๆ พามันเข้าไปใต้กระโปรงพลีทที่ถลกขึ้นมาถึงขาอ่อนอย่างเบามือ เพราะกลัวว่าจะทำให้เธอตกใจ และตื่นจากภวังค์รักที่เขาปรารถนา
“อื้ม…” ปิติภัทรครวญครางเสียงลอดฟันออกมา เมื่อปลายนิ้วของเขาเลื่อนผ่านกางเกงชั้นในที่เปียกชื้น
“พี่ดิน” นาราภัทรลืมตาเบิกโพรง และจับแขนของเขาเอาไว้
“พี่ห้ามใจไม่ได้” เสียงแหบพร่าของอาจารย์หนุ่ม ทำเอานาราภัทรใจละลาย เธอโอนอ่อนไปตามรสจูบที่จู่โจมเข้ามาอีกครั้ง และครั้งนี้มันไม่ได้นุ่มนวล แต่หากดูดดื่มและเร่าร้อนจนเธอแทบจะหายใจไม่ทัน
“อาห์” เธอเม้มปากเพื่อเก็บเสียงแห่งความหวาบหวิว เมื่อเขาขบกัดและเม้มเลียซอกคอของเธอ จนยาวลงมาถึงเนินอกที่ปราศจากสิ่งปกปิด นาราภัทรไม่รู้ว่าเขาปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาออกตั้งแต่ตอนไหนด้วยซ้ำ ปิติภัทรช้อนร่างบางให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจะพาเธอไปยังผนังห้อง เขายกสองแขนของเธอขึ้น และใช้ลิ้นชื้นเลียเนินอกขาวเนียนอย่างหื่นกระหาย ก่อนจะใช้เพียงมือเดียวรวบข้อมือของเธอไว้ด้วยกัน และมืออีกข้างก็อ้อมไปด้านหลังเพื่อปลดตะขอเสื้อชั้นในสีเนื้อที่กลืนไปกับผิวกายเนียนละเอียด
“สวยจัง” เขาปลายตามองนักศึกษาสาวที่ยืนแทบไม่ไหว และหน้าแดงด้วยความเขินอาย และเมื่อก้อนเนื้อนิ่มอวบอิ่ม ปรากฏต่อสายตาของอาจารย์หนุ่มที่ไฟในร่างกายกำลังลุกโชน เขาไม่รอช้าที่จะลิ้มลองรสของมัน ว่าจะหอมหวานนุ่มลิ้นเพียงใด
“ขอชิมหน่อยนะครับ” เขากระตุกยิ้มมุมปากและมองหญิงสาวด้วยสายตากรุ้มกริ่ม ก่อนจะแลบลิ้นชื้นออกมาเลียยอดอกที่ชูชันรอการสัมผัสจากเขา
“อ๊ะ” นาราภัทรตัวงอด้วยความเสียวซ่าน ลิ้นของเขาที่พาดผ่านเพียงเสี้ยววินาที ทำให้เธอรู้สึกตัวลอยจนแทบจะติดกับเพดานห้อง
“พี่ดิน... หยุดได้ไหม” เธอร้องห้าม เมื่อเขากำลังจะทำแบบเดียวกันกับยอดอกอีกข้าง
“หืม? อยากให้พี่หยุดจริงๆ เหรอครับ” เขาหยุดตามคำสั่ง และจ้องมองดวงตาคู่สวยที่หลบสายตาเขาอย่างเขินอาย
“อืม…” เมื่อไม่ได้รับคำยืนยันจากเธอ เขาก็ปาดลิ้นผ่านยอดปทุมถันอีกข้างทันที
“อ๊ะ... พี่ดินหยุดค่ะ” เธอเกร็งปลายเท้าสุดแรง เพราะลิ้นชื้นที่ตวัดไปมา บนที ล่างที ที่ปลายยอดอกของเธอ ทำให้เธอยืนแทบไม่ไหว
“หยุดตอนนี้ อีกข้างก็น้อยใจสิครับ” เขาไม่สนใจคำขอร้องของเธอ และลงลิ้นชิมรสหวานจากปลายยอดที่แข็งเป็นไตอีกข้าง
“อาห์... พี่ดิน... โทรศัพท์... อาห์” นาราภัทรบอกด้วยเสียงขาดห้วง เธอได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเธอ ดังออกมาจากในลิ้นชักที่เขาเก็บมันไว้
“ช่างหัวมันสิ เดี๋ยวค่อยรับ” ปิติภัทรไม่อยากหยุดช่วงเวลาที่แสนมีค่าตอนนี้
“หยุดนะคะ... มะนาวขอร้อง” นาราภัทรรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี บอกเขาด้วยเสียงที่ดังที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ ปิติภัทรรู้สึกได้ถึงคำขอร้องครั้งนี้ เขาจึงหยุดการกระทำทั้งหมดทันที
“รับโทรศัพท์ไป พี่จะใส่เสื้อผ้าให้” เขาหันกลับไปหยิบโทรศัพท์ โดยที่ไม่ลืมดูรายชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ ก่อนจะยื่นมันให้เธอ
“พี่อิฐ...” นาราภัทรลังเลว่าจะรับสายเขาตอนนี้ดีไหม
