“พี่มองหาอะไรอีกคะ จะให้คิดเงินเลยไหมคะ” ดาด้าวิ่งกลับเข้าไปหลัง เคาน์เตอร์
พายทำตัวเองให้ลีบเล็กที่สุด เพราะว่ากลัวเขาจะเห็น เธอก้ม ๆ เงย ๆ มองลอดฝ่ามือที่ปิดใบหน้า ส่งสายตาไปยังร่างใหญ่ที่กำลังมองหาตัวเอง แต่เขาไม่เห็นหรอกว่าเธอหลบอยู่ตรงนี้
ลายไม้เดินเข้ามาที่แคชเชียร์ ก่อนจะถามดาด้า
“เธออยู่คนเดียวเหรอ” เขาถาม
ปวีนุชรีบกระตุกขากางเกงของเพื่อนทันที ท่าทางเป็นกังวล เธอยกมือของตัวเองขึ้นปิดปากส่งสัญญาณบอกเพื่อนให้พยักหน้ารับว่าอยู่คนเดียว ดาด้าสบสายตากับปวีนุช
“บอกไปสิว่าอยู่คนเดียว” เธอทำปากขมุบขมิบ และเพื่อนสาวก็ฉลาดพอ สงสัยอยู่ในใจอยู่แล้วว่ายายพายไปสร้างวีรกรรมอะไรเอาไว้กับผู้ชายคนนี้แน่ ๆ
“เอ่อ... ค่ะ” เธอตอบออกไปทันควัน
“บอกเพื่อนของคุณด้วยนะว่าระวังตัวเอาไว้ให้ดี อย่าให้เจอ หึ...” เขาพูดเสียงดัง กะว่าจะให้ใครสักคนได้ยิน และสายตายังไม่หยุดมองหาคนต้นเรื่องที่ทำให้เขาเจ็บปวดที่สุด ก่อนจะมาหยุดสบตากับดาด้า
“หื้อ...เพื่อนของด้าคนไหนคะ มันมีหลายคนในที่ทำงานที่นี่”
มธุรดารู้อยู่เต็มหัวใจแต่ก็แกล้งถาม ดาด้าก้มลงไปมองที่ข้าง ๆ ขา ปวีนุชยกนิ้วชี้ขึ้นแตะที่ริมฝีปากอีกครั้ง และทำไม้ทำมือให้ไล่เขาไปไว ๆ
“แกจะไปพูดคุยกับเขาทำไม” เธอทำปากขมุบขมิบ
“แปดสิบห้าบาทค่ะ” ดาด้าบอกราคากับเขา
เขายื่นแบงก์ร้อยให้ และรอรับเงินทอน
“คนที่ตัวขาว ๆ เล็ก ๆ หน้าเรียว ๆ สูงประมาณนี้ ฝากบอกเอาไว้เลยนะว่าอย่าให้เจอ เที่ยวหน้าจะเอาคืนให้เข็ด ฝากเอาไว้ก่อนเหอะ” เขาพูดทิ้งท้ายแล้วก้าวขาเดินเขย่ง ๆ ออกจากร้านไป
มธุรดาแกล้งทำสีหน้างง ๆ ยกมือเกาหัวแกรก มองตามชายหนุ่มที่ยังมองในร้านแบบเหลียวหลัง ใบหน้าของเขาเกือบชนประตู ท่าทางลายไม้หัวเสียอย่างหนัก
ปวีนุชทรุดนั่งลงไปกับพื้นพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“อะไรกันยายพาย เล่ามาเดี๋ยวนี้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วแกไปทำอะไรเขา” มธุรดาดึงตัวเพื่อนให้ลุกขึ้นมา แล้วตั้งหน้าซักไซ้
พายเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เพื่อนฟัง
“โอ๊ะ...ยายบ้า หลังเท้าเขาเขียวบวมมากแหละ แกทำเกินไปไหมนะ”
