กลีบปากอวบอิ่มเผยอยิ้มให้กับสื่อมวลชนหลังถูกรุมล้อมถ่ายรูป แสงแฟลชสาดส่องมาทำเอาตาเริ่มพร่ามัวไปหมด แม้จะเวียนหัวจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้เธอก็ยังคงยิ้มอยู่แบบนั้น คิดจะเป็นเมีย ‘นาย’ ห้ามป่วย ห้ามตาย และที่สำคัญห้ามแสดงความอ่อนแอออกมาเด็ดขาด
แต่เธอถูกชวนออกงานในฐานะ ‘คู่ควง’ ไม่ใช่ ‘เมียแต่ง’
เธอถูกเขาลากมาที่งานเปิดตัวตึกใหม่ มิหนำซ้ำเขายังกล้าปล่อยให้เธอถูสื่อมวลชนรุมยิงคำถามและสาดแสงแสบตาใส่ไม่หยุด โดยที่เขาถูกลูกน้องคุ้มกันตัวออกไปในงานแล้ว แต่เขาไม่คิดจะหันมาช่วยเธอเลยสักนิด
พาออกงานครั้งแรกหาใช่พิศวาทแต่เขากำลังพาเธอมาเชือดทางอ้อมต่างหาก ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผัวต้องเกลียดเธอฝังใจนัก แต่ย้อนคิดดูให้ดีเลือกไม่แปลกใจก็ได้ เหมาะแล้วที่โดนเกลียด ตัดสินใจเบียดตัวออกมาจากวงนักข่าวเพราะถ้าขืนยืนต่อไปเธอได้อ้วกออกมาหน้ากล้องหลายสิบตัวอย่างไม่ต้องสงสัย นั่งแหมะลงที่เก้าอี้ไม้ตัวหนึ่งแน่นอนว่าอยู่นอกงาน การที่ต้องเข้าไปในงานเองนั่นไม่ประสบความสำเร็จแน่นอน เธอรู้ดีว่าทั้งหมดเกิดจากคำสั่งคนคนเดียว
นั่งทุบน่องขาตัวไปมองท้องฟ้าสีครามในตอนค่ำคืนไป มันน่าเจ็บใจนัก พาออกงานสังคมครั้งแรกเกือบยิ้มผยองได้ใจว่าเขาอาจอยากมีเธอในชีวิต แต่หารู้ไม่ว่าเขาพาเธอมาทิ้งไว้หน้างานให้นักข่าวรุมสาดคำถามใส่ แต่ตัวเองให้ลูกน้องกันเข้าไปในงานได้อย่างราบรื่น ทิ้งไว้แค่เธอที่ไม่รู้จะบอกคนอื่นยังไงว่าเป็นอะไรกับเขา ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอจะคลี่ยิ้มกว้างแล้วตอบไปเลยว่าเป็น ‘ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย’ การได้ออกงานกับเขามันเป็นสิ่งที่เธอเฝ้ารอและใฝ่ฝันมาตลอดเพราะเป้าหมายคือการป่าวประกาศให้โลกรู้ว่าเธอเป็นเมียของเฮยหลง ผู้ชายที่ผู้หญิงครึ่งค่อนโลกหมายปองเขา อยากถูกเชิญมาเชิดหน้าชูตายิ้มเต็มปากแล้วบอกทุกคนว่าเธอเป็นเมีย ยิ้มให้กล้องเต็มปาก แต่พอวันนั้นมาถึงสิ่งที่ทำคืออ้ำอึ้งไม่รู้จะพูดคำไหนออกไปได้บ้าง
เธอกำลังสับสน...อย่างหนัก
“คุณเพียงแสนใช่ไหมคะ”
วินาทีนั้นเธอช้อนตาขึ้นมองไล่ตั้งแต่รองเท้าคู่ล่ะล้านไม่เกินจริง ชุดเดรสสั่งตัดคงมีตัวเดียวบนโลก ทั้งสร้อยข้อมือประเมินราคาไม่ได้ สร้อยคอยบ่งบอกถึงฐานะว่าจนหรือรวยแค่ไหน และแน่นอนว่าผู้หญิงตรงหน้าเธอคือรวยระเบิดระเบ้อ ยิ่งเห็นใบหน้าสวยแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเกรดดี ทุกอย่างบนตัวหญิงสาวผู้นี้เรียกได้ว่าเพอร์เฟ็กทุกสัดส่วน และคนตรงหน้าเธอก็คือ
“คุณหมวยลี่”
ใช่! คนที่เธออุตริไปยกน้ำแกงราดหัวคนนั้นนั่นแหละ ดีแค่ไหนที่เขาไม่เอาเรื่อง หรือเอาแต่เฮยหลงรับหน้าแทนไปแล้ว ประวัติผู้หญิงคนนี้ไม่มีอะไรมากเลย ก็แค่ลูกสาวเจ้าพ่อเป็นคนที่ควรแต่งงานกับเฮยหลง และสองครอบครัวช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตลอด เรียกได้ว่าเหมาะสมทุกอย่าง
ปัจจุบันหมวยลี่ยังคงฉีกยิ้มแห่งมิตรภาพมาให้ มิตรไหน มิตรแท้หรือมิจฉาชีพหลอกชิงผัวเธอกัน?
