สวนหลังบ้านเป็นไปอย่างเงียบเชียบ ทั้งสองคนไม่พูดอะไรกัน ต่างใช้เวลาอยู่กับความคิดของตัวเอง
“มะนาว” และปิตินันท์ก็เป็นฝ่ายพูดก่อน
“คะ?”
“พี่... ขอเบอร์...”
“เบอร์มะนาวเหรอ?” เธอถามด้วยตกใจ
“เปล่า... เบอร์เพื่อนมะนาว เอ่อ... คนที่ชื่อโบตั๋นน่ะ” ปิตินันท์พูดจบก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ชอบเพื่อนมะนาวเหรอคะ”
“ก็... ยังไม่ค่อยแน่ใจ”
“เพิ่งเจอกันครั้งเดียวไม่ใช่เหรอคะ แถมยังทะเลาะกันด้วย” นาราภัทรยังคงสงสัยไม่เลิก
“เมื่อกี๊ก็เจอ ที่มีมาช้าก็เพราะว่าเพื่อนมะนาวอุ้มมาโดนรถชนเข้ามาให้โรงพยาบาลพี่น่ะสิ”
“หะ?”
“แล้วก็เถียงกันอีกนั่นแหละ ยิ่งเถียงยิ่งหงุดหงิด แต่ไม่รู้ทำไมอยากเถียง” เขาสารภาพความรู้สึกของตัวเองตรงๆ
“แหม... รักแรกพบ” นาราภัทรยิ้มกว้าง
“เกลียดแรกพบมากกว่ามั้ง ฮ่าๆ” เขาหัวเราะมีความสุข และล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงยื่นให้เธอ
“ถ้าโบตั๋นรู้ว่าเอาเบอร์มาจากมะนาว มะนาวโดนบ่นแน่” นาราภัทรกลัวว่าเพื่อนจะดุ แต่นิ้วก็กดเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนอย่างรวดเร็ว
“นี่ค่ะ” เธอส่งมันคืนให้เขา
“เดี๋ยวพี่จะบอกว่า พี่เอามาจากใบข้อมูลที่โรงพยาบาลดีกว่า มะนาวจะได้ไม่ต้องเดือดร้อน” ปิตินันท์กดบันทึกเบอร์เสร็จ แล้วก็หุบยิ้มไม่ได้อีกต่อไป
“อ้าว! แล้วทำไมเมื่อกี๊ไม่เอามาจากโรงพยาบาลเลยล่ะคะ?”
“คนเยอะน่ะสิ ยืนกดตอนนั้นคนอื่นก็สงสัยแย่ แล้วพี่ก็ขี้เกียจกลับไปโรงพยาบาลแล้วด้วย”
“อ๋อ เข้าใจแล้วค่ะ แล้วน้องหมาเป็นไงบ้างคะ”
“ก็ต้องพักฟื้นสักพักแหละ แต่รวมๆ ก็ปลอดภัยดี”
“แบบนี้โบตั๋นต้องไปโรงพยาบาลทุกวันแน่ ยัยนั่นน่ะรักสัตว์มาก”
“อะแฮ่ม!”
“อ้าว! พี่ดิน มาเงียบๆ ไม่ให้ซุ่มให้เสียง” ปิตินันท์หันไปคุยกับพี่ชาย
“ขัดจังหวะเหรอ จะได้กลับไปก่อน” เขาถามน้องชายนิ่งๆ
“ขัดจังหวะอะไรล่ะพี่ ไม่ได้ทำอะไรกันสักหน่อย เนอะมะนาว” เขาหันไปยักคิ้วให้เธออย่างอารมณ์ดี
“ค่ะ...”