“ก็คนมันตกใจนี่นา อีกอย่างมาหาว่าฉันเป็นขโมย จะไปขโมยรถ หรือทรัพย์สินภายในรถ ไอ้คนบ้า”
“แกนั่นแหละ หาเรื่องชัด ๆ โดดงานไปยังไม่พอ ยังไปก่อเรื่องขึ้นอีก เดี๋ยวเขาเอามาฟ้องพี่หนึ่ง คราวนี้แหละแกจะซวย....” เพื่อนสาวชี้หน้า
“แล้วจริง ๆ ก็เหมือนที่เขาพูด หน้าตาท่าทางของแกมันก็เหมือนโจรเข้าไปทุกทีแล้วนะ ไปด้อม ๆ มอง ๆ แบบนั้น ฉันว่าแกชักจะเป็นเอามากแล้วนะ หยุดเป็น สตอล์กเกอร์ได้แล้ว” มธุรดาจ้องสบตาของเพื่อน
“ก็ความสุขของฉัน” ปวีนุชไม่ยี่หระ ดูรูปในมือถืออย่างชื่นชม
“ย่ะ แล้วไหนเมื่อกี้จะเล่าอะไร ข่าวดีอะไรของแก ฮึ.... เล่ามา ๆ” ปวีนุชยิ้มกว้าง ขยับเข้าไปใกล้ ๆ
“แจน แจ้น...ฉันรู้ชื่อของพี่ชายแล้วนะ” เธอดีใจมาก ๆ แววตามีความฉ่ำวาว เพ้อฝัน
“ชื่ออะไรคะคุณปวีนุช” ดาด้าพลอยยิ้มไปกับเพื่อนด้วย
“ชื่อเล่นของพี่เขาน่ารักมาก ชื่อพี่ปาปูน ชื่อจริงก็แปลกแต่ดูดี ชื่อว่า นายลายไทย บริบูรณ์รักษ์ อือ...ชื่อก็ยังเพราะเลยอะ สมกับหน้าตาที่หล่อเหลา”
“เพราะตรงไหน ชื่อประหลาด ๆ นะสิ ชื่อปาปูน ลายไทย ตรงไหนที่แกว่าเพราะ”
“เอาะ...ยายด้า แกก็เพราะที่ชื่อของพี่เขาแปลกและไม่มีใครเหมือนไงล่ะ”
“เหรอ....” ดาด้าลากเสียงยาว รีบยื่นโพยกระดาษใส่ในมือของเพื่อนสาว
“อะไร” พายถามกลับ พร้อมมองสบตากับเพื่อนสาว แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย
“ในฐานะที่แกอู้งานหายไปนานสองนาน ให้ฉันอยู่คนเดียว ฉันวุ่นวายมาก ตอนนี้คือว่า แกต้องไปจัดของขึ้นชั้น โอเค” ดาด้าทำหน้าทำตา
“หมดรายการนี่นะ โอ้โห...ทำไมมันเยอะแบบนี้นะ” แค่เห็นรายการก็เหมือนลมจะใส่ แต่พอหันไปเจอสีหน้าและแววตาของเพื่อน ก็รีบพูด
“เออ... รู้แล้ว ๆ ทำอยู่แล้วอย่ามาจ้องแบบนี้นะ อื้อ ^_^” หน้าตายิ้มแฉ่ง
“แต่ยังไงวันนี้ก็คุ้มค่าม้วก...” ปากพูดแต่ใบหน้าระรื่น ยกกระดาษในมือขึ้นมาจุ๊บ ๆ ที่ทำภารกิจสำเร็จ ได้ถ่ายรูปคู่กับรถของเขา ได้รู้จักชื่อนามสกุล และที่ทำงานของเขา ปวีนุชเดินไปเพ้อพกไปกับความสุขเกิดขึ้นเต็มหัวใจ
สองอาทิตย์ผ่านไป
"เฮ้อ...ได้มาอยู่กลางวันสักที ไม่ค่อยชอบอยู่กะกลางคืนเลย" ปวีนุชบอกกับมธุรดา
