“คุณบุษไม่ต้องยิ้มก็ได้ครับ...ผมทายได้เลยครับ 9ใน 10 คน ต้องมีคนแอบชอบคุณบุษเกิน5”
หากวัดจากหน้าตายามแรกพบ บุษบันได้คะแนน6 ใน 10 เพราะหล่อนไม่ได้สวยเด่นสะดุดตา แต่หากคุ้นเคยมากขึ้น 10 คะแนนที่ว่ายังน้อยไป...เนื่องจาก...หากจับบุษบันแต่งตัวเต็ม สายสะพายของตำแหน่งอันทรงเกียรตินั่น หล่อนคว้าไปครองได้แบบลอยลำ
“9ใน10 ที่คุณหิรัญว่า คงเป็นคนตาบอด หรือไม่ก็สมองไม่เต็ม”
หญิงสาวตอบกลับพร้อมกับยิ้มกว้างมากขึ้น...
“อย่าดูถูกตัวเองครับ...ขนาดผมตัวดำๆ แบบนี้ สาวๆ ยังรุมตอมให้ตรึม...”
“เป็นกองขี้หมางั้ย...แมลงวันถึงบินตอมกันหึ่ง!!”
แพรวนราทรุดนั่งลงข้างๆ บุษบัน หล่อนยอมเสียมารยาท เพราะเพื่อนรักคุยกับคนแปลกหน้านานเกินจำเป็น และทันได้ยินคำคุยของคนตัวใหญ่ปานยักษ์เข้าพอดี
“แพรว!!”
บุษบันหันมาฟาดเพี้ยะที่แขนงามเสลา เธอกระซิบเอ็ดเบาๆ
“ก็จริงนี่บุษ คนอะไรมีแมลงวันตอม คงเน่าใน”
ผู้หญิงฉบับกระเป๋ายังไม่หยุดแขวะ ไม่รู้เป็นอะไรสิเล่า เธอไม่ชอบลูกกะตาวาวๆ ของหมอนั่นเลย มองสบตาทีไร มันคันยิบๆ ในหัวใจทุกที
“บุษขอโทษแทนแพรวด้วยนะคะที่เสียมารยาท”
หญิงสาวรีบกล่าวเสียงอ่อย
“แกขอโทษทำไม ฉันเข้ามาแทรกเอง ให้เขาว่าฉันสิบุษ”
“ไม่เป็นไรครับผมไม่ถือ ดีเสียอีกจะได้รู้จักกันไว้เสียเลย ผมหิรัญครับ คุณ...”
หนุ่มลานมันอมยิ้ม ดวงตาของเขาวิบวับ เมื่อเผลอมองใบหน้าเล็กๆ ที่ยับยู่ยี่ของแพรวนรา “แพรว แพรวนรา แต่ฉันไม่ยักกับอยากรู้จักกับคุณ!!”
ไมตรีที่ถูกส่งมา ถูกสาวเจ้าปัดจนกระเด็น
“ยัยแพรว...เดี๋ยวเถอะ!!”
บุษบันหยิกหมับที่ช่วงเอวของเพื่อนรัก เธอแปลกใจที่มนุษย์น้ำแข็งอย่างแพรวนราตั้งป้อมรังเกียจคนแปลกหน้าแบบไม่มีสาเหตุ หากเป็น ‘เขา’ คนนั้นเธอจะไม่แปลกใจเลย เมื่อนรสิงห์แสดงออกแบบเปิดเผย เขาไม่ชอบขี้หน้าเธอ แต่กลับผู้ชายคนนั้น แพรนรากลับพูดคุยสนิทสนมด้วย ทำไมกับคนที่ดูดีอย่างหิรัญ เพื่อนของเธอถึงออกตัวแรงจัง
“เจ็บอะ!!”
สาวตัวเล็กร้องโอดโอย แต่ก็ไม่ได้สลดลงอย่างที่บุษบันคิด
“คุณแพรวเธอเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นคนร้ายน่ะครับ”
“แหงล่ะ...หน้าอย่างกับโจรใครจะไปไว้ใจล่ะ” แพรวนราตอบฉับ แถมแอบแลบลิ้นปลิ้นตาให้หิรัญด้วย
บุษบันโครงศีรษะ เธออมยิ้มกับความเจ้าแง่ของเพื่อนสาว มันแปลกๆ จนอดคิดเล่นๆ ไม่ได้ แพรวนรามีพื้นฐานนิสัยร่าเริงน่ารัก เข้ากับคนแปลกหน้าได้ง่าย แล้วทำไม ถึงตั้งป้อมรังเกียจหิรัญ ตั้งท่าเป็นศัตรู แบบไม่ยอมลดราวาศอกให้ หากจับคนทั้งคู่ มา รัก กัน คนน่ารักพิลึก
หนุ่มตัวใหญ่ กับสาวไซส์มินิ คงเป็นคู่รักที่น่ารักกุ๊กกิ้ก อย่าบอกใคร...
“ผมหน้าแบบนี้ แต่เวลาผมมุ้งมิ้ง สาวๆ ก็มักจะชอบนะครับ”
หนุ่มลานมันตอบกลับ เขาไม่ถือสา แม้แพรวนราจะตั้งท่าชิงชัง กลับเห็นว่าหล่อนน่ารักเสียนี่
“ใครถาม...” สาวตัวเล็กตวัดตามอง ย้อนกลับเสียงห้วน
“อยากบอก...” และอีกเช่นกัน หนุ่มลานมันตัวดำ ตอบกลับพร้อมกับยิ้มแป้น
“พอเลยแพรว...ไปอยู่ที่เคาน์เตอร์เลย ขอบุษคุยกับคุณหิรัญก่อน ส่วนตัวนะ... เข้าใจมั้ย!!”
บุษบันตัดบท เพราะดูแล้วคงยืดเยื้อ เพราะคนอย่างแพรวนรา ไม่เคยยอมใคร
“10นาทีไม่เกินนั้นนะบุษ ไม่อย่างนั้นแพรวจะมาป่วนอีก”
หญิงสาวจิปาก!! ก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อน เธอยันกายลุกขึ้นยืน เดินลงน้ำหนักที่ส้นเท้า เพื่อให้คู่ปรับรู้ว่า...ตนเองไม่ได้ถอย แค่ไม่อยากขัดคอเพื่อน
“ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าคุณบุษกับคุณแพรวเป็นเพื่อนกัน ผมอาจจะคิดตามแบบผู้ชายว่าเพื่อนคุณแอบชอบคุณแน่ๆ”
หิรัญออกความเห็นในมุมมองของเขา แพรวนราทำท่า หวง เพื่อน มากเกินไปสักหน่อย
“แพรวแค่เป็นห่วงบุษน่ะค่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
หญิงสาวตอบใบหน้าเปื้อนยิ้ม นอกจากครอบครัวตนเองแล้ว อีกคนหนึ่งที่รักเธอ ก็เป็นแพรวนรานี่ล่ะ
“เข้าเรื่องของเราเลยดีกว่าครับ...เดี๋ยวหมดเวลาเสียก่อน” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับอมยิ้ม เขามองเลยไปยังหญิงสาวตัวเล็กที่ยืนหน้ายับอยู่ไม่ไกล
“ค่ะ...บุษเกรงใจคุณ เกรงใจลุงกำนันด้วย”
หญิงสาวตอบเสียงอ่อยๆ เธอเป็นฝ่ายของลูกหนี้ แต่คนเป็นเจ้าหนี้ต้องถ่อสังขารมาหาถึงที่
“พ่อเคี่ยวเข็ญผมนานแล้วครับ แต่ผมไม่มีเวลาเลย ที่มาครั้งนี้...เลยถือโอกาสเที่ยวไปด้วย” วันว่างของหิรัญแทบจะไม่มี เขายุ่งวุ่นวายกับปัญหาของลูกบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปากท้อง หรือการขายผลผลิต ครอบครัวเกศไพศาลไม่เคยเอาเปรียบลูกบ้าน ไม่เคยค้ากำไรเกินควร ดังนั้นกิจการลานมันของกำนันเหม จึงมีบรรดาชาวไร่ชาวสวนขนสินค้ามาขายให้ จนทำให้หิรัญต้องเร่งหาที่รองรับ จนเขาไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะหาคนรู้ใจสักคน ร้อนใจถึงกำนันเหมที่อยากมีลูกสะใภ้ อยากอุ้มหลานตามประสาคนแก่ สาวๆ ที่อยู่รอบตัวก็ไม่ผ่านสายตาเรดาห์ของกำนันสักคน เมื่อแต่ละนางหวังสบาย มากกว่าที่จะยืนเคียงบ่าเคียงไหลสามี จนกระทั่ง...กำนันเหมได้พบเจอกับบุษบันโดยบังเอิญ ท่านติดใจ ตามสืบข่าว และเป็นที่มาของการเจรจาทาบทาม เมื่อคุณสมบัติของหญิงสาวผ่านความต้องการของกำนัน เรื่องสมบัติพัสถานกำนันเหมไม่เคยสน เมื่อตนเองมีมากพอที่จะเลี้ยงดูคนใต้บัญชา ร่วมทั้งคนที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวด้วย มีแค่ข้อแม้เดียว คือต้องเป็นคนทำงาน เป็นคนซื่อสัตย์ รวย จนกำนันเหมไม่เกี่ยง
“ผมเห็นด้วยกับความคิดของพ่อกำนันนะครับ เราลองศึกษากันดูก่อนก็ได้ ผมไม่ได้เร่งลัดอะไรคุณบุษ ส่วนเรื่องหนี้ หากเราตกลงกันได้ ก็ตามที่พ่อกำนันเกริ่นไว้ หรืออีกอย่างหนึ่ง ช่วยยืดระยะเวลาให้ฝ่ายคุณบุษด้วย หากมีช่องทางโดยที่เราสองคนไม่ได้ลงเอยกัน คุณบุษจะได้เป็นอิสระ”
บุษบันเห็นด้วยกับความคิดของหิรัญ อย่างน้อยเธอก็มีเวลาเพิ่มขึ้น เพื่อหาสตางค์มาไถ่ถอนที่ดินของตัวเอง แม้จะต้องฝืนใจดูใจกับชายหนุ่ม เมื่อความรู้สึกพิเศษแบบนั้น สำหรับหิรัญแล้ว...แทบจะไม่มี
หิรัญขอตัวกลับไปพัก เขาไม่ได้พักที่รีสอร์ตรินลดา เนื่องจากชายหนุ่มจองโรงแรมไว้ล่วงหน้า โดยที่ทั้งสองคนมีเวลาศึกษานิสัยกัน2อาทิตย์
“ตานั่นกลับแล้วเหรอบุษ?” แพรวนราเรียบๆ เคียงๆ เข้ามาถาม หลังชายหนุ่มเดินออกไปจากร้านอาหารของรีสอร์ต หลังกินกาแฟไปแค่แก้วเดียว
“อืม...” หญิงสาวพยักหน้ารับ เธอกำลังสาละวนทำงานที่ค้างไว้ต่อ
“แล้ว...ตกลงอะไรกันได้บ้างล่ะ”
“คุณหิรัญเขาเสนอมา ให้ลองคบกันดูก่อน ไม่ไหวยังไงค่อยว่ากันต่อ”
“ฉันให้แกยืมก็ไม่เอา จะได้ไม่ต้องไปวุ่นวายกับเขา ฉันรู้นะบุษ แกไม่ได้ปิ๊งหมอนั่นหร๊อก”
คบกันมานานหลายปี มีหรือแพรวนราจะไม่รู้รสนิยมของบุษบัน เพื่อนของเธอชอบผู้ชายที่ดูอบอุ่น เป็นผู้ใหญ่ เนี๊ยบทั้งการแต่งตัว และการวางตัว ไม่ใช่หนุ่มลูกทุ่งยิ้มง่ายแบบหมอนั่น
“ทุกครั้งที่ฉันเดือดร้อน แกก็เป็นคนช่วย จนฉันเกรงใจอะ ครั้งนี้ข้อฉันแก้ปัญหาเองนะแพรว...เพราะเงินมันไม่ใช่น้อยๆ เลย”
5แสนสำหรับแพรวนราอาจจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่บริษัทของเพื่อนกำลังอยู่ในช่วงหมุนเงิน หากเธอหยิบยืมมา เงินมันจะจมเสียเปล่า เมื่อบุษบันก็ไม่แน่ใจ ว่าตนเองจะหามาคืนเพื่อนได้ตอนไหน
“ตามใจ...ฉันแค่ห่วง”
“ฉันรู้!!”
สองสาวที่สนิทสนมกันเกินกว่าเพื่อน บุษบันรักแพรวนราไม่ต่างอะไรกับพี่น้อง และแพรวนราก็เช่นกัน ความหวังดีนั่น ทำให้คนทั้งคู่มักจะถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ จากคนรอบข้าง
1อาทิตย์สำหรับการฮันนีมูน เป็นความสุขใจของภารตี เธอพานักรบท่องแดนในฝันโซนยุโรปจนปุ จบทริปแสนหวานด้วยท้องทะเลที่มัลดีฟส์ สวนสวรรค์ของคู่รักโดยที่เธอเป็นคนควักกระเป๋าจ่ายทุกรายการ นักรบทำแค่ยิ้มหล่อ ทำตัวเป็นสามีทีดีของเธอก็พอ