วันนี้เป็นวันที่เอวารินทร์นั่งฟังอาจารย์ผู้สอนแต่กลับไม่เข้าหูสักอย่าง ในหัวตอนนี้มีแต่ใบหน้าท่าทางของอัครวินท์ที่มันคอยหลอกหลอน แถมในหัวมีแต่ใบหน้าทะเล้นกะล่อนนั่นอีก หึ่ย! เธอสะบัดศีรษะไปมาเพื่อเรียกสติให้หันมาสนใจการเรียนการสอนตรงหน้าแทน แต่ยิ่งทำกลับยิ่งคิด แล้วยังจูบเมื่อเช้านั่นอีก นายนั่นต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆเลย เธอคิด!
"แกเป็นอะไรเอวา ทำไมวันนี้ใจลอยแปลกๆ"เกวรีเอ่ยทักเพื่อนรักขึ้นหลังจากที่เลิกเรียนเป็นที่เรียบร้อย
"เปล่า แค่รู้สึกว่าถ้าอยู่ๆชีวิตของฉันต้องไม่เป็นสุขอีกต่อไป ฉันจะทำยังไงดี"
"แล้วทำไมต้องไม่เป็นสุข?"
"ก็ เอ่อ...ว่าที่สามีในอนาคตของฉันน่ะสิ ฉันว่าเขาต้องแกล้งปั่นหัวฉันแน่ๆ"
"แกก็ปั่นหัวคืนไง อย่าไปยอม แกมันเลือดนักสู้อยู่แล้ว ปกติก็ไม่ยอมคนอยู่แล้ว เอาให้หนักเลยแก เชื่อฉัน"
"เล่นมาเล่นกลับไปเลยดีม้ะ"
"ใช่ จัดหนักๆไปเลยเพื่อน"
ผ่านไปไม่นานมากนัก เฟอร์รารี่สีแดงก็แล่นตรงเข้ามาจอดอยู่ข้างหน้าร่างบอบบางอย่างเอวารินทร์และเพื่อนที่กำลังอ้าปากค้างกับรถสปอร์ตเฟอร์รารี่ราคาแพงหูฉีก
"ฉันไปนะ"เอวารินทร์หันมาบอกเพื่อนรักที่ยังตะลึงอยู่ไม่หาย
"ดะ...เดี๋ยว...เขามารับแกหรอเอวา"
"อืม คำสั่งของแม่เขาอ่า"พูดจบเธอก็เปิดประตูรถแล้วขึ้นไปนั่งทันที
"หิว!"อัครวินท์เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ
"บอกฉันทำไม?"
"ก็ฉันไม่มีตังค์ แม่ยึด เพราะฉะนั้นเธอต้องรับผิดชอบ"
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน"เธอถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจว่าต้องรับผิดชอบทำไม มันไม่ใช่หน้าที่ที่เธอต้องมารับผิดชอบเลย
"ก็อีกหน่อยเธอก็ต้องมาเป็นเมียฉัน"
"ที่นายโดนยึดเงินก็เพราะทำตัวเอง ใช้เงินเปลืองเอง"
"..."นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นอะไรกันยังบ่นขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดสภาพถ้าเป็นเมียจริงๆยัยนี่คงบ่นเขาจนหูชาแน่ๆ เขาคิด
"จอดร้านข้างหน้าและกัน มารับแล้วเป็นภาระฉันทีหลังไม่ต้องมานะ"
"แล้วเธอจะบ่นทำไมเนี้ย แค่เลี้ยงข้าวเอง"
"..."ร่างบางไม่สนใจคำพูดของอัครวินท์ เปิดประตูลงไปนั่งร้านไก่ย่างส้มตำทันที ถึงเวลาเอาคืนแล้วเอวา เอวารินทร์กล่าวในใจ
"ร้านนี้เนี้ยนะ นั่งเข้าไปได้ไง"ร่างสูงมองไปรอบๆร้าน ที่มีโต๊ะนั่งอยู่ไม่กี่โต๊ะ ตั้งแต่เล็กจนโตมา ไม่เคยมานั่งร้านข้างทางแบบนี้เลย กินอาหารภัตตาคารหรู5ดาวตลอด ถ้าร้านข้าวข้างทางก็เคยบ้างบางครั้งแต่ก็ไม่เคยมานั่งกินที่ร้านแบบนี้
"ถ้าหิวก็อย่าบ่น นั่งลง มันกินได้ ไม่ตาย!"เอวารินทร์กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
"เธอแกล้งฉันป้ะเนี้ย?"
