‘ผมอยากไปทำงานที่เดอะเพรส...ตีช่วยผมหน่อยสิ’
เขาสอดมือกอดเอวภารตี พร้อมกับร้องขอเสียงหวานฉ่ำ
หญิงสาวทำหน้ายับ ‘ที่เดอะเพรสต้องถามน้าสิงห์ค่ะ ตีไม่สามารถจริงๆ แต่โปรไฟล์แบบคุณรบไม่น่าจะกลัว ลองส่งเรโซเม่ไปสิคะ ตีจะกระซิบบอกคุณแม่ไว้ให้’ หล่อนตอบซึ่งไม่ใช่ความต้องการของเขา ไอ้บริษัทเฮงซวยนั่นตอบปฏิเสธเขามาตั้งแต่หลายเดือนก่อน ทั้งที่ตอนนั้นเขากำลังคบหาดูใจกับภารตีอยู่แท้ๆ
‘ตีช่วยผมไม่ได้เลยเหรอ ผมเป็นหลานเขยนะ น้าคุณยังจะให้ทำตามขั้นตอนอีกเหรอไง ไม่มีสิทธิ์พิเศษในฐานะคนในบ้างเชียวหรือ?’
ชายหนุ่มดึงมือกลับ เขาปั้นหน้าเคร่ง
‘ที่นั่นคืออาณาจักรของน้าสิงห์ค่ะ น้าสิงห์ไม่ชอบเด็กเส้น’
นรสิงห์เป็นคนตรงเขาไม่ชอบเส้นสาย ขนาดญาติพี่น้องยังต้องใช้ความสามารถตัวเอง ไอ้อย่างจะไปกินตำแหน่งใหญ่ๆ เลย นรสิงห์ไม่สนับสนุน ต้องใช้ฝีมือวัด
‘ตีช่วยนี่ไงคะ เข้าทางคุณแม่นะดีสุด...หากเข้าทางน้าสิงห์เลย คุณโดนกาหัวกระดาษไปแล้ว’
ภารตียิ้มหวาน เธอเชื่อว่าฝีระดับนักรบ น่าจะผ่านด่านแรกได้ แต่ที่เธอไม่รู้คือ เขาถูกเขี่ยทิ้งตั้งแต่หลายเดือนก่อนด้วยฝีมือนรสิงห์
‘คิดดูนะตีหากผมไปทำงานที่อื่น มันจะมีคำถามตามมา ผมไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเดอะเพรสเหรอครับ?’
ชายหนุ่มปั้นหน้าเคร่ง เขายกวงสังคมขึ้นมาอ้างและนั่นคือสิ่งที่เขาต้องตอบ...ดังนั้นไม่ว่าจะยังไง เขาต้องเข้าไปเหยียบเดอะเพรสให้ได้ เพื่อเหยียบหน้าคุณน้าวัยหนุ่มของภารตี เมื่อเขาเขี่ยเรโซเม่ของหนุ่มนักเรียนนอกทิ้ง...เป็นการดูถูกแบบร้ายแรงที่สุด!! ซึ่งนักรบยอมไม่ได้
นั่นคือเหตุการณ์ก่อนที่จะเตลิดออกมาจากห้องและมาเจอบุษบันเข้า
“คุณรบ...ตีขอคุณแม่ให้แล้วนะคะ กลับจากฮันนีมูน ตีจะพาคุณรบไปทำงานที่เดอะเพรสเอง”
ภารตีผวาเข้ามากอดเอวชายหนุ่ม เธอซบหน้ากับแผงอกสามี กระซิบเสียงสั่นเมื่อชายหนุ่มนิ่งเฉยจนหล่อนใจไม่ดี
มือแข็งแรงยกดันหัวไหล่ เขามองสบนัยน์ตาฉ่ำน้ำตาพร้อมกับยิ้มหวาน
“ผมจะไม่ทำให้ตีกับคุณแม่ผิดหวัง เพราะยังไงเสียเดอะเพรสก็เป็นกิจการในครอบครัวของคุณ เหมือนกับไชยยะนันของผม”
“ตีรู้ค่ะ คุณรบน่ะเป็นคนเก่ง น้าสิงห์ต้องเห็นความสามารถคุณรบแน่ๆ ค่ะ”
ภารตียิ้มหวานเธอยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาป้อยๆ เมื่อความบาดหมางคลี่คลายไปในทางที่ดี แต่มันคงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายเมื่อครั้งแรกนักรบใช้วิธีนี้ได้ผล ครั้งต่อไปคงได้ตามมาเร็วๆ นี้แน่
“ผมทำทุกอย่างเพราะผมรักตี” ชายหนุ่มเติมความมั่นใจให้หญิงสาวด้วยคำลวงอีกชั้น
“ตีก็รักคุณค่ะ รักคุณมาก จนยอมไม่ได้...หากใครจะมาแย่งคุณไป” ดวงตาภารตีลุกวาบ เมื่อนึกถึงเงาของบุษบัน
“ตีต้องไว้ใจผมสิครับ...ผู้หญิงอย่างบุษไม่มีค่า เทียบกับตีไม่ได้สักกะผีก” ชายหนุ่มย้ำ เขาแอบเบ้ปาก หากไม่เพราะครอบครัวกำลังย่ำแย่ ผู้หญิงเอาแต่ใจวายร้ายอย่างภารตี เขาจะอยู่ให้ห่างที่สุดเช่นกัน เมื่อนักรบขี้เกียจปั้นหน้าทำเป็นว่ารักหล่อนหนักหนา ทั้งที่เขาเอือมหล่อนจะแย่
“ตีไว้ใจคุณรบค่ะ แต่ตีไม่ไว้ใจอีนั่น!!”
หญิงสาวตอบ เธอไม่เคยไว้ใจบุษบัน หล่อนดูอยาก...ผู้หญิงคนนั้นน่าจะเป็นตัวอันตรายสำหรับเธอ...
นักรบแอบเบ้ปาก เวลาที่ภารตีหวานหล่อนช่างแสนน่ารัก แต่เวลาหยาบขึ้นมา เขาก็สุดจะทน หล่อนมีพื้นฐานครอบครัวที่ดี แต่ทำไมนิสัยของหล่อนไม่ต่างอะไรกับแม่ค้าในตลาดสด ภารตีเหวี่ยงแบบแม่ค้าข้างถนน ดีนะว่าหล่อนกระเป๋าตุง ไม่อย่างนั้นเขาเฉดหัวหล่อนส่งไปนานแล้ว
“พรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวกัน แต่ผม...เอ่อ...”
นักรบแสร้งทำเป็นกระอึกกระอัก และภารตีก็กระโจนใส่เหมือนที่เขาคาดไว้
“มีอะไรหรือเปล่าคะ ให้ตีช่วยแบ่งเบาคุณรบได้มั้ยคะ ยังไงเราก็เป็นคนๆ เดียวกันแล้ว” ผู้หญิงมักจะโง่เมื่อความรักบังตา เหมือนเช่นภารตีตอนนี้
“ผมจะไปสนุก แต่คุณแม่กับคุณพ่อกำลังทุกข์!!”
“เรื่องอะไรคะ... คุณพ่อ คุณแม่ไม่สบายใจเรื่องอะไร? ให้ตีช่วยได้ไหม?”
นับรบแอบอมยิ้ม งานนี้ภารตีช่วยได้แน่ เพราะมันเกี่ยวพันกับสตางค์ในกระเป๋าหล่อน
“เห้อ!!” เขาแสร้งถอนใจ หมุนตัวเดินไปนั่งที่ขอบเตียงพร้อมกับการปั้นหน้าเศร้า ละครโรงใหญ่ที่จะเป็นสะพานฉกสตางค์ในกระเป๋าภารตี “เงินที่ผมไปเรียน พ่อกับแม่กู้ยืมคนอื่นมา” นี่คือเรื่องจริง แต่จำนวนเงินไม่ได้มากมายเท่าที่เขาจะร้องขอจากภารตี เพื่อตอบแทนบิดามารดา
“ค่ะ แล้วไงคะ?”
“เจ้าหนี้เป็นลูกน้องเก่าคุณพ่อ เวลานี้เขากำลังร้อนเงิน แต่ทางผมสิ ไม่รู้จะไปหาที่ไหนมาคืน ความจริงผมตั้งใจไว้ เงินก้อนนี้ผมจะชดใช้เอง แต่เวลานี้ผมยังไม่มีงานทำ แล้วผมจะเอาเงินที่ไหนไปให้เขาล่ะครับ”
นับตั้งแต่เรียนจบ นักรบเปลี่ยนงานเป็นสิบครั้ง เขาอ้างถึงความไม่ยุติธรรมขององค์กรนั้นๆ แต่ความจริง เขาไม่สู้งาน
“โธ่!! เรื่องแค่นี้เองให้ตีช่วยเถอะค่ะ คุณพ่อจะได้สบายใจ เท่าไหร่คะ? ตีจะจ่ายให้เอง...”
ภารตีรีบเสนอตัว เธอใจป้ำเสมอ เมื่อผู้ชายที่ยืนตรงหน้าคือ...สามี...
“5แสน...” 5แสนสำหรับงวดแรก นั่นคือสิ่งที่นักรบคิด
ภารตียิ้มหวาน เธอเดินไปหยิบสมุดเช็คจากกระเป๋าสะพาย...ตวัดปากกาเซ็นชื่อ ก่อนจะฉีกเช็คส่งให้นับรบพร้อมกับยิ้มแฉ่ง... “แค่นี้เอง...”
“ตี...คุณเป็นเหมือนนางฟ้าของผม ในวันแรกที่ผมสบตาคุณ ผมก็หลงรักคุณเลย...”
ชายหนุ่มหยิบกระดาษชิ้นน้อยใส่ไว้ในซอกกระเป๋ากางเกง เขาพรรณนาความรู้สึกในใจให้หล่อนฟัง แต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่นักรบคิด ใช่เขาหลงรักหล่อนเลย แต่หาใช่ตัวตนของภารตี เขาหลงรักสตางค์ในกระเป๋าของหล่อนต่างหาก เมื่อหล่อนสืบสายมาจาก ‘กษิดิศชญาธร’ ตระกูลใหญ่ที่เป็นเศรษฐีของจริง
“ตีให้คุณรบได้ทุกอย่างค่ะ ขออย่างเดียว ให้ซื่อสัตย์กับตี”
หญิงสาวกล่าวเสียงเย็น หากเธอรัก เธอยอมได้ทุกสิ่ง แต่หากความรักทำพิษ คนของเธอไม่ซื่อสัตย์ เธอก็พร้อมที่จะกำจัดเขาทิ้งเช่นกัน...
มันน่าจะเป็นความสงบสุข...หลังวันมหาวิปโยคผ่านพ้นไป วันนี้บุษบันเข้มแข็งขึ้น เงาของนักรบไม่ได้ทำให้น้ำตาเธอตกเหมือนเก่า เพราะเธอเริ่มทำใจได้...เมื่อรู้ชัดอย่างแท้จริง ผู้ชายคนนั้นต้องการแค่ร่างกายของเธอ เพื่อสนองความต้องการของเขา
ตื้ดๆ
เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวของเธอ...ดังเตือน...บุษบันล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงหยิบออกมากดรับ
“นึกยังไงคะโทร. หาบุษวันนี้?”
ปลายสายคือคนที่บุษบันรักไม่ต่างจากมารดา สายสมรคือพี่สาวมารดา คุณป้าที่ส่งเสริม สนับสนุนให้เธอมีวันนี้ได้ เงินเดือนของสายสมรคือค่าเล่าเรียนของเธอ
“บุษ...ป้า...เอ่อ...” สาวใหญ่พูดติดๆ ขัดๆ เธอมีเรื่องร้อนใจ และอยากให้หลานสาวช่วย
“ป้ามีอะไรไม่สบายใจ...บอกบุษได้เลยค่ะ”
“บุษ ก็อย่างที่ป้าเคยเล่าให้ฟัง...ป้าเอาที่ไปจำนองไว้ และป้าขาดส่งมานานหลายปีแล้วด้วย เจ้าหนี้เขาก็จ้องจะยึด แต่ป้าไม่อยากเสียที่ผืนนั้นไป... มันเป็นมรดกที่ป้าคิดจะยกให้บุษ...ที่สำคัญ มันจะเดือดร้อนถึงพ่อแม่บุษด้วยนะ เมื่อมันเป็นที่ผืนเดียวกัน”
ที่ดินที่เป็นมรดกพกห่อ บิดา มารดาของเธอใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่ที่นั่น ใช้ที่ดินทั้งหมดทำการเกษตร และหากถูกยึดจริง...คงเหลือเนื้อที่ไม่เท่าไหร่ แค่ทุกวันนี้ยังไม่ใคร่จะพอกินพอใช้...
“บุษช่วยอะไรบ้างได้คะ?”
“บุษช่วยได้เลยล่ะ เพราะเจ้าหนี้ของป้าเขามีข้อเสนอมา เขาอยากดองกับเรา แล้วจะยกหนี้ทั้งหมดให้เป็นค่าสินสอด”
“คะ” หญิงสาวยกมือขยี้หู เธอไม่อยากเชื่อสิ่งที่ป้าพูด
“กำนันเหมนะเขามีลูกชายแค่คนเดียว...หากบุษตกลงกับเขาได้ เราไม่ต้องเสียที่ แถมบุษยังเป็นลูกสะใภ้คนดังเชียวนา”