"โดนดัดสันดานอะดิ อู้งานดีนัก หนีงานดีนัก เป็นไงโดนจับได้ ดีนะที่พี่หนึ่งแค่ให้แกย้ายไปอยู่กะกลางคืนแค่สองอาทิตย์โดยที่ไม่ไล่แกออก" มธุรดาว่าให้
"ยายด้าปากแรงขึ้นทุกวันนะยะ"
"หัวหน้าฝากบอกมาแล้วนะ ถ้าแกทำผิดอีกครั้งเดียว คือแกโดนไล่ออกแน่ ๆ” ดาด้าชี้หน้าเพื่อน
"แหม...พี่หนึ่งเขาไม่กล้าไล่ฉันหรอก ผิดนิด ๆ หน่อย ๆ เดี๋ยวนี้คนดี ๆ ขยันงาน หนักเบาเอาสู้แบบฉันเนี่ยหายาก"
“เหรอ...” ดาด้าลากเสียงยาว
“หน้าอย่างแกเนี่ยนะ”
“จ้ะ”
"นี่...ยายพาย เห็นท่าทีแบบนี้ของเธอแล้ว ฉันคิดผิดไหมที่ให้อภัยเธอ แล้วยอมให้เธอลงมาอยู่กะกลางวัน" เสียงพี่หนึ่งผู้จัดการร้านดังขึ้นข้างหลัง
ปวีนุชสะดุ้งโหยง รีบหันหน้าไปในทันที
“อุบ...พี่หนึ่ง” เธอปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน ก่อนจะยกมือไหว้ปลก ๆ
"พี่หนึ่งขา หนูพายผิดไปแล้วจริง ๆ ค่ะ หนูพายสำนึกผิดมากมาย ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป หนูพายจะตั้งใจทำงานค่ะ จะไม่เถลไถล จะปฏิบัติงานแข็งขัน และจะทำตามหน้าที่อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง" เธอขอความเห็นใจทั้งสีหน้าแววตาและท่าทาง
"ฉันรู้ฉันเห็นทุกอย่าง ไม่ว่าเธอจะทำอะไรกันในนี้ อีกอย่างทำงานให้ดี เขาให้เงินเดือนนะ ไม่ใช่จ้างให้มาเดินเล่น หรือว่าเล่นขายของ"
"พี่หนึ่งมีตาทิพย์หรือคะ" ปวีนุชถามยอกย้อน
"นู้น...." นางชี้ให้ดูกล้องวงจรปิด ปวีนุชหน้าเสีย บางทีก็ลืมตัวไปจริง ๆ
“เสียงแกที่โม้ เมาท์มอยเรื่องชาวบ้านกันนั่นนะ ฉันก็ได้ยินย่ะ อ้าว...แยกย้ายแยกย้าย ไปทำงานกันได้แล้ว พี่จะกลับสาขานู้นแล้ว" หนึ่งโบกมือไล่
"สวัสดีค่ะ" สองสาวประสานเสียงกันดังลั่น โค้งหัวแทบชนหน้าขา พอเห็นพี่หนึ่งพ้นไปจากสายตา ปวีนุชก็หันมาต่อว่าเพื่อนทันที
"ยายด้าทำไมแกไม่บอกฉันว่าพี่หนึ่งอยู่"
"หล่อนผิด" มธุรดาชี้หน้าปวีนุช ก่อนจะใช้นิ้วทำท่าปาดคอตัวเอง
"จ้ะจ้ะจ้ะ ข้าน้อยสมควรตาย เอ่อ...ทำอะไรก็ดูไม่ดี ผิดไปหมดเลย คนน่าสงสารคือฉันนี่เอง" เธอแถไปได้อีก ก่อนจะเดินลิ่วเข้าห้องข้างหลังเพื่อตอกบัตร
“รู้ตัวก็ดีแล้ว จะได้ทำตัวใหม่ สังคมให้อภัยแกนะ ยายปวีนุช” มธุรดาตะโกนตามหลัง แล้วหัวเราะเสียงดังแบบสนุกสนาน