“รับสิ น้องชายพี่คงคิดถึงหนูล่ะมั้ง” เขาพูดจาประชดประชัน เพื่อปกปิดความน้อยใจที่มี เมื่อคืนตอนที่เขาออกไปตามนาราภัทรและปิตินันท์ผู้เป็นน้องชายที่สวนหลังบ้าน เขาได้เห็นทั้งสองพูดคุยกันอย่างถูกคอ แถมยังแลกเบอร์โทรศัพท์ และมันทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าปิตินันท์ คงจะถูกอกถูกใจนาราภัทรไม่น้อย เพราะหากน้องชายเขาไม่สนใจเธอ ก็คงจะปฏิเสธผู้ใหญ่ไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว
“คัพซีจริงๆ ด้วย” เขาหยิบเสื้อชั้นในของนาราภัทรที่กองอยู่ที่พื้น ก่อนจะอ่านขนาดหน้าอกของเธอที่ฉลาก
“พี่ดิน!” นาราภัทรเขินอายจนถามจะแทรกแผ่นดินหนี
“ยืนเฉยๆ แล้วรับโทรศัพท์” เขาส่งสายออกคำสั่งให้เธอ ก่อนจะใส่เสื้อชั้นในให้เธออย่างเชี่ยวชาญ
“นาวใส่เสื้อเองก็ได้ค่ะ” เธอแย่งเสื้อนักศึกษาออกจากมือของเขา และรีบติดกระดุมอย่างรวดเร็ว ปิติภัทรมองร่างบางที่สัดส่วนได้รูป สวยถูกใจเขาไปหมดอย่างเสียดาย เพราะตอนนี้มันถูกปกปิดไว้ด้วยเสื้อผ้าจนหมดเสียแล้ว
“เมื่อไหร่จะรับโทรศัพท์” เขายืนกอดอกมองไปที่โทรศัพท์ที่ดังเป็นครั้งที่สาม
“ถ้าไม่รับ ก็ไม่ต้องออกจากห้องนี้ แล้วก็ติดอยู่ในนี้กับพี่ทั้งวัน หรือจะให้พี่โทรตามแม่บ้านมาเปิดประตูให้” เขายื่นข้อเสนอให้เธอ
“รับค่ะ” นาราภัทรรู้ว่าถ้าอยู่ในห้องนี้กับเขาต่อ เธอต้องเสียตัวมากกว่านี้แน่
“สวัสดีค่ะพี่อิฐ” เธอรับสายของปิตินันท์ และเดินไปที่มุมห้อง พร้อมกับกดเบาเสียงโทรศัพท์ให้เบาที่สุด เพราะกลัวว่าปิติภัทรจะได้ยิน
.
“ว่างค่ะ” นาราภัทรเดินวนไปรอบๆ ห้องสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก เพราะปิติภัทรเดินตามเธอเพื่อจะแอบฟังไม่หยุด
.
“ค่ะ เดี๋ยวมะนาวโทรบอกอีกทีนะคะ”
.
“ยินดีค่ะ สวัสดีค่ะ” เมื่อคุยกับปิตินันท์ เธอก็รีบวางสายทันที
“พี่ดินจะโทรบอกแม่บ้านได้หรือยังคะ” เธอก้มหน้าก้มตาเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋า เพราะไม่อยากสู้สายตาของเขา
“คุยอะไรกับอิฐ” เขาเท้ามือทั้งสองข้างไว้กับโต๊ะทำงาน
“บะ บะ... บอกไม่ได้ค่ะ” เธอปฏิเสธที่ให้ข้อมูลกับเขา และถอยห่างเขาเรื่อยๆ เมื่อเขาเดินตรงมายังเธอ
“เฮ้อ...” นาราภัทรถอนหายใจออกมาอย่างสบายใจ เมื่อเขาเดินผ่านเธอไป และกดเบอร์โทรศัพท์ตามเบอร์ของแม่บ้าน ที่เขาเขียนโน๊ตติดไว้บนผนัง ปิติภัทรจัดการเรื่องกุญแจห้องเรียบร้อย และเดินตรงมายังนักศึกษาที่เขาหลงใหลอีกครั้ง
“เอาผมปิดไว้ มันมีรอยแดงจางๆ อยู่ แต่อีกสักพักก็คงหาย” เขาเอื้อมมือไปปัดผมของเธอที่อยู่ด้านหลัง ให้มันทิ้งตัวผ่านต้นคอของเธอ
“ขอบคุณค่ะ” เมื่อเขาพูดถึงหลักฐานของความหวานชื่นรัญจวนใจ เธอก็หน้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง
“จะไปไหนกับอิฐ ก็ดูแลตัวเองดีๆ ด้วย อย่าใจอ่อนกับมัน เพราะหนูทำได้แต่กับพี่เท่านั้น เข้าใจไหม” เขาส่งสายดุให้เธออยากแสดงความเป็นเจ้าของ
“เดี๋ยวพอแม่บ้านมาเปิดประตู พี่จะออกไปก่อน แล้วพอพี่โทรมาหาหนู หนูค่อยเดินออกไป โอเคไหม” เขาเปลี่ยนสายตาดุดันเป็นอ่อนโยนมากขึ้น และลูบผมของเธอเบาๆ ก่อนจะดันตัวของเธอให้อยู่หลังประตู พร้อมๆ กับที่แม่บ้านดันประตูเปิดเข้ามา
“อาจารย์! ป้าขอโทษด้วยค่ะ คิดว่าไม่มีคนอยู่ในห้อง”
“ไม่เป็นไรครับ ผิดที่ผมเองครับ ขอโทษที่ทำให้เสียเวลานะครับ” เขาเดินออกจากห้องไป โดยไม่ลืมสบตากับร่างบางที่ยืนแอบอยู่ด้วย