“เข้างานไม่ได้เหรอคะ งั้นไปพร้อมหมวยลี่ไหม” ใบหน้าสวยยังคงแต้มยิ้มให้คนตรงหน้า เธอไม่โกรธเพียงแสนเพราะถ้ามีคนมายุ่งกับผู้ชายของเธอ เธอก็คงโมโหจนขาดสติ แต่วันนั้นพี่เพียงแสนใจร้อนไปหน่อย เธอแค่ไปนั่งตกลงเรื่องธุรกิจกับเฮียเฮยหลงแค่เท่านั้นจริง ๆ
“ไม่รบกวนจะดีกว่าค่ะ” เธอไม่ชอบหน้า ไอ้หน้าซื่อ ๆ ใส ๆ แววตาเป็นประกายนี่แหละ อย่ามาอยู่ใกล้คนหยาบคายอย่างเธอเลยจะดีกว่า เดี๋ยวติดเชื้อบ้าจะยุ่ง
ผัวบอกห้ามมีเรื่อง โดยเฉพาะกับคนตรงหน้า ไม่งั้นเห็นดีกันแน่ เห็นดีแบบไหนหรือจะจับเธอไปปล่อยป่าอีก ถ้ากล้าทำเธอก็กล้าด่า เมื่อก่อนเทิดทูนตอนนี้เริ่มมั่นใจแล้วว่าหมั่นไส้ผัวอยู่เหมือนกัน คันปากยุบยิบอยากด่าคืน น่าจะเรียนมวยไทยอยากสอยปากผัว!
“หมวยลี่ต้องดูแลภรรยาของพี่ชายสิคะ เข้าด้านหลังงานก็ได้นะคะ” ว่าไปแววตายังคงยิ้มเหมือนริมฝีปาก
เพียงแสนจ้องตลอดนี่เป็นครั้งแรกที่เธอสนใจคนรอบตัว เพราะปกติจะเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง อยากกราบของคุณประโยคเฉือนใจของมือขวาผัว พูดขนาดนั้นคิดไม่ได้อีแสนคงได้ไปนอนตายกับหมาข้างถนนแน่ ถามว่าตัดขาดเลยไหม บ้าเหรอ เธอรักเขาแบบถวายชีวิตให้เวลาอีแสนหน่อย ยังคิดไม่ออกเลยว่าถ้าหลุดพ้นจากเขามีกี่แก๊งที่อยากเด็ดหัวเธอไปเอาค่าหัวในตลาดมืด ขอคิดนาน ๆ หน่อยว่าเลือกทางไหนชีวิตจะสงบสุขและปลอดภัย ตอนนี้เลยต้องอยู่ข้างกายเขาไปก่อน ไปแน่แต่รอก่อน!
“ขอบคุณนะคะ” หยัดตัวขึ้นยืนผงกศีรษะให้คุณหนูหมวยลี่เดินนำไปก่อนพร้อมบอดี้การ์ดของเธอ
“พี่เพียงแสนมาทางนี้เลยค่ะ” หมวยลี่เดินมากอดแขนเพียงแสนก่อนจะกึ่งลากกึ่งเดินนำไปยังทางเข้างานในวันนี้
เพียงแสนก็พยายามดันตัวออกห่างแต่ไม่เป็นผล แขนเล็ก ๆ รัดเหนี่ยวเธอไว้แน่นแถมยังเดินนำออกแรงลากเธอไปเคียงข้างยังกับสนิทกันมาเป็นสิบปี เธอก็ได้แต่กลอกตามองบนยอมให้สาวเจ้าลากเข้างานไปในที่สุด
เฮยหลงยืนคุยกับเจ้าของงานเรื่องธุรกิจแต่สายตาของเสี่ยบุญมีตวัดไปมองทางด้านหลังเขาแล้วชะงัก จากนั้นก็ขอตัวจากเขาไปทักทายแขกที่มาร่วมงานคนอื่น เฮยหลงหันไปมองหัวคิ้วเริ่มขมวดเข้าหากันหลังจากเห็นผู้หญิงสองคนที่ไม่น่าสนิทกันได้เดินกอดแขนกันเข้ามาในงาน เขาหันไปมองพยักหน้าให้จาร์กัวเพียงนิดก่อนจะเดินไปทักทายคู่ค้าที่อยากร่วมธุรกิจด้วยคนอื่น ๆ
เพียงแสนมองคนถูกดึงตัวไปทักทายเธอจึงใช้จังหวะชุลมุนแยกออกมาจากคุณหนูหมวยลี่อะไรนั่น ที่เธอมาที่นี่ในวันนี้ก็เพราะว่ามีเป้าหมาย มีคนใช้นกเลี้ยงมาส่งกระดาษบางอย่างให้เธอ หลังจากที่ถูกจับตัวไปในครั้งนั้นเธอก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องบนคฤหาสน์หลังใหญ่ ไม่ออกไปไหนเพราะรู้สึกว่าตัวเองมีดวงเลือกตกยางออกอยู่เสมอหลังจากก้าวขาออกจากบ้าน
คนในความลับบอกให้เธอมาที่งานเลี้ยงเปิดตัวตึก และน่าแปลกมากร้อยวันพันปีเฮยหลงไม่เคยควงเธอออกมา แต่ดันควงเธอมางานนี้เหมือนกัน คนในความลับใช้สัญลักษณ์ของสังกัดเก่าเธอส่งข้อความมาบอกว่า ‘เธอกำลังเป็นอันตราย’ ทั้งที่เธอหักหลังสังกัดเดิม แต่ใครกันที่อยากเจอเธอ
ผลั่ก!
“โอ๊ย ขะ...ขอโทษนะคะ” เพราะมัวแต่เหม่อทำให้เธอเดินชนใครสักคน และแน่นอนว่าเธอเกือบล้มหน้าคะมำ แต่ใครคนนั้นช่วยพยุงเธอไว้ก่อน เหลือบตาขึ้นมองก็ต้องตกใจเพราะเป็นชายวัยกลางคน ตาซ้ายถูกผ้าสีดำคาดปิดไว้ซึ่งแน่นอนว่าเธอสังเกตเห็นรอยแผลเป็นโผล่พ้นออกมา
“ถ้าเดือดร้อนให้ไปที่นี่ โปรดไปด้วย” เสี่ยบุญมีใช้จังหวะพยุงคนตรงหน้าไว้ก้มลงไปกระซิบเบา ๆ พร้อมกับยัดบางอย่างใส่มือของเพียงแสน ก่อนที่เขาจะผละตัวออกแล้วปรับสีหน้าให้เป็นปกติ “ขอโทษนะครับ ผมไม่ทันระวังเอง”
เพียงแสนค่อย ๆ ช้อนตาขึ้นไปสบนัยน์ตาสีดำขลับอย่างไม่เข้าใจ คลี่กระดาษออกมันเป็นตราสัญลักษณ์ที่เธอเคยเห็นมาก่อน ใช่สิ! รอยสักบนตัวผู้ชายคนนั้นนั่นเอง