ใต้ปีกพายัพ : EPISODE 3
[รู้จักฉันดีจังนะ]
ที่หน้าหลุมศพเก่า ๆ ในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปหลายชั่วโมงแล้ว บรรยากาศสุสานได้ถูกโอบล้อมไปด้วยความมืดมิด มีเพียงแสงจากดวงจันทร์ที่สุกสกาวเต็มใบ ที่ช่วยให้เขามองเห็นเจ้าของร่างเล็กที่กำลังยืนสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น จากที่พายัพให้คนไปตามสืบข่าวเรื่องของใบข้าว ก็พบว่าเธอเป็นเด็กกำพร้าที่เติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็กบ้านอุ่นการุณ
มือคู่น้อยที่วางพวงมาลัยดอกมะลิลงที่หน้าป้ายหลุมศพไม่ได้สนใจเลยว่าเจ้าของคฤหาสน์หรูที่เธอเรียกมันว่า ‘กรงขังทองคำ’ ได้มาหยุดยืนอยู่ที่ด้านหลังเธอแล้ว
พายัพมองดูวันที่จาง ๆ ตามกาลเวลาบนป้ายหลุมศพที่แสดงให้เห็นว่าวันนี้เป็นวันครบรอบการจากไปของคนที่นอนหลับใหลอยู่ที่นี่ หรือที่เธอหนีออกมา เพราะต้องการที่จะมาเคารพศพบุพการีอย่างนั้นสินะ แต่ถ้าเธอคิดจะมาเพื่อการนี้ แค่เธอมาบอกเขาตรง ๆ เขาก็คงจะไม่ต้องหัวเสียแบบนี้
“ไว้หนูจะมาใหม่นะ” ฉันพูดเพียงแค่นั้น ก่อนจะหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับเจ้าของร่างสูงใหญ่
“เธอทำฉันหัวเสีย” พายัพพูดขึ้นเสียงขุ่น แล้วรั้งต้นแขนฉันให้เดินตามเขากลับมาที่รถ จัดการโยนฉันไว้ที่เบาะหลัง ก่อนที่เจ้าตัวจะตามมานั่งลงข้าง ๆ ซึ่งฉันไม่ได้ยินดียินร้ายกับอารมณ์ของเขาแม้แต่น้อย
“กลับ” พายัพสั่งสั้น ๆ โดยไม่พูดอะไรกับฉันแม้แต่คำเดียว
รถยนต์คันหรูแล่นพาเราทั้งคู่กลับมายังคฤหาสน์ ‘สิงหบริรักษ์’ ที่ใคร ๆ ก็รู้ดีว่าเป็นที่พำนักของเจ้าของบ่อนกาสิโนแหล่งใหญ่ของเมือง เมื่อรถจอดสนิทเก้าก็ลงมาเปิดประตูให้พายัพ นั่นทำให้เขาเริ่มลากถูลู่ถูกังฉันอีกครั้ง
ทันทีที่แสงสว่างของแชนเดอเลียร์กลางโถงสาดมากระทบกับผิวซึ่งเต็มไปด้วยรอยแผลขีดข่วน ก็ทำให้พายัพหัวคิ้วเข้มขมวดมุ่น คงรู้แล้วสินะว่ากว่าฉันจะหนีพ้นจากเงื้อมมือลูกน้องฝีมือดีของเขา ฉันตั้งใจดิ้นรนขนาดไหน
หมับ!
ไม่รู้ว่าคนที่เอาแต่ตีสีหน้านิ่งกำลังคิดอะไร แต่เพียงอึดใจเดียวพายัพก็คว้าบีบลำคอของฉันกดลงกับตู้โชว์กระจก อย่างแรงราวกับจะบอกว่าเขายังคงไม่พอใจฉันอยู่
“มองแบบนี้อยากฆ่าฉันจริง ๆ แล้วเหรอ เหอะ!” ฉันเอ่ยถาม ก่อนจะแค่นเสียงหยัน เพราะนับครั้งไม่ถ้วนที่พายัพทำตัวแย่ ๆ ใส่ฉัน แต่เขาก็พูดได้แค่ว่า ‘ระวังจะตายไม่รู้ตัว’
“ฆ่าทิ้งไปเถอะน่า เธอน่ารำคาญจะตาย เฮียไม่เบื่อบ้างรึไง” ตรีทัพที่กลับเข้ามาเห็นฉากคนเป็นพี่ชายหัวเสียใส่ฉัน ก็คงได้แต่เหนื่อยหน่ายแทน คืนนี้เขาก็ยังคงยุให้พายัพฆ่าฉันทิ้ง
“เสือก! จะไปไหนก็ไป” พายัพได้แต่ส่งเสียงขุ่นไปแค่นั้นเช่นทุกครั้ง จึงได้เพียงการไหวไหล่จากตรีทัพกลับมา
“จะฆ่าก็ได้นะ เพราะถึงปล่อยฉันไว้ นายก็ไม่ได้อะไร” ฉันพูดขึ้น พร้อมเงยหน้าสบตากับพายัพ ฉันเบื่อที่จะเห็นหน้าเขา เบื่อที่จะต้องถูกเขาหิ้วไปหิ้วมา และคอยหัวเสียใส่ฉันไม่เว้นวัน เขาน่าจะรู้ตัวสิว่าฉันมาเพื่อทำลายเขา คิดจะทำอะไรโง่ ๆ แบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่
“ดูอยากตายจังนะ” น้ำเสียงเย็นเยียบเอ่ยลอดไรฟัน
“อยากจะพูดอะไรก็เชิญ ฉันไม่อยากเถียงด้วย” ฉันว่า
สิ่งที่พ่อบุญธรรมเดินทางมาย้ำกับฉันด้วยตัวเอง ทำให้ฉันรู้ว่าต้องเร่งมือจัดการเรื่องของพายัพให้เร็วที่สุด แต่จะลงมือได้อย่างไรในเมื่อเขาระวังตัวเองดีถึงขนาดนี้
รอบคฤหาสน์แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยการ์ดฝีมือดีและสุนัขรักษาความปลอดภัยที่ถูกฝึกมาป้องกันภัยให้เจ้านายตามคำสั่ง ต่อให้ฉันฆ่าเขาได้ ก็ใช่ว่าจะหนีรอดออกไปจากที่นี่ได้ง่าย ๆ ฉันควรจะใช้แผนการไหนไปจัดการเขาดี ไม่เคยมีงานครั้งไหนยากเย็นเท่าครั้งนี้เลย นั่นทำให้ฉันเลือกที่จะหยุดคิดเรื่องของพายัพชั่วคราว
“คิดแผนจะฆ่าฉันอยู่รึไง” เขาคงเห็นว่าฉันเงียบไปนานละมั้งถึงได้พูดจาแดกดันกัน
“นั่นสิ! ให้ฉันฆ่าหน่อยได้ไหมล่ะ งานจะได้จบ ๆ” ฉันจึงประชดเขาออกไปแค่นั้น
“เธอลงมือฆ่าคนที่ไม่เคยเจอกันมาก่อนได้ง่าย ๆ เลยรึไง หรือฉันเคยไปทำอะไรให้เธอมาก่อน” เขาถามอีกคำแล้วคลายมือออกจากลำคอฉัน
“นายอาจจะเคยทำเรื่องเลว ๆ มาเยอะจนจำไม่ได้เองรึเปล่า คนที่ทำธุรกิจที่คอยปอกลอกเงินของคนอื่นอย่างนาย ถามจริง? คิดว่าตัวเองขาวสะอาดมากรึไง ตลกนะ!”
ฉันว่าเสียงหยันจี้ใจดำเขา ทำเอาสีหน้าของพายัพครึ้มลงทันตา เมื่อฉันพูดจบประโยคถากถางนั้นจบ
“ท่าทางเธอจะรู้จักฉันดีจังนะ แล้วรู้ไหมว่าฉันชอบเล่นสนุกกับพวกที่ทำเป็นรู้ดีเกี่ยวกับฉันยังไง” เขาว่า แล้วลากฉันให้เดินตามกลับมายังห้องพัก
ตุบ!
ร่างของฉันที่ถูกโยนลงมาบนเตียงอย่างไร้ปราณี ทำให้ฉันรีบพลิกตัวหวังจะลุกขึ้น แต่พายัพก็ตามมาขึ้นคร่อมร่างของฉันเอาไว้อย่างรวดเร็ว เขาจับรวบข้อมือทั้งสองของฉันไว้แน่น ตอนที่ฉันพยายามจะเตะ เขาก็จัดการใช้เข่ากดขาฉันไว้ไม่ให้ขยับหนีได้ ทำให้ตอนนี้ฉันกลายเป็นรองเขาทุกทาง
“ปล่อย!” ฉันกระแทกเสียงใส่