Red-Eye PUB
เสียงจังหวะดนตรีสไตล์ EDM ที่ดังขึ้นไปทั่วทั้งผับชื่อดังทำให้ร่างบางของม่อนไหมอดไม่ได้ที่จะโยกตัวไปตามจังหวะเพลงเบาๆในขณะที่เพื่อนๆในกลุ่มต่างพากันพูดคุยเล่นกันอย่างสนุกสนานพร้อมกับยกแก้วเหล้าที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นดื่มจนหมดแก้ว
“ไอ้ม่อนมึงแน่ใจนะว่าวันนี้เฮียรามเขาอยู่เคลียร์งานจนถึงเช้าอะ”
เตยหอมที่นั่งข้างๆม่อนไหมเอ่ยถามเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วงเพราะถ้าหากว่ารามสูรเกิดกลับมาที่คอนโดก่อนเวลาที่ม่อนไหมเล่าให้เธอฟังบอกได้คำเดียวเลยว่าเพื่อนของเธอซวยแน่
“แน่ซะยิ่งกว่าแน่อีก เฮียเป็นคนโทรมาบอกกูเองว่าให้เข้านอนได้เลยไม่ต้องรอเพราะวันนี้เฮียติดงานอาจจะไม่ได้กลับ”
ม่อนไหมบอกเพื่อนด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจโดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้กำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครบางคนๆที่เธอกับเตยหอมกำลังพูดถึงอยู่ รามสูรยกบรั่นดีขึ้นดื่มอย่างใจเย็นแต่ดวงตาสีดำสนิทกลับลุกวาวอย่างน่ากลัวเมื่อเมียตัวน้อยที่เขาสั่งห้ามไม่ให้เธอออกมาเที่ยวผับอีกเป็นอันขาดกำลังขัดคำสั่งของเขาด้วยการนั่งหัวเราะกับเพื่อนด้วยความสนุกสนาน
วันนี้ที่บริษัทของเขาเกิดปัญหาเมื่อรถรุ่นใหม่ล่าสุดที่มีกำหนดจะเปิดตัวเร็วๆนี้เกิดปัญหาทางด้านขนส่งรวมไปถึงเอกสารที่ผิดพลาดทำให้เขาต้องรีบเข้าบริษัทไปตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยตัวเองเมื่อ เขาจึงโทรบอกม่อนไหมว่าเขาอาจจะกลับถึงคอนโดในช่วงเช้าแต่หลังจากที่เขารื้อเอกสารออกมาดูจนครบทั้งหมดภายในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมงปัญหาทุกอย่างก็ถูกแก้ไขได้อย่างทันท่วงที
ในขณะที่เขาเตรียมตัวจะกลับคอนโดเพื่อไปอ้อนเมียเดวิดกับลุคลูกน้องคนสนิทของเขาก็โทรเข้ามาบอกว่าเมียตัวน้อยที่แสนซนแอบนัดให้เพื่อนมารับไปเที่ยวที่ผับประจำของพวกเธอ วินาทีที่ได้ยินประโยคนี้จากปากของลูกน้องกรามของเขาพลันขบเข้าหากันจนเป็นสันนูนนัยน์ตาสีดำสนิทเหมือนมีประกายไฟลุกโชนก่อนที่รามสูรจะรีบออกมาจากบริษัทและตรงมาที่ผับแห่งนี้ทันที
“แล้วถ้าเฮียรามเกิดกลับมาก่อนเวลาที่บอกมึงล่ะ”
เตยหอมยังไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่ายๆเธอยังคงคิดต่อไปว่าถ้าหากรามสูรเสร็จงานก่อนกำหนดและกลับมาที่คอนโดแล้วไม่เจอเพื่อนของเธอล่ะจะเกิดอะไรขึ้น พลันดวงหน้างามที่โดดเด่นไม่แพ้เพื่อนสาวก็ส่ายหน้าไปมาจนผมยาวสลวยกระจายส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณด้วยความรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก
เตยหอมจำได้อย่างแม่นยำว่าม่อนไหมเคยเล่าให้ฟังว่าถ้าหากเธอดื้อกับรามสูรขึ้นมาเมื่อไหร่เขาไม่เคยลงไม้ลงมือกับเธอเลยสักครั้ง แต่เขากลับลากเพื่อนของเธอขึ้นเตียงและลงโทษด้วยการกระแทกด้วยจูบลูบด้วยมือใหญ่และจบลงด้วยท่วงท่าที่แสนเร่าร้อน ซึ่งม่อนไหมยอมรับกับเตยหอมอย่างตรงไปตรงมาตามนิสัยแมนๆของเธอว่ามันโคตรจะฟินจนแทบไม่อยากจะหลับตาลงเลยล่ะ
คิดมาถึงตรงนี้สาวน้อยที่อายุอานามเพียง 19 ปีและยังไม่เคยมีประสบการณ์รักๆใคร่ๆมาก่อนก็พลันหน้าแดงด้วยความรู้สึกเขินอายอย่างบอกไม่ถูก
“กลับก็กลับมาสิไม่เห็นจะเป็นไรเลยกูก็แค่หนีมาเที่ยวไม่ได้ดื่มเหล้าหรือออกไปเต้นยั่วเยตัวผู้ที่ไหนสักหน่อย ถ้าเฮียจะลงโทษกูเรื่องที่กูแอบหนีเที่ยวก็คงจะดูไร้เหตุผลเกินไปแล้ว”
“ไอ้ม่อนมึงลืมไปหรือเปล่าว่ามึงกำลังทะ ท้อง”
หมับ
มือบางของม่อนไหมยกขึ้นปิดปากเพื่อนแทบไม่ทันเมื่อความลับที่เธอพยายามปกปิดเอาไว้กำลังจะหลุดออกมาจากปากของเพื่อนสนิทอย่างเตยหอมที่เผลอหลุดปากพูดออกมาด้วยความเป็นห่วงเพื่อน ท่าทีของสองสาวเพื่อนสนิททำให้ธีร์ คินน์ นายน์และเจย์ ที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานต่างหันมามองอย่างให้ความสนใจ
“พวกมึงสองคนเป็นเหี้ยไรกัน”
ธีร์เอ่ยถามสองสาวเพื่อนสนิทด้วยความสงสัยก่อนที่ม่อนไหมจะรีบเอามือที่ปิดปากเตยหอมออกทันทีใบหน้าเนียนสวยยามที่ต้องแสงไฟพลันแสร้งยิ้มให้กลุ่มเพื่อนรักราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เปล่าสักหน่อยกูแค่แกล้งไอ้เตยเล่นแค่นั้นเอง”
ม่อนไหมตอบเพื่อนด้วยท่าทีลื่นไหลอย่างเป็นธรรมชาติก่อนที่เธอจะหันไปมองเตยหอมที่พูดโดยที่ไม่ออกเสียงแต่ม่อนไหมกลับจับใจความคำพูดได้ว่า
“แกล้งพ่องมึงสิ”
“พ่อกูตายไปนานแล้วจ้ะ”
คำโต้กลับที่ไร้เสียงของม่อนไหมทำให้เตยหอมได้แต่เบะปากด้วยความหมั่นไส้ก่อนที่สาวสวยจะยกแก้วเหล้าที่อยู่ตรงหน้าขึ้นกระดกรวดเดียวจนหมดแก้ว
“เห้ย เบาได้เบาเว้ยเตยเดี๋ยวก็เมาแอ๋หรอกจำไม่ได้ไงเวลาเมามึงเรื้อนแค่ไหน”
น้ำเสียงหยอกเย้าหลุดออกมาจากริมฝีปากสีไวน์ของชายหนุ่มที่มีใบหน้าคมคายนามว่าคินน์ทำให้เตยหอมได้แต่เบะปากทำหน้าไร้เดียงสาอย่างไม่รู้ไม่ชี้กับสิ่งที่เพื่อนเอ่ยแซว
“ว่าแต่วันนี้มึงทำตัวแปลกๆนะไอ้ม่อนมาเที่ยวผับทั้งทีใครเขานั่งแดกน้ำส้มกัน”
คนที่ดื่มหนักมากกว่าเพื่อนแต่ใบหน้ากลับไม่เปลี่ยนสีแถมยังพูดจาหยอกเย้าเพื่อนได้อย่างไม่สะทกสะท้านอย่างเจย์เอ่ยถามม่อนไหมพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆด้วยความขบขัน เมื่อเพื่อนเอาแต่ดื่มน้ำส้มคั้นซึ่งขัดกับบุคลิกที่ห้าวๆแมนๆของม่อนไหมเป็นอย่างมาก
“เปลี่ยนบรรยากาศไงดื่มเหล้ามากไปก็ไม่ดีเดี๋ยวโรคตับแข็งจะถามหากูก็เลยเปลี่ยนมาดื่มน้ำส้มคั้นบ้างวิตามินซีจะได้เข้าไปแทนที่แอลกอฮอล์ลิซึม”
ในยามที่ตอบกลับเพื่อนสีหน้าของเธอแฝงด้วยความภาคภูมิใจอย่างปิดไม่มิดในขณะที่เจย์รู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูกที่อยู่ๆสาวห้าวของกลุ่มอย่างม่อนไหมก็หันมาดื่มน้ำส้มคั้นเพราะว่ารักสุขภาพ
“อืม ก็ถูกของไอ้ม่อนมันนะที่ผ่านมากูนึกว่ามันจะแดกแต่เหล้าแทนข้าวซะอีก”
นายน์พูดขึ้นอย่างเห็นด้วยกับคำแก้ตัวข้างๆคูๆของม่อนไหมที่คิดหาเหตุผลด้วยความรวดเร็วเพื่อเอาตัวรอดจากความสงสัยของเพื่อนที่พากันจ้องหน้าเธออย่างกำลังจับผิด
“อูย ปวดฉี่ๆพวกมึงเดี๋ยวกูมานะ”
ยังไม่ทันที่จะมีใครได้พูดอะไรต่อม่อนไหมก็แกล้งปวดฉี่ขึ้นมาก่อนที่มือเรียวบางจะจับแขนของเตยหอมพร้อมกับฉุดกระชากเพื่อนให้ลุกขึ้นจากโซฟาตามเธอออกมาทันที ก่อนที่เธอจะโดนธีร์ซักฟอกจนขาวสะอาดเพื่อจับผิดเธอที่กำลังทำตัวน่าสงสัยเพราะปกติแล้วน้ำส้มคั้นคือเครื่องดื่มที่เธอไม่ชอบเอาซะเลยหลายครั้งเวลาที่ไปกินข้าวด้วยกันเธอมักจะสั่งน้ำแตงโมปั่นไม่ก็น้ำมะพร้าวปั่นมากกว่าที่จะมานั่งดื่มน้ำนางเอกอย่างน้ำส้มคั้น
“แล้วมึงจะลากกูออกมาด้วยทำไมเนี่ย”
เมื่อเดินออกมาไกลพอสมควรเตยหอมก็หันมาถามเพื่อนด้วยความสงสัยเพราะปกติแล้วเวลาที่ม่อนไหมอยากจะเข้าห้องน้ำเธอก็มักจะมาคนเดียวเสมอ แต่วันนี้ม่อนไหมกลับลากเธอมาด้วยจนกระทั่งตอนนี้ทั้งคู่มาหยุดยืนอยู่ตรงบริเวณทางเดินซึ่งไกลจากโต๊ะที่พวกเพื่อนๆนั่งอยู่พอสมควร
“แล้วกูจะทิ้งมึงไว้ให้ไอ้ธีร์มันซักจนมึงเผลอหลุดปากพูดออกไปหรือไง”
คำพูดของม่อนไหมทำให้เตยหอมได้แต่ส่งยิ้มแหยๆมาให้เพื่อนเพราะในกลุ่มของพวกเธอนั้นธีร์คือคนที่จับสังเกตุเพื่อนในกลุ่มเก่งที่สุดและมักจะต้อนเพื่อนด้วยคำพูดจนทำให้จนมุมและเผลอสารภาพออกมาจนหมดเปลือก แต่ก็แปลกที่มีเพียงม่อนไหมเท่านั้นที่ไม่เคยตกหลุมพลางของธีร์เลยผิดกับเธอที่แค่อ้าปากลิ้นไก่ก็โผล่ให้ธีร์จับผิดได้อย่างง่ายดาย
“แล้วหนีผัวมาเที่ยวแบบนี้สนุกมากไหม”
“มึงก็ถามแปลกๆนะเตยถ้าไม่สนุกกูคงกลับไปนานแล้ว”
คำพูดของม่อนไหมทำให้เตยหอมได้แต่กระพริบตาปริบๆด้วยความงุนงงก่อนที่สายตาของเธอจะเหลือบไปเห็นร่างสูงของรามสูรที่ยืนอยู่ข้างหลังม่อนไหม อยู่ๆเตยหอมก็สัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตอันน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงที่พุ่งเข้ามาสู่ตัวเธอนัยน์ตาดุดันที่มองมาทำให้เตยหอมเสียวสันหลังวาบอย่างบอกไม่ถูก
ในขณะที่ม่อนไหมชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเพื่อนของเธอไม่ได้ขยับปากเลยสักนิดแล้วคำถามนั้นที่เธอโพล่งตอบออกไปเป็นคำถามจากใครกันคิดมาถึงตรงนี้ความรู้สึกหวาดกลัวก็ทำให้แผ่นหลังของเธอมีเหงื่อซึมออกมาบางๆ ก่อนที่ม่อนไหมจะค่อยๆหันหน้าไปมองยังด้านหลังของเธอตามสายตาของเตยหอมที่กำลังจ้องมองผู้มาใหม่ตาไม่กระพริบ
