หลายวันต่อมา
หลังจากที่ทำงานพาร์ทไทม์รับจ้างล้างจานในร้านอาหารตามสั่งแห่งหนึ่งเสร็จ ฉัน ‘ใจรัก’ ก็หอบเอาสังขารอันแสนอ่อนล้าอ่อนแรงกลับมาที่บ้าน จอดมอเตอร์ไซต์คู่ใจไว้ข้างบ้านเหมือนดั่งทุกวัน ก่อนที่จะเปิดประตูเข้ามาในบ้าน
ขณะที่กำลังก้าวเท้าเดินเข้าไปในบ้าน ฉันก็ต้องชะงักฝีเท้าเมื่อเห็นร่างบางของพี่สาวนั่งหน้าเครียดอยู่บนโซฟากลางบ้าน ภาพตรงหน้าราวกับเดจาวูเหมือนเมื่อไม่กี่วันก่อน ทำเอาฉันใจคอไม่ดี รู้สึกเหมือนมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้นยังไงแปลกพิกล
“พี่อ้อม”
“กลับมาแล้วเหรอรัก พี่กำลังรออยู่เลย”
“มีอะไรเหรอ?” ฉันเดินมานั่งลงบนโซฟาข้างพี่อ้อมกอดเหมือนทุกครั้งทุกครา ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เรื่องเงินที่พี่ยืมรักเอาไปให้ทศน่ะ คือว่าทศยังหามาคืนไม่ได้เลย”
พี่อ้อมกอดพูดออกมาด้วยสีหน้าลำบากใจและดูเคร่งเครียดไม่ใช่น้อย ฉันที่ได้ยินดังนั้นก็พูดอะไรไม่ออก รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาจุกแน่นอยู่ในลำคอ
“......”
“พี่พยายามหาเงินมาคืนรักแล้ว แต่พี่หามาได้แค่...สองหมื่น” พี่อ้อมกอดจับมือของฉันและบีบไว้แน่น ดวงตาคู่สวยสั่นไหวหลุกหลิกดูรู้สึกผิดให้ฉันมากจนปิดไม่มิด
“มันไม่พอพี่อ้อม...ค่าเทอมมันสี่หมื่น แล้วก็มีค่าอื่น ๆ ด้วย”
“พี่ขอโทษนะ พี่ผิดเองรัก”
ยิ่งพี่อ้อมกอดเอาแต่โทษตัวเองไม่หยุด ฉันก็ยิ่งรู้สึกแย่ตามไปด้วย และฉันก็ทำได้เพียงแค่ปลงตก ทำได้แค่ยอมรับความจริงและหาทางต่อไป แม้ฉันจะคิดอะไรไม่ออกเลยก็ตาม ราวกับสมองได้ถูกแช่แข็งในช่องฟรีซไปแล้ว
“ไม่เป็นไรค่ะ ยังเหลือเวลาอีกสามวัน รักจะหาทางเอง”
“รักจะหายังไง?”
“ทำงานเพิ่ม หรือไม่ก็หยิบยืมจากเพื่อน”
เพื่อนที่มีอยู่เพียงไม่กี่คนและแทบจะนับจำนวนได้ไม่เกินหนึ่งมือทั้งชีวิตนี้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะสามารถให้ความช่วยเหลือได้มากน้อยแค่ไหน อีกอย่างฉันก็รู้สึกเกรงใจมาก เพราะรู้ดีว่าต่างคนต่างมีภาระค่าใช้จ่ายเป็นของตัวเอง
“ไม่ต้องทำอย่างนั้นหรอกรัก พี่จะรับผิดชอบเอง พี่จะหาเงินมาคืนให้ได้ รักรอพี่ก่อนนะ” พี่อ้อมกอดกระชับเสียงหนักแน่น แต่ฉันก็ไม่วางใจอยู่ดี ให้ฉันอยู่นิ่งเฉยเพื่อรอคอยความหวังจากพี่สาวแค่ฝ่ายเดียวไม่ได้หรอก ฉันก็ต้องหาทางด้วยอีกแรง
หลังคุยกับพี่อ้อมกอดเสร็จ ฉันก็เดินขึ้นห้องของตัวเองมาด้วยใจที่ฟุ้งซ่านและงุ่นง่าน ทิ้งร่างอันแสนหนักอึ้งลงบนเตียง ก่อนที่จะยกแขนขึ้นมาก่ายหน้าผาก สาบานว่าฉันไม่เคยเครียดหรือคิดไม่ตกหนักแบบนี้มาก่อน รู้สึกหัวสมองมันตื้อและหูอื้อตาลายไปหมด ราวกับโลกใบนี้มันมืดมน อับจนหนทางไร้ซึ่งทางออก
ทำยังไงดีนะ ฉันคิดไม่ออกเลยว่าจะไปหาเงินมาจากไหน…
เฮ้ออออ~
