เพชรน้ำผึ้งก้าวเข้ามาในบริษัทดิเรกฤทธิ์ จำกัด ด้วยความมาดมั่น วันนี้เธอใส่ชุดเดรสรัดรูปสั้นเสมอเข่าสีกรมท่า คลุมทับด้วยสูทพอดีตัวสีเดียวกันแต่เป็นผ้าลายทางแนวตั้งสีกรมท่าสลับกับสีขาว รองเท้าส้นสูงสามนิ้วช่วยเสริมให้ร่างงามดูเพรียวระหงมากขึ้นไปอีก ผมสวยสีน้ำตาลอ่อนถูกรวบตรึงสูงปล่อยชายเป็นหางม้า ดูเป็นสาวปราดเปรียวแต่แฝงด้วยความอ่อนหวาน วันนี้เธอมีนัดสัมภาษณ์งานที่บริษัทแห่งนี้
ช่างพอดิบพอดีอะไรขนาดนั้น ก็ขณะที่เธอกำลังคิดไม่ตกกับชีวิตว่าจะบอกกับแม่และพี่ชายอย่างไรดีว่าลาออกจากบริษัทเดิมแล้วเพราะเจ้านายหนุ่มคนใหม่ชอบแอบลวนลามเธอ หากพี่ชายเธอรู้ คงไม่แคล้วไปเล่นงานเขาให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต และเธอคงถูกห้ามให้ทำงานอีกเป็นแน่ แต่จู่ๆ ก็ได้รับการติดต่อให้มาสัมภาษณ์งานหลังจากที่เธอยื่นใบสมัครผ่านทางอีเมล์เมื่อสัปดาห์ก่อน เธอตื่นเต้นมาก หมายมั่นจะได้งานนี้ เพราะที่นี่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ ทั้งผลิตและจัดจำหน่าย รวมทั้งส่งออกเครื่องดื่มนานาชนิด ตั้งแต่น้ำเปล่า เครื่องดื่มชงต่างๆ น้ำอัดลม น้ำผลไม้ รวมไปถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บริษัทก่อตั้งมายาวนานและมีเสถียรภาพมากและมีความมั่นคงสูง โดยเฉพาะตอนนี้ ท่านประธานคนใหม่เขาเป็นคนหนุ่มไฟแรงต่อยอดงานจากที่พ่อเขาเคยทำไว้ และขยายไลน์การผลิตและเปิดตัวคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาอีกหลายตัวทีเดียว
ขั้นตอนการสัมภาษณ์งานจากผู้จัดการฝ่ายบุคคลผ่านพ้นไปแล้ว เพชรน้ำผึ้งถูกเลือกให้ทำงานเป็นเลขานุการอีกคนของท่านประธาน เธอดีใจมาก เพราะที่นี่ดีครบสูตร งานดี เงินดี บริษัทมั่นคง สวัสดิการเพียบ แถมยังไม่ต้องโกหกแม่กับพี่ชายเรื่องที่เธอตกงานอีก เธอจะบอกทั้งสองว่าได้งานใหม่ที่ก้าวหน้ากว่า จึงเปลี่ยนงาน Happy Ending ทุกทาง
“เรามาเซ็นสัญญาจ้างงานกันเลยนะคะ น้องน้ำผึ้ง”
อุไร ผู้จัดการฝ่ายบุคคล ส่งสัญญาการจ้างงานให้เธออ่าน
ในขณะที่ดวงตาคู่งามกำลังไล่อ่านสัญญา ตั้งแต่กำหนดทดลองงาน เงินเดือนที่ได้รับ โบนัสปลายปี มีสวัสดิการที่พักอาศัยเป็นคอนโดใกล้ที่ทำงานให้เลขาท่านประทานเพื่อความสะดวกในการเดินทางมาทำงานและการเรียกใช้งานของท่านประธาน เพราะเป็นคอนโดเดียวกันกับที่ท่านประธานพักอาศัยอยู่ด้วย อ่านมาถึงตรงนี้ ดวงตาหวานก็รู้สึกถึงท่าทีที่ร้อนรนไม่อยู่นิ่ง ยกข้อมือเพื่อดูนาฬิกาบ่อยครั้งของอุไร