"ฉันจะแกล้งนายไปทำไม ฉันอยากกิน"
"หนูเอวา วันนี้รับอะไรดีลูก"คุณป้าเจ้าของร้านเอ่ยถามพร้อมกับเตรียมจดเมนูด้วยใบหน้ายิ้มแย้มต้อนรับเธออย่างดี
"ป้าดา วันนี้เอวาเอาน้ำตกหมู ตำไทยไข่เค็ม ไก่ย่าง ตับย่าง...อืม...ต้มแซ่บกระดูกอ่อนค่ะ...แล้วก็ข้าวเหนียว2ค่ะป้า"ป้าดาพยักหน้าพร้อมกับเดินไปทำตามเมนู
"สั่งเยอะขนาดนี้กินทั้งหมู่บ้านหรอ?"
"พูดมาก ไม่กินก็ไปรอที่รถ"เธอตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก จากนั้นก็ลุกไปหยิบแก้ว เปิดถังแล้วตักน้ำแข็งใส่แก้ว พร้อมกับหันไปหยิบหลอดมาเสียบไว้แล้วก็ไม่ลืมที่จะหยิบเป๊ปซี่ขวดใหญ่มาอีก1ขวด
ซ่าส์!
เสียงน้ำอัดลมเย็นๆเมื่อเปิดฝาออก แค่ได้กลิ่นก็สดชื่นแล้ว เอวารินทร์รินน้ำอัดลมสีดำลงแก้วแล้วส่งให้หนุ่มหล่อตรงหน้าที่เอาแต่จับจ้องทุกอิริยาบถของเธออย่างกับถูกสะกด ร่างบางเมื่อส่งแก้วให้เขาแล้วก็หันมาตั้งใจรินให้ตัวเองก่อนจะก้มลงดูดพร้อมกับทำหน้าสดชื่น
"อ๊าส์! สดชื่น!"
"ขนาดนั้น?"อัครวินท์เลิกคิ้วมองเธอพร้อมกับเอ่ยถาม
"ลอง!"ว่าแล้วเธอก็จับแก้วขึ้นไปจ่อที่ริมฝีปากหยักสีแดงระเรื่อของเขา อัครวินท์ก้มลงดูดตามที่เธอบอก
"อ๊าส์ สดชื่นจริงด้วย"เมื่อความซู่ซ่าแล่นลงไปบาดลำคอพร้อมกับรสชาติหวานแถมบวกกับความเย็นทำให้สดชื่นอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งอากาศร้อนๆแบบนี้ดูดรวดเดียวมันกระปี้กระเป่าอย่าบอกใคร
"เป็นไง?"เอวารินทร์ถาม
"ก็...ดี"
"อร่อยก็บอกอร่อยจะฟอร์มทำไม ชีวิตต้องซับซ้อนขนาดนั้นเลย"
"เธอนี่เป็นคุณหนูจอมปลอมป้ะเนี้ย"เขาถามอย่างไม่เข้าใจ ฐานะบ้านเธอก็รวยเกือบเทียบกับเขาแต่ทำตัวติดดิน ไม่ติดหรูเลยสักนิด ต่างจากแฟนของเขาไม่เคยไปนั่งกินอะไรข้างทาง จะกินก็ต้องจองร้านอาหาร ต้องวิวหลักล้าน หรือไม่ก็กินอาหารบนห้าง
"รวยจำเป็นต้องกินของแพงด้วยหรอ"
"ก็ปกติไหม?"
"มาแล้วจ่ะหนูเอวา"ป้าดาเดินมาพร้อมอาหารที่สั่งไปทั้งหมด ก่อนจะยกจานที่อยู่ในถาดจัดวางไว้บนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบ
"ขอบคุณค่ะป้าดา เอวาจะกินให้หมดเลยค่ะ"เธอส่งยิ้มกว้างให้ป้าดา
"กินเยอะๆนะลูก วันนี้ป้าทำรสชาติที่หนูชอบเลยนะ"ป้าดากล่าวบอกพร้อมกับส่งยิ้มให้สาวร่างบางหน้าหวานเฉี่ยวอย่างเอวาริทร์ ก่อนที่จะเดินไปรับออเดอร์โต๊ะอื่น
"น้ำลายไหลแล้ว"เธอกล่าวเมื่อกลิ่นมะนาว กลิ่นหอมจ้าวคั่ว เครื่องเทศปะทะเข้าจมูกทำเอาน้ำลายสอกันเลยทีเดียว
"..."
"นั่งมองทำไมไม่กินล่ะ ไหนว่าหิว"
"ก็...เธอกินน่ากลัวอ่า เหมือนปอปลงฉันเลยไม่กล้าแย่ง"พูดจบเขาก็ใช้ส้อมจิ้มไก่ย่างฉ่ำๆมากัด พร้อมกับใช้ส้อมจิ้มข้าวเหนียวที่กว่าจะแคะออกมาได้ก็ต้องใช้ความพยายาม
"ใช้มือ!"