คิดวกไปวนมาอยู่เกือบสองชั่วโมงเต็ม ๆ ฉันก็ถอนหายใจยาวเหยียดออกมาอีกครั้ง ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นรอบที่เท่าไหร่ ก่อนที่จะหยัดตัวลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดและสดชื่น
พออาบน้ำเสร็จฉันก็กลับมาเอนกายนอนบนเตียงและข่มตานอน ไม่นานก็ผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลียซึ่งเกิดจากการทำงานพาร์ทไทม์และใช้สมองเยอะไปสักหน่อย
วันต่อมาฉันก็แบกร่างที่จิตใจกำลังฟุ้งซ่านและคิดไม่ตกมาทำงานพาร์ทไทม์รับจ้างล้างจานที่ร้านอาหารเหมือนดั่งเช่นทุกวัน
ตลอดทั้งวันที่ฉันทำงานและคิดหาทางออกไปด้วย หนทางเดียวที่ฉันคิดออกในตอนนี้ก็คือเจ้าของร้านอาหารแห่งนี้ หลังจากที่เก็บร้านและปิดร้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันก็เดินไปรับเงินค่าจ้างรายวันกับเถ้าแก่
“อ่ะนี่ค่าจ้างวันนี้ของลื้อ”
“ขอบคุณจ้ะเถ้าแก่” ฉันรับเงินมาจากเถ้าแก่เจ้าของร้านก่อนที่จะยกมือไหว้ขอบคุณเหมือนทุกครั้ง
“กลับบ้านกลับช่องดี ๆ ล่ะ” บอกฉันเสร็จก็ทำท่าจะหมุนตัวเดินไป ฉันจึงร้องเรียกไว้เพราะต้องคุยอะไรสักอย่าง
“เดี๋ยวก่อนจ๊ะเถ้าแก่”
“มีอะไรนังหนู?”
ฉันสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดและผ่อนออกมาช้า ๆ เพื่อเตรียมพร้อม ก่อนจะพูดออกไปด้วยความหวาดหวั่นใจ โอกาสห้าสิบห้าสิบ “หนูขอยืมเงินจากเถ้าแก่สักสามหมื่นก่อนได้ไหมจ๊ะ พอดีหนูกำลังเดือดร้อนไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม”
“ไม่ได้หรอก อั๊วจะเอาจากไหนมาให้ลื้อ ค่าใช้จ่ายในแต่ละวันของอั๊วก็ไม่ใช่น้อย ๆ นะ ไม่ได้หรอก ๆ”
พอได้ยินคำตอบที่เตรียมใจที่จะได้ยินมาบ้างแล้วก็หน้าสลดและหัวใจฝ่อ ไม่นึกโกรธให้แกอยู่แล้ว เพราะฉันเข้าใจดี ไม่ได้มีฉันคนเดียวในโลกที่กำลังเดือดร้อน
“งั้นไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณค่ะ”
“อั๊วจะบอกอะไรให้นะนังหนู ถ้าไม่มีเงินก็ไม่ต้องเรียนหรอก หาผู้ชายรวย ๆ สักคนจับทำผัวดีกว่า หน้าตาเอ็งก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร หลอกล่อผู้ชายได้ไม่ยากหรอก”
ตอนแรกฉันไม่ได้อะไร ไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจกับเถ้าแก่นี่เลยสักนิดเดียว แต่พอได้ยินแบบนี้ก็อดที่จะโมโหไม่ได้ คำพูดที่เปล่งออกมามันดูถูกฉันชัด ๆ และฉันก็ทนไม่ได้ จึงรีบสวนกลับไปแบบทันควัน
“ถ้าหนูคิดที่จะหาผัว หนูคงไม่ลำบากลำบนมารับจ้างทำงานให้เถ้าแก่โขกสับเพื่อแลกเงินเป็นค่าเล่าเรียนแบบนี้หรอกจ้ะ!”
“เอ๊ะนังหนูนี่!”
“หนูกลับแล้วนะคะ!” พูดจบฉันก็ยกมือไหว้แบบส่ง ๆ ให้ไป และไม่รอช้ารีบเดินออกมาจากตรงนั้นทันทีด้วยความเดือดดาล ถ้าไม่ติดว่ามีพระคุณที่ใจดีรับฉันเข้าทำงานฉันคงสวนกลับไปแรงมากกว่านี้ อันนี้ยังถือว่าเกรงใจและถนอมน้ำใจอยู่นะ