“พี่อุไรมีธุระหรือคะ”
เธอตัดสินใจถามออกไป
“คือตอนนี้ถึงเวลาที่พี่ต้องเข้าประชุมกับท่านประธานแล้วค่ะ ขอโทษทีนะคะน้องน้ำผึ้ง พอดีท่านเรียกประชุมด่วนเมื่อสักครู่นี่เอง”
อุไรตอบเสียงเบาด้วยความเกรงใจ
“ถ้าอย่างนั้นน้ำผึ้งเซ็นเลยค่ะพี่ รบกวนเวลาพี่มามากแล้ว”
ว่าแล้วเธอก็หยิบปากกามาลงชื่อในสัญญาทุกหน้า โดยที่เพิ่งอ่านจบไปแค่ครึ่งหน้าแรกเท่านั้น ยังเหลืออีกหลายแผ่นที่เธอยังไม่ได้อ่านแม้แต่ตัวอักษรเดียว
“เรียบร้อยค่ะท่านประธาน”
อุไรนำเอกสารสัญญาที่เพชรน้ำผึ้งลงชื่อแล้ว มาให้อัคคี
“ขอบคุณมากครับ คุณอุไร”
อุไรยิ้มรับคำขอบคุณ แล้วขอตัวกลับไปทำงานตามเดิม
ทันทีที่ประตูปิดลงอีกครั้ง อัคคีหยิบสัญญาที่มีลายเซ็นของแม่สาวหอมหวานออกมาดูอย่างมาดหมาย
“เธอเสร็จฉันแน่ แม่เลขา”
เช้าวันจันทร์ เริ่มต้นวันทำงานวันแรกของเพชรน้ำผึ้งในบริษัทแห่งนี้ ชลธีลงไปรับเธอที่ล็อบบี้เพื่อพาเธอเดินดูและแนะนำให้แผนกต่างๆ ได้รู้จัก เพื่อจะได้ง่ายต่อการติดต่อประสานงานกันต่อไปในอนาคต เมื่อขึ้นมาถึงหน้าห้องท่านประธานสถานที่ที่เธอต้องนั่งทำงาน ก็ได้รู้จักกับเพื่อนที่ต้องทำงานใกล้ชิดกันอีกคน
“สวัสดีค่ะ พี่วิ น้ำผึ้งฝากตัวด้วยนะคะ มีอะไรพี่วิบอกสอนได้เต็มที่เลยค่ะ”
วิลาวรรณมองเลขาหน้าสวยด้วยสายตาชื่นชม เธอมองเห็นความน่ารัก ความจริงใจและความกระตือรือร้นในการทำงานของเด็กคนนี้ จึงนึกเอ็นดูเป็นอย่างมาก
“สวัสดีค่ะ น้องน้ำผึ้ง งานไม่มีอะไรมาก เดี๋ยวพี่แนะนำให้ค่ะ ไม่นานก็เก่งแล้ว”
“เอ่อ คุณน้ำผึ้ง เข้าไปพบท่านประธานได้เลยครับ ท่านรออยู่แล้ว”
ชลธีได้รับคำสั่งให้พาเลขคนใหม่เข้ามาถวายตัว เอ้ย เข้ามาพบท่านประธานได้แล้ว
“ผมพาคุณน้ำผึ้ง เลขาคนใหม่ มาแนะนำตัวครับ”
ชลธีพูดกับคนที่นั่งหันหลังให้พวกเขา
“ขอบใจ นายออกไปก่อนนะ”
ทันทีที่ประตูห้องปิดลง อัคคีก็หันเก้าอี้กลับมาเผชิญหน้ากับหญิงสาว เพชรน้ำผึ้งพนมมือก้มลงไหว้อย่างนอบน้อม ขณะที่เธอเงยหน้าขึ้นมา ก็ปะทะเข้ากับดวงตาคมเข้มสีดำสนิทที่เธอคุ้นเคย ดวงตากลมโตเบิกกว้างทันใด
“คุณ...”
หญิงสาวตกใจแทบสิ้นสติ ทั้งตกใจ ทั้งโกรธ ทำไมโลกมันกลมขนาดนี้ ผู้ชายคนที่พรากพรหมจรรย์ไปจากเธอ มานั่งอยู่ข้างหน้าเธอ แถมเขายังเป็นท่านประธานบริษัทที่เธอต้องทำงานเป็นเลขานุการใกล้ชิดกับเขาอีกด้วย นี่เธอหนีเสือปะจระเข้หรือ
“ผม อัคคี วัฒนดิเรกฤทธิ์ ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณน้ำผึ้งที่รัก เรียกผมว่า ไฟ เหมือนที่นายชลเรียกก็ได้ หรือจะเรียกผมว่า ที่รัก เหมือนที่ผมเรียกคุณ ผมก็ไม่ติด”
อัคคียิ้มยั่ว ยิ่งเห็นอาการที่หญิงสาวเบิกตาโต อ้าปากค้างด้วยความตกใจ ยิ่งนึกสนุกอยากแกล้ง
“ฉันไม่ทำงานกับคุณ ฉันขอลาออก”
ว่าแล้วก็หันหลังเตรียมก้าวออกจากห้อง แต่มีหรือที่อัคคีจะยอมปล่อยแม่กวางเนื้อหวานให้หลุดเข้าป่าไป เขารีบก้าวไปดักหน้าเธอในระยะประชิด หญิงสาวก้าวถอยหลังหนีด้วยความตกใจจนเกิดเสียหลักจะล้ม มือหนาก็ยื่นไปพยุงร่างบางไว้ได้อย่างรวดเร็ว
“ปล่อย อย่ามาแตะต้องตัวฉัน เอามือสกปรกของคุณออกไป ไอ้นักข่มขืน”
หญิงสาวโกรธสุดขีด สะบัดตัวหนีจากมือของเขา แต่ยิ่งดิ้น เขายิ่งขยับมาชิดแล้วดึงตัวเธอเข้ามากระแทกอกแกร่งแล้วกอดเธออย่างเต็มรัก
“นักข่มขืนอะไรกันที่รัก พูดกับสามีให้เพราะๆหน่อยสิครับ เมียจ๋า”
“ใครเป็นเมียคุณ อย่ามาพูดมั่วๆนะ ปล่อย ไม่งั้นฉันจะร้องให้คนช่วย”
“ร้องเลยครับ ดีเหมือนกัน คนเขาจะได้รู้และจะได้เข้ามาช่วยตัดสิน ว่าใครผิดใครถูกกันแน่ คืนนั้นคุณยั่วยวนผมจนตบะแตก แถมขืนใจผม พอตื่นขึ้นมา คุณก็หนีผมไปไม่ล่ำลา คุณคิดจะฟันผมแล้วทิ้งหรอ มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะที่รัก”
“ไอ้บ้า ใครยั่วยวนคุณ คุณต่างหากข่มขืนฉัน คุณวางยาฉัน ไม่งั้นฉันไม่มีทางไปนอนกับคุณได้แน่”
“พูดให้ดีๆนะที่รัก ผมต่างหากที่ไปช่วยคุณจากไอ้ล่ำนั่นที่มันวางยาคุณ แต่คุณไม่มีสติ ผมไม่รู้จะพาคุณไปไหน คุณเล่นจะถอดเสื้อผ้าตลอดเวลา ผมเลยต้องพามาที่คอนโดผม”
“แล้วคุณก็ข่มขืนฉัน”
“ให้คิดอีกทีทูนหัว ใครข่มขืนใคร”
นี่เธอคิดว่าเธอกับเขามีอะไรกันลึกซึ้งถึงขั้นนั้นแล้ว คืนนั้นเธอคงไม่มีสติรับรู้อะไรมากมายนักสินะ ได้ เป็นแบบนี้ก็ดี รับสมอ้างเล่นไปตามน้ำเลยแล้วกัน
ภาพความทรงจำกระท่อนกระแท่นแวบเข้ามาในหัว เธอเป็นฝ่ายดึงเขาเข้ามากอดจูบลูบคลำ และเธอก็เป็นฝ่ายยั่วยวนจนเขาตบะแตก
“คุณก็รู้ว่าฉันไม่ปกติ ฉันโดนวางยา ทำไมคุณไม่อดทนล่ะ คุณมาทำอะไรๆ ฉันทำไม”
“โถ่ที่รัก คุณทั้งสวย ทั้งขาว หุ่นก็น่าฟัดขนาดนี้ ให้เป็นนักบุญมาจากไหนก็ตบะแตก”
“อ๊ายยยย ไอ้บ้า คุณหยุดพูดเลยนะ ฉันจะลืมเรื่องบ้าๆนี้ให้หมด ต่างคนต่างไป ฉันลาออก จบกันแค่นี้”
พูดจบก็จะผละออกจากอ้อมกอดแกร่ง แต่เขากลับไม่ยอมปล่อยง่ายๆ
“ที่รักครับ คุณไปไหนจากผมไม่ได้หรอก ก็คุณเซ็นสัญญาจ้างงานไปแล้ว ในสัญญาระบุชัดเจนว่าคุณห้ามลาออกก่อนเวลา 2 ปี ไม่ว่ากรณีใดๆก็ตาม ยกเว้นผมเป็นคนเลิกจ้างคุณเอง ไม่อย่างนั้นคุณจะโดนปรับเท่ากับเงินเดือนคุณ 2 ปี และผมจะส่งประวัติเสียๆ ของคุณให้กับบริษัทอื่น คราวนี้คุณจะไปทำงานที่ไหนได้”
“ไม่จริง ฉันไม่ได้เซ็นสัญญาอะไรแบบนั้น”
“คุณได้อ่านก่อนเซ็นไหมครับ”
“อ่านสิ แต่...”
เธอนึกออกแล้ว เธออ่านได้ยังไม่ถึงหนึ่งหน้าดี อีกหลายหน้าที่เหลือเธอไม่ได้อ่าน เพราะอุไรจะรีบเข้าประชุมกับเขา หรือว่า...
“คุณตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ใช่ไหม สัญญานั่น คุณก็ตั้งใจ”
“ครับ”
“คุณนี่มันเลวจริงๆ ไอ้บ้า ไอ้ชั่ว ไอ้สำส่อนใช้ผู้หญิงเปลือง คุณทำแบบนี้ทำไม”
ว่าพลางทุบไปทั่วทั้งอกทั้งไหล่ของเขาเป็นที่ระบายอารมณ์จนรู้สึกเหนื่อย จึงหยุดหอบหายใจ
“ที่รักครับ คุณหนีผมไม่พ้นหรอก ตั้งใจทำงานกับผมให้มีความสุขจะดีกว่า”
เขาแนะนำจากใจจริง
“ฉันไม่สนใจหรอก เงินค่าปรับนั่นฉันมีจ่าย”
“ประเด็นมันไม่น่าอยู่ที่เงินน่ะสิ ถ้าคุณเบี้ยวผม ผมจะส่งประวัติคุณไปให้ทุกบริษัทเลย แล้วใครที่ไหนเขาจะรับคุณเข้าทำงาน”
“นี่คุณจะแบล็คเมล์ฉันหรอ”
“จะเรียกว่าแบบนั้นก็ได้”
“ต้องการอะไร”
“แค่ต้องการให้คุณรับผิดชอบการกระทำของคุณ ไม่เคยมีใครทำกับผมแบบนั้น คุณต้องชดใช้”
“ฉันต่างหากที่เสียหาย จะให้ฉันมาชดใช้อะไรให้คุณ”
“ก็ทำงานกับผมไง คอยดูแลและทำตามคำสั่งของผมทุกอย่าง”
“คุณนี่ท่าจะบ้า คนรวยๆ เขาไม่มีอะไรทำกันหรือไง”
“มีครับ งานผมเยอะด้วยถึงต้องการคุณมาช่วยนี่ไง”
“ฉันไม่อยากทำงานกับคุณ หางานที่ไหนไม่ได้ก็แค่กลับไปเกาะแม่กับพี่กิน”
“แล้วคุณจะบอกแม่กับพี่คุณว่าไง โดนผมข่มขืนแล้วแบล็คเมล์เพราะคุณไม่ยอมมาทำงานกับผมงั้นหรือ ดีเหมือนกัน พี่คุณจะได้มาแหกอกผม ทีนี้เขาคงบังคับให้ผมรับผิดชอบคุณ เราอาจต้องแต่งงานอยู่ด้วยกันตลอดชีวิตก็ได้”
“ฉันไม่มีวันยอมเห็นหน้าคุณไปตลอดชีวิตแน่”
“เลือกเอาครับ”
หญิงสาวหยุดคิดถึงผลได้ผลเสียอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยขึ้น
“ฉันมีทางเลือกอื่นด้วยเหรอ แต่จะบอกเอาไว้ว่าคุณอย่ามาทำตัวรุ่มร่ามกับฉัน เรื่องคืนนั้นฉันจะถือว่ามันเป็นอุบัติเหตุ เป็นคราวซวยคราวเคราะห์ของฉันเอง เราจะไม่พูดถึงมันอีกเด็ดขาด คุณกับฉันเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน เราจะโฟกัสแค่เรื่องงานเท่านั้น คุณเข้าใจใช่ไหม”
“เอาที่คุณสบายใจเลยครับ”
แต่จะทำตามหรือไม่ นั่นมันเป็นเรื่องของผมนะครับที่รัก เขาต่อประโยคหลังนี้ในใจ
“งั้นเรามาคุยถึงขอบเขตงานของดิฉันกันเลยดีกว่าค่ะ ท่านประธานจะให้ดิฉันรับผิดชอบงานอะไรบ้างคะ”
เธอดันตัวเองออกมาจากอ้อมกอดของเขา พูดคุยเป็นการเป็นงาน แม้ว่าในใจจะโกรธเกลียดผู้ชายเห็นแก่ตัวฉวยโอกาสคนนี้แค่ไหน แต่สถานการณ์ทุกอย่างมันบังคับให้เธอยังต้องอยู่ตรงนี้ ยังต้องเป็นลูกน้องเขา เธอจะอดทนจนครบกำหนดในสัญญา เธอไปจากที่นี่แน่ แค่ต้องหายใจร่วมกับผู้ชายคนนี้ก็ขยะแขยงเต็มทนแล้ว
“ผมรับคุณมาเป็นเลขาส่วนตัวครับ มีหน้าที่หลักคือดูแลผมอย่างใกล้ชิดในทุกเรื่อง ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า หน้า ผม การทำความสะอาดที่อยู่ ทำอาหารหรือซื้ออาหารมาให้ผมทาน ส่งผ้าซักรีด ส่วนชั้นในของผมคุณต้องมาซักให้ผมเอง จะเอาลงเครื่องหรือซักมือก็แล้วแต่คุณสะดวก คุณต้องคอยดูแลข้าวของในห้องให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้ คอยจ่ายตลาดเติมของเข้าตู้เย็นให้ผม คอยดูเสื้อผ้าว่าต้องมีชิ้นไหนซื้อเพิ่มเติมหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นกางเกงชั้นในหรือถุงเท้า คุณต้องติดตามผมออกนอกสถานที่ทุกที่และทุกครั้งที่ผมสั่ง ไม่ว่าจะไปพบลูกค้า