1

1241 Words
‘เหมือนเป็นส่วนเกิน’            เป็นความรู้สึกของพราวฟ้า หญิงสาววัยยี่สิบสี่ปี เธอยืนอยู่ในงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดของยุรนันท์หรือเฮิร์ปไฮโซชื่อดัง เพื่อนสนิทของปรินทร์ คนรักที่อยู่กินกันฉันสามีภรรยา แต่ไร้งานวิวาห์แล้วดูเหมือนว่า ชาตินี้ทั้งชาติเธอจะไม่ได้สวมชุดเจ้าสาวยืนเคียงข้างเจ้าบ่าวที่รักสุดใจ สถานที่จัดงานคือคือห้องสูทสุดหรูชั้นบนสุดของโรงแรมชื่อดังย่านฝั่งธน ห้องนี้เหล่าคนมีชื่อเสียง หรือไม่ก็ดารานักแสดง นิยมกันมาจัดงานปาร์ตี้ เนื่องจากมีระเบียงส่วนตัวพร้อมสะว่ายน้ำขนาดพอเหมาะ จึงเหมาะกับการจัดงานเลี้ยงสังสรร แขกในวันนี้ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนของยุรนันท์ที่มาร่วมงานมากกว่าสี่สิบคน เป็นเพื่อนสนิทและค่อนข้างสนิทสนม อีกทั้งยังมีเพื่อนร่วมรุ่นระดับมหาวิทยาลัยอีกราวสิบกว่าคน หนึ่งในสิบกว่าคนที่ว่านี้ เป็นสตรีสาวสวย นอกจากความสวย เธอยังมีบุคลิกภาพโดดเด่นที่สุดในงาน เธอได้รับความสนใจจากผู้คนทันทีที่ย่างก้าวเข้าในงาน รวมทั้งสามีของเธอ ที่พราวฟ้าเพิ่งมารู้ว่า สาวสวยคนนั้นคือคนรักเก่าของปรินทร์ ที่คบหากันมานานสิบสองปี ตั้งแต่ทิวาทิพย์ปรากฏตัวขึ้นในงานพราวฟ้าก็เหมือนส่วนเกินของสถานที่แห่งนี้มากที่สุด เธอไม่ได้รับความสนใจจากทุกคนในงานที่กำลังครื้นเครงกับงานปาร์ตี้พราวฟ้าก็รู้สึกแย่มากแล้ว พอปรินทร์จับกลุ่มคุยกับเพื่อนสนิทอย่างออกรสโดยมีทิวาทิพย์อดีตคนรักนั่งอยู่เคียงข้างอย่างสนิทสนมแล้วนั้นพราวฟ้ายิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิมเป็นสิบเท่า ที่ตรงนั้นควรเป็นเธอ คนที่ปรินทร์ควรหัวเราะด้วยอย่างมีความสุขก็คือเธอ ไม่ใช่...ทิวาทิพย์ สองปีอีกหกเดือนที่อยู่กับปรินทร์ พราวฟ้าไม่เคยเห็นรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุขเช่นนี้ของเขามาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ชวนให้รู้สึกว่า การพบเจอใครบางคนในค่ำคืนนี้ทำให้ปรินทร์มีความสุขมาก และอาจเป็นคนที่เขาเฝ้ารอคอย คนๆ นั้นก็คือหญิงสาวที่นั่งข้างเขา ปรินทร์จึงไม่สนใจเธอสักนิดเดียว เขาปล่อยให้เธอนั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอไม่ได้รู้จักใครเป็นพิเศษ เท้าเล็กพยุงร่างบอบบางก้าวเดินออกจากงานทั้งน้ำตา พราวฟ้าไม่อาจทนนั่งเป็นส่วนเกินต่อไปได้ เธอไม่เหมาะกับที่นี่ ไม่เหมาะกับสังคมแบบนี้ และไม่ควรมาตั้งแต่แรก ขณะที่พราวฟ้าเดินกลับเข้าไปห้องด้านใน ปรินทร์ไม่แม้จะสนใจมอง สายตาเขามองทิวาทิพย์ตลอดเวลา ราวกับว่าไม่อยากคลาดสายตาจากเธอแม้วินาทีเดียว ..................................            5 เดือนต่อมา            ประตูห้องนั่งเล่นเปิดออก พราวฟ้าเดินเข้ามาในห้องพร้อมเครื่องดื่มและของว่าง ที่วันนี้เป็นชามะลิร้อนกับสาคูไส้หมู เธอวางถาดลงโต๊ะตัวเตี้ย ก่อนหยิบของบนถาดวางลงตรงหน้าหญิงสูงวัยที่ปลายตามองเธอเพียงแวบเดียวก็หันไปสนใจทีวีต่อ            “คุณย่าคะ ทรายได้ยินคุณย่าบ่นอยากกินสาคูไส้หมู เมื่อตอนเที่ยงทรายไปตลาดเลยแวะซื้อร้านเจ้าประจำให้คุณย่าค่ะ” พราวฟ้าบอกบุหงัน ย่าของปรินทร์ผู้เป็นสามี            “ฉันอยากกินเมื่อวานนี้ ไม่ใช่วันนี้” น้ำเสียงไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่ มองหลานสะใภ้ที่ไม่ปรารถนาด้วยความรู้สึกสองทาง หนึ่งไม่ชอบหน้า สองคือสงสาร แต่ดูเหมือนว่า นางจะเปิดเผยความรู้สึกแรกมากกว่า            “เมื่อวานคุณย่าบ่นอยากกินตอนค่ำ ทรายออกไปหาซื้อให้ไม่ได้ค่ะ เลยซื้อมาให้กินวันนี้ค่ะ” พราวฟ้าพยายามเอาใจบุหงันและทุกคนในบ้าน แต่ยิ่งทำก็เหมือนยิ่งไม่ถูกใจใครทั้งสิ้น “ทรายขอโทษค่ะที่ทำให้คุณย่าไม่พอใจ”            บุหงันมองพราวฟ้าที่ยกมือไหว้แล้วถอนหายใจพรืดยาว จะว่าไปเรื่องนี้พราวฟ้าไม่ผิด เป็นนางเองที่ใส่อารมณ์กับหลานสะใภ้            “มันก็ไม่ใช่ความผิดของแกหรอกนะ ฉันอารมณ์เสียไปเองแหละ” แล้วความสงสารก็วกเข้ามาในจิตใจ มือเหี่ยวย่นตามวัยหยิบส้อมอันเล็กจิ้มสาคูไส้หมูก่อนนำเข้าปาก ตามด้วยผักเครื่องเคียง พราวฟ้าหยิบถ้วยชาให้บุหงันที่รับขึ้นไปจิบ            “ทรายนวดให้คุณย่านะคะ” เป็นปกติทุกวันที่พราวฟ้าจะเข้ามาบีบนวดบุหงัน หญิงสูงวัยที่คนในบ้านเคารพรัก เธอไม่ได้ทำดีเอาหน้า แต่เต็มใจทำเพราะคิดว่า บุหงันคือญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งของตน แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ชอบหน้าตนก็ตาม            ขณะที่พราวฟ้ากำลังนวดบุหงัน ประตูห้องนั่งเล่นเปิดออกอีกครั้ง คนที่เดินเข้ามาคืออรุณ ลูกสะใภ้บุหงันและเป็นแม่สามีพราวฟ้า นางทรุดตัวลงนั่งข้างบุหงัน            “มาเสนอหน้าอยู่ที่นี่เอง ฉันตามหาซะทั่ว” อรุณเปิดฉากพูดใส่หน้าพราวฟ้า “ประจบประแจงล่ะเก่งนัก คิดเหรอว่าทำดีกับคุณแม่แล้วคุณแม่จะรักแก”            “ทรายไม่ได้คิดอย่างนั้นค่ะ” ลูกสะใภ้ตอบกลับเสียงเบา            “ก็ยังดีกว่าเธอก็แล้วกัน เป็นลูกสะใภ้ฉันมาสี่สิบปี เอามือแตะขาแตะแขนฉันยังไม่เคย ฉันก็ไม่เห็นจะพูดกระแหนะกระแหนเธอสักคำ” บุหงันอดรนทนไม่ไหว พูดใส่หน้าลูกสะใภ้พอหอมปากหอมคอ            “แหมคุณแม่ก็ คุณแม่ก็รู้นี่คะว่า อรุณแรงน้อย บีบนวดให้คุณแม่ คุณแม่ก็บอกว่ามือเบา ต้องอย่างมันค่ะ มือคนชั้นต่ำ แรงเยอะอย่างวัวอย่างควาย จับเส้นคุณแม่ได้ลึกถึงใจ” ไม่วายพูดกระทบพราวฟ้า คนถูกเปรียบเทียบไม่โต้เถียง ได้แต่ทำหน้าเศร้า            “เผอิญฉันชอบแรงวัวแรงควายของมันมากกว่าแรงผู้ดีอย่างเธอ” บุหงันโต้แทนพราวฟ้า “แล้วตามหาตัวมันทำไม จะใช้มันทำอะไรอีกล่ะ”            “มื้อเย็นวันนี้ เปิ้ลจะมาทำกับข้าวให้เรากินค่ะ เปิ้ลบอกเมนูมาแล้วว่าจะทำอะไร อรุณเลยจะให้มันไปซื้ออาหารสดกับผักมาเตรียมไว้ให้เปิ้ลค่ะ” พราวฟ้าใจร้าวทันใดเมื่อได้ยินชื่อเล่นชื่อนี้ ชื่อเต็มของนิกเนมว่าเปิ้ลคือ ทิวาทิพย์ อดีตคนรักของปรินทร์ ที่ดูเหมือนว่าจะเข้ามาในชีวิตของสามีเธออีกครั้ง            “คนอื่นไปไหนล่ะ ทำไมต้องให้ทรายไปด้วย” บุหงันถามถึงคนรับใช้ในบ้านที่มีอยู่ด้วยกันสี่คน ไม่รวมคนสวนและคนขับรถ            “คนอื่นไม่ว่างนี่คะ ทำงานอย่างอื่น ก็มีแต่มันนี่แหละค่ะที่นั่งกินนอนกิน ไม่ได้ทำอะไรเป็นกิจจะลักษณะ ใช้มันน่ะถูกแล้ว มันจะได้มีค่าสำหรับบ้านหลังนี้บ้าง” พราวฟ้าถูกต่อว่าเต็มๆ เธอหน้าเศร้าลงไปอีก แม้จะถูกว่า ถูกด่า ถูกกระทบกระแทกต่างๆ นานาทุกวัน เธอควรชาชิน แต่เปล่าเลย เป็นความเจ็บปวดที่อัดซ้ำลงไปในหัวใจมากกว่า 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD