ชาวบ้านเริ่มวิจารย์สนุกปาก เมิ่งอี้ที่เพิ่งกลับมาถึงก็กำหมัดแน่น ไอ้ขี้โรคนั่นยังไม่ตายอีกหรือ
มีมันอยู่เขาก็ไม่มีทางได้เงยหน้า ที่สำนักศึกษาอาจารย์ชื่นชมแต่มัน ขนาดมันเข้าเรียนเมื่อสองปีก่อนเท่านั้น ตามหลังเขาตั้งสี่ปีแต่กลับสอบซิ่วไฉได้ อีกทั้งยังได้อันดับหนึ่งอีกด้วย เมิ่งหลงที่ตอนนี้ปวดหัวยิ่งนักถอนหายใจก่อนจะเอ่ยปาก
"พวกเจ้าเมื่อไหร่จะเลิกก่อปัญหา อาชวนป่วยก็ไม่ใส่ใจ ข้าแต่งภรรยามาให้เขาพวกเจ้าก็กลั่นแกล้งนาง อยากให้ข้าใช้กฎสกุลลงโทษหรือไม่ห๊ะ เมิ่งซูนเจ้ามันตัวดี อายุปูนนี้ไม่สั่งสอนบุตรหลาย ปล่อยให้ทำแต่เรื่องเลวๆ เมิ่งอี้บ้านเจ้าดีหนักหนา เข้าเรียนมาหกปียังสอบผ่านแค่ถงเซิ่ง วันนี้นอกจากคืนปิ่นปักผมให้นางแล้ว พวกเจ้าต้องจ่ายนางเป็นค่ายาอาชวนอีกสิบตำลึง"
สิ้นเสียงของหัวหน้าหมู่บ้าน แม่เฒ่าเมิ่งก็ร้องไห้ฟูมฟายทุบตีตบหน้าขาตนเองทันที
"เจ้าๆๆ นางแพศยาเจ้าอยากฆ่าข้าหรือ เจ้ามาเลยมาเอาชีวิตข้าเลย" เสิ่นเยียนฟางเห็นยายแก่เสแสร้งก็ไม่ยอมนางร้องกลับซ้ำยังร้องดังกว่าอีก
"ฮือๆๆๆ ท่านพี่ท่านมีญาติเช่นนี้ได้อย่าไร ฮือๆๆท่านหัวหน้าหมู่บ้านพวกเขาต้องการบีบให้พวกข้าผัวเมีมยตายจริงๆ เขาต้องการที่ดินขอดีๆก็ได้ ทำไมต้องวางแผนมากมายขนาดนี้ จนสามีข้าทรงตัวจะไม่อยู่แล้ว ฮือๆๆๆ ท่านแต่งข้ามาเพื่อฝังรวมเขาจริงๆใช่ๆหม ท่านโกหกเมิ่งหลงท่านเป็นคนหลอกลวงฮือๆๆๆๆๆ"
เมิ่งหลงหน้าดำเป็นก้นหม้อแล้ว เขาเป็นหัวหน้าหมู่บ้านต่อจากบิดามาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่ถูกด่าต่อหน้าคนมากมาย เมิ่งซุนตัวดีเจ้าทำให้เด็กมาถอนหงอกข้าหรือ
"เจ้าพวกเจ้า ชดใช้ให้นางสิบตำลึง ไม่เช่นนั้นลงโทษตามกฎตระกูลกับกฎหมู่บ้านหรือจะไปศาลาว่าการ"
เมิ่งอี้ที่ได้ยินรีบรีบมาทันที เขาจะสอบอยู่แล้วจะให้ชื่อเสียงตนด่างพร้อยไม่ได้เขาจึงกระซิบกับท่านปูท่านย่า
"ท่านปู่ท่านพ่อจ่ายเถอะขอรับ ข้าจะสอบแล้วชื่อเสียงจำเป็นนัก อีกอย่างข้ากำลังคบหากับบุตรสาวขุนนางท่านนึง ไม่อยากให้ชาวบ้านเอาไปนินทาเสียหายขอรับ นังอัปลักษณ์นี่ไว้แก้แค้นวันหลังก็ได้ รอข้าได้เป็นขุนนางก่อนเถอะขอรับ"
สุดท้ายก็จบที่เสิ่นเยี่ยนฟางได้เงินคืน และได้กำไรอีกสิบตำลึง เมิ่งอี้เกลียดนางเด็กนี่ สารรูปอัปปลักษณ์ น่าขยะแขยง คนอย่างเมิ่งหย่งชวนมีปัญญาได้สตรีรูปร่างเช่นนี้นับว่าวาสนามากแล้วเหอะ
เหตุการณ์วันนี้ทำให้ชาวบ้านรู้ว่าเด็กสาวกำพร้าคนนี้ที่จริงแล้วนางไม่ได้ยั่วยวนอาเขย แต่เป็นเพราะว่าอาสาวของนางไม่อยากเลี้ยงดูจึงกุเรื่องใส่ร้ายนาง
เสิ่นเยี่ยนฟางได้เงินมาสิบตำลึง อีกทั้งยังแอบถอดกำไลเงินกับปิ่นเงินของสะใภ้ใหญ่กับบุตรสาวของนางมาได้ วันนี้จะเอาไปขาย ขืนเก็นไว้ก็เป็นหลักฐานว่านางขโมยของผู้อื่นนะสิ