“พ่อมะนาวให้มาตามน่ะ เห็นหายกันมานาน”
“ได้ค่ะ”
“งั้นเราเข้าไปข้างในกันเลยเนอะ” ปิตินันท์หันหลังกลับและเดินไปคนแรก
“ลืมเลย!” เขากลับมาหานาราภัทร ก่อนจะกระซิบกระซาบบางอย่างกับเธอ ซึ่งปิติภัทรพยายามจะแอบฟัง แต่ก็ไม่ได้ยินอะไรแม้แต่น้อย เขาเห็นแค่รอยยิ้มของทั้งคู่ที่ดูมีความสุขซะเหลือเกิน
“ตามนี้นะครับ” ปิตินันท์ยิ้มกว้างให้เธอ และทั้งคู่ก็เดินเข้าบ้านไปพร้อมกัน โดยที่ไม่สนใจปิติภัทรเลยแม้แต่น้อย
เมื่อทุกคนกลับมาในบ้าน ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็มีท่าทีพอใจ ที่เห็นนาราภัทรและปิตินันท์ ดูเหมือนจะเข้าใจกันด้วยดี เว้นก็แต่ปิติภัทร ลูกชายคนโตของนภา ที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“ดิน... เป็นอะไรหรือเปล่าลูก ทำไมหน้าตาเคร่งเครียดขนาดนั้น” ป้าทิพาถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเดินออกมาส่งทั้งสามขึ้นรถ
“อ๋อ ผมกำลังคิดเรื่องงานอยู่ครับ”
“สงสัยงานที่มหาลัยจะหนัก พักบ้างนะลูก”
“ครับ ขอบคุณครับ ผมลานะครับ” เขายกมือไหว้ทิพาและปราโมชย์ ก่อนจะสตาร์ทรถ เพื่อกลับบ้านตามปิตินันท์และแม่ ที่ขับรถออกไปก่อนหน้านี้แล้ว
“มะนาวไปส่งพี่ดินสิ แล้วล็อครั้วหน้าบ้านเลยนะ พ่อกับแม่จะเข้าบ้านแล้ว” ปราโมชย์หันไปสั่งลูกสาว
“ค่ะ” นาราภัทรรับคำสั่งแต่โดยดี ก่อนจะเดินไปที่ประตูรั้ว โดยที่ปิติภัทรขับรถตามไปช้าๆ
“ขึ้นรถมากับพี่หน่อย เรามีเรื่องต้องคุยกัน” เขาลดกระจกลง
“ไม่ดีมั้งคะ มันดึกแล้ว” นาราภัทรเห็นว่านี่ก็เกือบจะสามทุ่มแล้ว แถมนี่ยังอยู่หน้าบ้านของเธออีก จะให้เธอนั่งรถไปกับเขา โดยที่ไม่มีเหตุผลอะไรเลย ก็คงจะดูแปลกไปหน่อย
“หนูตกลงจะแต่งงานกับอิฐจริงๆ เหรอ”
“ถ้ามันเป็นคำสั่งของพ่อ นาวก็ต้องทำค่ะ”
“แปลว่าหนูไม่อยากแต่ง?”
“มันเรื่องอะไรของพี่ดินคะ กลับบ้านเถอะค่ะ นาวจะเข้าบ้านแล้ว”
“การแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะมะนาว หนูจะแต่งงานกับคนหนูไม่ได้รักไม่ได้”
“เข้าใจค่ะ แต่พี่อิฐก็ดูโอเคนี่คะ?” นาราภัทรตั้งใจกวนประสาทเขา คนที่ได้ฟังโกรธขึ้นมาทันที หลังจากที่พยายามใจเย็นกับเรื่องนี้อยู่นาน เขาลงจากรถอย่างรวดเร็ว และตรงเข้ามาจับข้อมือเล็กของหญิงสาวเอาไว้แน่น
“มะนาวก็ดูไม่ใช่คนโง่นะ ทำไมต้องเลือกทำร้ายตัวเองแบบนี้ ถ้าไม่อยากแต่ง ก็บอกพ่อกับแม่ไปสิว่าไม่อยากแต่ง”
“พี่ดิน มะนาวเจ็บนะ”
“ยังเรียนไม่จบเลยด้วยซ้ำ คิดที่จะมีสามีแล้วเหรอ หะ!” ปิติภัทรไม่สนใจความเจ็บปวดของเธอเลยแม้แต่น้อย ยิ่งเธอดิ้น เขาก็ยิ่งล็อคข้อมือของเธอไว้แน่นกว่าเดิม
“แล้วทำไมนาวจะคิดไม่ได้ นาวไม่ใช่เด็กแล้วนะ” เธอพยายามใช้มือที่ว่างเปล่าแกะมือใหญ่ของเขาออก
“ตรงไหนล่ะที่ไม่ใช่เด็ก ความคิด? ความรับผิดชอบ? หน้าอก? หรือที่หว่างขา?” เขาเลื่อนสายตามองต่ำลงไปเรื่อยๆ และพ่นคำหยาบคายออกมาจากปากเพราะความโกรธ
“ทุเรศ!”