“ฮะ เฮียราม”
เสียงที่เปล่งออกไปราวกับเสียงกระซิบหัวใจดวงน้อยพลันเต้นอย่างหวาดหวั่นเมื่อเธอกำลังเผชิญหน้ากับโทสะอันน่าตกใจของเขานัยน์ตาสีดำสนิทสงบนิ่งเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธกำลังจ้องมองมาที่เธอเขม็ง
“อ้อ ยังดีนะที่จำชื่อผัวได้ด้วยนึกว่าจะลืมไปแล้วซะอีก เพราะขนาดผัวคนนี้ย้ำหนักย้ำหนาว่าห้ามหนีออกมาเที่ยวแต่เมียคนดีของผัวก็ยังจะลืม”
ชายหนุ่มหรี่ตาพูดเบาๆด้วยน้ำเสียงที่หนาวเหน็บยิ่งกว่าสายลมในคืนเดือนแรมท่าทางเย็นเยือกดูแข็งกระด้างดวงตาสีดำสนิทที่มองเธอเป็นประกายวาวโรจน์อย่างน่ากลัว
“คะ คือ คือว่า”
“หนูม่อนอยากเปลี่ยนสถานที่ก็ไม่บอกจะว่าไปข้างนอกนี่ก็น่าตื่นเต้นดีนะ”
คำพูดของรามสูรทำให้เตยหอมอ้าปากค้างจนกรามแทบค้างในขณะที่ม่อนไหมค่อยๆถอยหลังเพื่อเตรียมจะเผ่นหนีไปจากตรงนี้แต่ช้ากว่ารามสูรที่รู้ทันทุกเสี้ยวความคิดของเธอ มือใหญ่ยื่นออกมากระชากร่างบอบบางหอมกรุ่นของม่อนไหมเข้ามาแนบชิดก่อนที่เขาจะก้มลงจูบปิดปากที่เตรียมจะร้องกรี๊ดของม่อนไหมเอาไว้ทันที
ปลายลิ้นเร่าร้อนสอดผ่านริมฝีปากเธอเข้าไปพันเกี่ยวลิ้นเล็กของเธออย่างไม่เกรงใจมือหนาพลันเคล้นคลึงสะโพกเธอเบาๆอุณหภูมิร้อนผ่าวของเขาแทบจะทำให้คนที่หลงใหลไปกับสัมผัสที่คุ้นเคยนั้นแทบหลอมละลาย เตยหอมมองภาพตรงหน้าด้วยความตกตะลึงพรึงเพริดใบหน้าเนียนสวยของสาวน้อยที่ไร้ซึ่งประสบการณ์ความรักขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอายเรียวขาที่เคยวิ่งหนีคู่อริด้วยความรวดเร็วพลันขยับไม่ไปก้าวไม่ออกอย่างไม่รู้สาเหตุ
จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ
ริมฝีปากร้อนผ่าวของรามสูรยังคงเชยชิมรสชาติหวานหอมกรุ่นของม่อนไหมอย่างพึงพอใจเนิ่นนานที่เขายึดครองปากเล็กเอาไว้คล้ายเป็นทั้งการลงโทษและตักตวง ก่อนที่วงแขนแข็งแรงจะช้อนร่างแบบบางขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด อารมณ์ขุ่นมัวก่อนหน้านี้ดีขึ้นมาทันทีไฟโทสะที่สุมมาพักใหญ่พลันสลายหายไปกว่าครึ่งเพียงแค่ได้สัมผัสกลีบปากที่หอมนุ่มละมุนของม่อนไหม
“เฮียขออนุญาตพาเมียไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”
รามสูรเงยหน้าขึ้นมาบอกสาวน้อยที่แก้มยังคงขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลก่อนที่เขาจะอุ้มม่อนไหมเดินจากไป ลับหลังหนุ่มสาวทั้งคู่แข้งขาของเตยหอมพลันอ่อนแรงทรุดฮวบนั่งลงบนพื้นทางเดินก่อนที่เธอจะยกมือขึ้นมาจับที่ตำแหน่งของหัวใจที่กำลังเต้นแรงด้วยความรู้สึกทั้งตื่นเต้น ตกใจระคนหวาดกลัวปะปนกันไปหมดจนแยกไม่ออกว่าตอนนี้เธอกำลังรู้สึกอย่างไรกันแน่
*