"ไม่เอา เดี๋ยวมือเปื้อน"
"เปื้อนก็ล้าง มันยากตรงไหน ใช้มือจกข้าวเหนียว จิ้มๆฉีกไก่ เอาเข้าปาก แค่นี้!"เธอบรรยายแต่ก็ไม่วายสาธิตให้เขาดูเป็นตัวอย่าง
"อื้ม..."
"เป็นไง อร่อยล่ะสิ อร่อยก็กินเยอะๆ แล้วก็อย่าทำตัวให้เป็นภาระฉันอีก"
"นี่ แค่เลี้ยงข้าวมื้อเดียว มันเป็นบุญคุณอะไรขนาดนั้น"
"งั้นก็ไม่ต้องกิน!"ไม่พูดเปล่าแต่มือเอื้อมจะไปหยิบกระติ๊บข้าวเหนียวคืน แต่ก็ถูกมือหนานั้นยกขึ้นหนีซะก่อน
"อื้ม...ก็ได้"จากนั้นทั้งสองคนก็นั่งกินกันจนหมด ราวกับคนที่หิวโหยมาสามวัน อัครวินท์ถูกใจรสชาติอาหารที่ไม่เคยได้ลิ้มลอง ไม่เคยได้สัมผัส แต่เขาก็ชอบและประทับใจกับรสชาติอาหาร แถมยังได้เห็นมุมมองใหม่ๆที่เธอไม่คิดว่าคนอย่างเอวารินทร์จะมีให้เห็น เธอดูเป็นตัวเอง ไม่ประดิษฐ์ ดูเป็นธรรมชาติหน้ามอง ไม่รู้ว่าทำไมแต่การกระทำของเธอวันนี้มันทำให้เขารู้สึกว่าอยากรู้จักเธอมากกว่านี้
"เท่าไหร่คะป้าดา"
"350จ้า"
"นี่ค่ะป้า 350พอดีค่ะ"จากนั้นก็เดินนำร่างสูงไปที่รถ
"ทำไมถูกจัง ไม่มีติ๊บให้ป้าเขาเลยหรอ?"เขาเอ่ยถามเพราะปกติเขากินอาหารทีหลักหมื่นไม่เคยกินหลักร้อยสักครั้ง แถมนี่ตั้งหลายอย่างราคาแค่นี้เองหรือ
"มีเงินมากนักหรอ เขาขายของเขาก็บวกกำไรของเขาแล้ว อย่าให้ติ๊บคนอื่นจนเคยตัว เงินไม่ใช่กระดาษ ใช้ทุกบาทให้มีคุณค่า"
"แต่มันเป็นน้ำใจ"
"น้ำใจที่เอาไปให้คนอื่นใช้เป็นร้อยล้านแบบนายน่ะหรอ"
"ไม่ใช่เรื่องของเธอ"
"การใช้เงินของฉันก็ไม่ใช่เรื่องของนายเหมือนกัน"
"เมื่อไหร่จะเลิกเรียกนายสักที ฉันเป็นพี่เธอตั้ง5-6ปีนะ"
"ไม่น่าเคารพ ไม่อยากเรียก อ้อฉันจะเรียกต่อหน้าแม่นายเท่านั้น และไม่ต้องมาบังคับฉันเพราะฉันไม่ใช่ลูกน้องนาย เข้าใจ๊?"เธอกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถโดยไม่สนใจเขา
"เธอนี่มัน...หึ่ย"ถึงจะหงุดหงิดที่เธอไม่ฟังเขาเลย แต่ก็เดินอ้อมไปฝั่งคนขับแล้วขับออกไปทั้งอย่างนั่น
ภายในรถที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำจนร่างบางเริ่มรู้สึกหนาว จึงได้แต่กอดอกตัวเองแม้จะช่วยได้เพียงนิดแต่ก็ยังดีกว่าเดิม
พรึ่บ!
แต่อยู่อัครวินท์ก็โยนเสื้อสูทมาคลุมร่างเธอไว้ เธอจึงหันไปมองข้างกายที่เอาแต่จับจ้องถนนทำเป็นไม่สนใจเธอ
"อะไร?"
"ก็เห็นว่าหนาว ใช้ห่มไปก่อน"
"ขอบคุณนะ"
"หูฝาดหรือเปล่าเนี่ย เธอเนี้ยนะพูดขอบคุณ"เขากล่าวอย่างไม่ค่อยเชื่อหูตัวเอง ปกติเอาแต่รบกับเขาปากคมอย่างกับกรรไกร อยู่ๆมีมารยาทกับเขาด้วย
"นี่นาย! ฉันมีมารยาทพอ"พูดจบก็กระชับเสื้อขึ้นมาห่มไว้แล้วหันหน้าออกไปนอกหน้าต่างและแล้วความเงียบก็เข้ามาปกคลุม จนในเวลาต่อมาเธอก็ผล็อยหลับไป