“แล้วไง? ก็ไอ้ทุเรศคนนี้ไม่ใช่เหรอ ที่จูบปากนุ่มๆ จนเป็นลมล้มพับไปเมื่อวาน” เขาเลื่อนหน้าคมเข้ามาใกล้ใบหน้านวล จนลมหายใจของทั้งคู่แทบจะเป็นจังหวะเดียวกัน
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ!”
“ไม่หยุด จะทำไม? แล้วถ้าอยากมีผัวจนตัวสั่น พี่จะเป็นให้ ตอนนี้เลยดีไหมล่ะ ไม่ต้องรอเรียนจบให้เสียเวลาหรอก”
“มะนาวจะมีผัวเป็นใครก็ได้ แต่ไม่ใช่พี่”
“เก็บแรงไว้สนุกกันบนเตียงดีกว่านะ” เขาล็อคมือของเธอที่เตรียมง้างขึ้นมาจะฟาดลงบนหน้าเขา
“ตั้งแต่มะนาวเกิดมา มะนาวไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนปากดี แล้วก็นิสัยเสียเท่าพี่มาก่อน”
“ปากดีแบบนี้เหรอ หะ?”
“อ่อยอะอาว ปล่อย อุด... นะ” นาราภัทรพูดเสียงอู้อี้ เมื่อปากหยักของเขาทาบทับลงมาที่ปากของเธอโดยที่ไม่ทันตั้งตัว เขาฉวยโอกาสกับเธอเพราะความโกรธ ที่หญิงสาวตรงหน้าทำท่ารังเกียจเขา เหมือนเขาเป็นสิ่งสกปรกน่าขยะแขยง
“ใครมันโทรมาขัดจังหวะวะ!” ปิติภัทรจำใจปล่อยตัวนาราภัทรอย่างเสียดาย
“ครับแม่” เขารับโทรศัพท์ แต่มืออีกข้างก็รั้งร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขน
“ครับ สวัสดีครับ” เขารีบยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋า แล้วจับไหล่มนกระแทกกับรถ เพราะคนเจ้าปัญหานั้นดิ้นแรงเหลือเกิน
ฟอด!
เขาหอมแก้มซ้ายของเธอ
ฟอด!
และในทันทีก็หอมแก้มขวาของเธอต่อ
“สกปรก! หนวดมันทิ่มจนเจ็บไปหมดแล้วนะ!”
“จะกลับไปโกนวันนี้แหละ แล้วพรุ่งนี้จะเอามาถูกับแก้มหอมๆ ใหม่” เขาปล่อยเธอให้เป็นอิสระ ก่อนจะขึ้นรถและขับออกไปทันที
“เกลียด เกลียดเว้ย!” นาราภัทรเอาคืนเขาไม่ได้ เธอทำได้แค่ด่าเขาตามหลังเท่านั้น เธอใช้สองมือถูแก้ม และเช็ดคราบน้ำลายของเขา ที่เลอะรอบปากเธอออกอย่างรังเกียจ และตลอดทั้งคืน เธอก็นอนแทบไม่หลับ เพราะคำพูดและการกระทำของเขา ทำให้เธอทั้งใจเต้นและอยากจะฆ่าเขาไปพร้อมๆ กัน