"นางตัวดี เรื่องวันนี้ไม่จบแค่นี้แน่ เจ้าอกตัญญูเนรคุณ เป็นสตรีหยาบคาย ข้าอยากรู้นักหากอาจารย์หรือบัณฑิตทั้งหลายรู้ว่า เมิ่งหย่งชวนมีภรรยาน่ารังเกียจ ทุบตีผู้อาวุโส จะยังมีใครอยากรับเขาเข้าเรียนหรือไม่"
เมิ่งอี้เกลียดนางผู้หญิงคนนี้ ทำให้เขาต้องเสียเงินจำนวนนั้น แต่จะทำอย่างไรได้ เขาใกล้สอบอีกครั้งชื่อเสียงจำเป็นยิ่งนัก พอชาวบ้านไปหมดแล้วก็กร่างใส่นางทันที เสิ่นเยี่ยนฟางมองหน้าเขาสลับกับคนสกุลเมิ่งที่นอนโอดโอยเพราะถูกนางเล่นงาน ก่อนจะเอ่ยเสียงเข้ม
"พวกเจ้าโกงเงินทองของพ่อแม่สามีข้า แอบใช้สิทธิ์ของเขาไปขายให้เศรษฐีที่ดิน เจ้าคิดหรือว่าเศรษฐีหมู่บ้านเล็กๆ คนนึงสามารถใช้ฝ่ามือปิดบังเรื่องเช่นนี้ได้ มาดูกันเมิ่งอี้ข้าจะร้องเรียนเรื่องนี้ต่อท่านเจ้าเมือง ข้าได้ยินมาว่าใต้เท้าหานเกลียดที่สุดคือพวกที่ซื้อขายตำแหน่ง และสิทธิ์การผ่อนผันต่างๆ เพื่อแลกกับเงิน เจ้าเป็นบัณฑิตการกระทำเช่นนี้ล้วนแต่นำมาซึ่งความเสื่อมเกียรติ เจ้าว่าใครกันแน่ที่จะถูกอาจารย์กับเหล่าบัณฑิตเหล่านั้นรังเกียจ"
เมิ่งอี้ขบกรามแน่น นางเด็กสารเลวนี่มีความรู้เพียงนี้เชียวหรือ ชายชราคนนึงที่ยืนมองเหตุการณ์มาตลอดและรู้สึกทึ่งในความสามารถของสตรีตรงหน้า นางมีความรู้เรื่องกฎหมายด้วยหรือ การแต่งตัวดุเหมือนคนไร้การสึกาทำไร่ไถนา แต่กลับเฉลียดฉลาดเช่นนี้ อีกอย่างเขาดูออกว่านางไม่ได้เสียใจจริงๆ การแสดงเหล่านี้ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก ก่อนจะเอ่ยปากทักทายเมิ่งอี้ที่เป็นบุรา
"เอ่อ คุณชายท่านนี้ ที่นี่คือหมู่บ้านสี่สิบลี้ใช่หรือไม่"
"ใช่ เจ้าเป็นใครมีธุระอะไรไม่เคยเห็นหน้าเจ้ามาก่อน คนแปลกหน้านี่ ข้ากำลังวุ่นวายเรื่องของตนเองอยู่ไม่เห็นหรืออย่างไร"
เมิ่งอี้สะบัดแขนเสื้อจากไป เขาไม่สนใจชายสูงวัยตรงหน้าสักนิดเลย สุยกว่างโจวแต่งตัวธรรมดา เสื้อผ้าไม่ได้ดีนักเหมือนชาวบ้านธรรมดาที่เพียงแค่เดินทางผ่านมาเท่านั้น ก้คงไม่แปลกใจที่บัณฑิตตรงหน้าจะดูถูกเขา สายตาตื้นเขินเสียเหลือเกินนะ มองคนภายนอก นี่สมกับเป็นบัณฑิตหรือไม่ เรียนอยู่ที่ใดกัน หากเป็นสำนักศึกษาของเขาล่ะก็คงไล่ออกแน่นอน เขาสอนคุณธรรมให้เหล่าบัณฑิต แต่คนผู้นี้วาจาไร้คุณธรรมยิ่งนัก ก่อนจะได้ยินเสียงหวานไพเราะเอ่ยขึ้น
"ท่านลุง ที่นี่หมู่บ้านสี่สิบลี้เจ้าค่ะ หากท่านมาหาญาติท่านต้องไปถามที่บ้านผู้นำหมู่บ้านนะเจ้าคะ"
"อ้อแม่นางน้อย ข้ามาหาบัณฑิตที่ชื่อเมิ่งหย่งชวนน่ะ เจ้ารู้จักหรือไม่เล่า หากรู้จักรบกวนบอกทางคนแก่เช่นข้าสักหน่อยเถอะ พอดีได้ยินว่าเขาป่วยเลยอยากมาเยี่ยมสักหน่อย เขาเรียนดีข้าเสียดายอยากรู้ว่าจะหายทันเข้าสอบฤดูกาลนี้หรือไม่"
"อ้อ อว่าผู้อาวุโสข้าเป็นภรรยาของเขาเองเจ้าค่ะ ว่าแต่ท่านคือ.........."
"อ้อข้าแซ่สุย เป็นอาจารย์ที่สำนักศึกษาที่เขากำลังจะย้ายไปเรียนก่อนที่จะป่วยน่ะ"
"อ้อ เชิญทางนี้เจ้าค่ะ แต่ว่าเอ่อ พวกเราเพิ่งถูกไล่ เอ้ยเพิ่งแยกบ้านอาจไม่สะดวกต้อนรับ เกรงว่าท่านจะรังเกียจ"
"ไม่เป็นไร้ ฮูหยินเมิ่งท่านนำทางเถอะ"
เสิ่นเยี่ยนฟางเดินนำหน้าชายชราไปยังท้ายหมู่บ้าน ก่อนจะเปิดประตูรั้วที่โย้เย้เต็มที เมิ่งลู่เจินเห็นพี่สะใภ้กลับมาอย่างปลอดภัยก็วิ่งเข่ามากอดร้องไห้สะอื้น จนไม่ทันเห็นว่ามีคนเดินตามนางมาด้วย
"พี่สะใภ้ใหญ่ ฮือๆๆ ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ขอรับ ข้าจะตามไปแต่พี่ใหญ่เกรงว่าข้าจะถูกทำร้ายอีก พี่ใหญ่ไอหนักมากเลยขอรับ"
"เด็กโง่ นี่พี่ยังดีอยู่ใช่หรือไม่ พี่สะใภ้แย่งปิ่นเงินมารดาของพี่คืนมาได้แล้ว อดทนอีกหน่อยนะข้าจะแย่งที่ดินของบิดาเจ้าคืนมาให้ อ้อ นี่เป็นอาจารย์จากสำนักศึกษามาเยี่ยมพี่ชายเจ้า"
เมิ่งลู่เจินคำนับเขา ก่อนจะเข้าไปในบ้านเพื่อบอกแก่พี่ชาย เมิ่งหย่งชวนพยุงตัวเองลุกขึ้นมา เขาไม่ได้ป่วยจริงๆ แต่ต้องเสแสร้งเพื่อไม่ให้ถูกจับตามากเกินไป
สุยกว่างโจวมองคนตรงหน้าอย่างค้นหา เขาเป็นนักเรียนที่เก่งกาจมากนัก เสียดายที่ไม่สามารถเข้าสอบได้ ก่อนจะเอ่ยทักทายกัน
"ศิษย์ เมิ่งหย่งชวนคาราวะอาจารย์สุยขอรับ "
"อืม เจ้านอนลงเถอะอย่าฝืนเลย ข้าแค่มาเยี่ยม บัณฑิตข้าเจอที่กลางหมู่บ้านเจ้ารู้จักหรือไม่"
"ผู้ใดหรือขอรับ เอ่อ ภรรยาเจ้ารู้จักหรือไม่"
เมิ่งหย่งชวนเรียกเสิ่นเยี่ยนฟางมาถาม นางกำลังเซ็งกับชีวิตใหม่ที่ไร้เทคโนโลยี ก่อนจะถอนหายใจแล้วเดินเข้ามา
"เป็นน้องชายท่านเมิ่งอี้น่ะเจ้าค่ะท่านพี่"
"อ้อ เขาไม่ได้เรียนที่สำนักศึกษาของข้าหรือ เหตุใดจึงไม่เคยเจอหน้า"
"เรียนขอรับ แต่อยู่ชั้นล่างเขาเพิ่งสอบได้ถงเซิ่งเมื่อไม่นาน กำลังจะขึ้นชั้นกลางขอรับ ว่าแต่อาจารย์อุตส่าห์มาเยี่ยมวันนี้ข้าไม่สะดวกต้อนรับหลายอย่าง ขอท่านอย่ารังเกียจนะขอรับ"
"ไม่เป็นไร เสียดายเจ้า อุตส่าห์ไปร่ำเรียนถึงเมืองหลวงได้เกือบปี กลับไม่ได้ร่วมสอบเสียดายโอกาศยิ่งนัก อืมนี่เป็นของบำรุง ข้าได้ยยินว่าเจ้าป่วย อีกอย่างอย่าหาว่าข้าดูถูกเจ้าเลยนะ นี่เป็นเงินยี่สิบตำลึง เอาไปหาหมอรักษาตัวเองให้หาย สอบได้แล้วมีเงินเดือนค่อยมาคืนข้า”