งานเลี้ยง ไปดูงานต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ ต้องมีคุณติดตามผมไปด้วยพร้อมกับนายชล คุณต้องแสตนบายเตรียมตัวพร้อมตลอดเวลา ไม่ว่าผมจะเรียกใช้คุณเวลาไหน คุณไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ อ้อ แล้วคุณก็ห้ามมีแฟน เพราะมันจะทำให้เวลาของคุณมันไม่เป็นของผมตลอดเวลาและถ้าคุณเกิดมีปัญหากับแฟนคุณ มันจะมากระทบกับงานของผมได้ ซึ่งธุรกิจหลายหมื่นล้านของผม คุณรับผิดชอบไม่ไหวแน่ เวลาอยู่ที่ทำงานคุณมีหน้าที่ชงกาแฟให้ผมวันละ 2 เวลาคือเช้าตอนที่ผมถึงบริษัท และอีกครั้งตอนบ่ายโมง แล้วก็ช่วยงานเอกสารคุณวิบ้างถ้าแกงานล้นมือหรือแบ่งงานให้คุณทำ งานของคุณมีแค่นี้ครับ”
เธอลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ งานที่เขามอบหมายในเรื่องส่วนตัว เธอแทบจะทำหน้าที่เมียเขาอยู่แล้ว ต้องดูแลแม้กระทั่งกางเกงชั้นในของเขา เวลาส่วนตัวทั้งหมดของชีวิตเลยก็ว่าได้ในช่วงนี้เป็นของเขา เขาจะเรียกหาเรียกใช้กี่โมงก็ย่อมได้ห้ามปฏิเสธ เธอจะไม่เวลาส่วนตัวอีกแล้ว แต่จะทำไงได้ ก็เธอโง่เองหลงกลไปเซ็นสัญญาทาสของเขาไปแล้วนี่ เธอจะอดทนก้มหน้าก้มตาทำงานไป ขอแค่เขาอย่ามายุ่งวุ่นวายกับเธอและไม่พูดถึงเรื่องวันนั้นอีกเป็นพอ
แต่คนอย่างเขา นายอัคคี คาสโนวาที่เป็นข่าวควงกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า เปลี่ยนผู้หญิงบ่อยยิ่งกว่าเปลี่ยนถุงเท้า คงไม่หวนกลับมาวอแวกับของเล่นคืนเดียวแบบเธอหรอก ที่ทำทั้งหมดคงเพราะต้องการกลั่นแกล้งเธอที่ทำให้เขาต้องเสียหน้าเหมือนเป็นผู้ชายชั่วคราวของเธอก็แค่นั้น
“รับทราบค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ดิฉันขอตัวไปศึกษางานกับพี่วิก่อนนะคะ”
ทันทีที่เธอออกจากห้องมา รอยยิ้มกรุ้มกริ่มก็แตะแต้มอยู่บนมุมปากหยักได้รูปทันใด เขาจะเล่นตามเธอไปก่อน จะแกล้งไม่สนใจเธอให้เธอตายใจ คอยซุ่มรอวันตะปบเหยื่อแบบเงียบๆและใจเย็น เธออยู่ใกล้ชิดกับเขาขนาดนี้ ไม่มีวันหนีเขารอดหรอก ยังไงซะแม่กวางสาวเนื้อหวาน ก็จะต้องโดนราชสีห์หนุ่มอย่างเขา กินหัวกินหางกินกลางตลอดตัวเป็นแน่
พ่อจะกินไม่ให้เหลือแม้แต่กระดูกเลย