เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วสำหรับค่ำคืนอันแสนจะทรมาน
หลินหลินยังคงนั่งถ่างตาคอยเมียงมองหยางหยางของเธออย่างนึกหวาดระแวงและหวาดหวั่น
แต่มาดเรียบนิ่งอย่างผู้ทรงอำนาจและเคร่งขรึมของเขาก็ทำเอาหลินหลินถึงกับอดใจไม่ได้ที่จะมองเขาอย่างชื่นชมเช่นกัน
ถ้าเธอจะหาแฟนเป็นจริงเป็นจังสักคน เธอขอให้ได้อย่างนี้เถอะ สาธุ!
หลินหลินขอพรให้ตัวเองพลางนั่งจ้องมองใบหน้าอันหล่อเหลาและหุ่นสูงโปร่งกำยำสง่างามของชายหนุ่มจากยุคจีนโบราณอย่างเหม่อลอย
เวลาผ่านไปอีกพักใหญ่
หลินหลินที่เริ่มจะสัปหงก จึงสะบัดศีรษะเพียงนิดก่อนกระพริบตาปริบๆไล่ความง่วงงุนให้ออกไป
ตอนนี้เธอเริ่มหงุดหงิดซะจริง
"หยางหยาง" หลินหลินเริ่มหาเรื่องหาบทสนทนาเพื่อไม่ให้ตนเองเผลอหลับไป "เรามาคุยกัน"
ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าหยางหยางเพียงกระพริบตาสองครั้งด้วยมาดนิ่งๆดังเดิม
เขาคงยังไม่ชินกับชื่อเรียกนั่นที่หลินหลินมอบให้
"ว่ามา" หยางหยางของหลินหลินเอ่ยขึ้นสั้นๆ แค่นั้น
ช่างเป็นการต่อบทสนทนาที่เยี่ยมมาก หลินหลินคิด
"คือ...ระหว่างที่ท่านยังไม่สามารถหาทางกลับไปยังที่ที่ท่านจากมา..และ..ถ้าหากท่านจะต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน...ข้าคิดว่าเราควรจะต้องทำข้อตกลง" หลินหลินเริ่มต้นประโยคด้วยใจคิดว่าควรทำให้เคลียร์ ไม่อย่างนั้นเธอคงอกแตกตายแน่ๆ
"ข้าจะรีบหาวิธีกลับไป" หยางหยางตอบคำ
มันไม่ใช่คำตอบที่เธอต้องการ
หลินหลินเถียงในใจก่อนเอ่ย
"ก็แล้วถ้ายังไม่ได้กลับไปง่ายๆ ล่ะ ฉันนั่งถ่างตาอย่างนี้ อย่างหวาดระแวงแบบนี้ ไม่ไหวหรอกนะ งานการฉันก็ต้องทำ ปัญหาแต่ละวันน้อยซะที่ไหน ปกติฉันไม่ใช่คนใจดีหรอกนะ นี่เห็นว่าเป็นเจ้าที่นะ ถึงทำดีด้วยเนี่ย"
ชายหนุ่มเพียงรับฟังประโยคนั้นของหลินหลิน เขาเพียงรับฟังนิ่งๆด้วยมาดน่าหวาดหวั่นดังเดิม หญิงสาวจึงชะงักไป
เขาจะโกรธรึเปล่า คงไม่มาบีบคอกันหรอกนะ
พูดผิดหูนิดเดียวต้องแผ่รังสีสังหารออกมาด้วย เฮ่อ!
"เจ้าต้องการให้ข้าทำเช่นไร" ชายหนุ่มเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก
ดวงตาคมดำยังคงจับนิ่งที่หลินหลินอย่างต้องการคำตอบที่ชัดเจน
"ก็...." หลินหลินเห็นท่าทางน่าเกรงขามนั่นแต่ก็ยังคงทำใจดีสู้เสือก่อนเอ่ย "ห้ามล่วงเกิน ห้ามลวนลาม ห้ามเกินเลย ห้ามพุ่งตัว ห้ามทำท่าทางน่ากลัว ห้ามหายตัวแบบไปมารวดเร็วเกินไป ห้ามทำให้ตกใจ ห้าม..."
หญิงสาวนิ่งคิด จะห้ามอะไรอีกดี
"เอาเป็นว่า ทำตัวให้เป็นคนมากที่สุด เข้าใจหรือไม่ อ่อ! แล้วถ้าท่านจำเป็นต้องอยู่ที่นี่ก็ช่วยทำตัวให้เป็นประโยชน์ คนเรานะ ถ้าไม่มีประโยชน์ต่อกันแล้ว อยู่ด้วยกันยาก... เข้าใจ๊"
หลินหลินสรุปอย่ากล้าๆกลัวๆ ด้วยนิสัยที่ไม่ค่อยยอมคนจึงใจกล้าบ้าบิ่นได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
ชายหนุ่มเพียงขมวดคิ้วคมเข้มขึ้นเล็กน้อย ก่อนเอ่ยเสียงเรียบตามประโยคที่พอจะเข้าใจ "ข้าย่อมเป็นคนอยู่แล้ว แม่นางคิดว่าข้าเป็นสิ่งใดกัน"
"คนบ้าอะไรโผล่มาแบบนั้น" หลินหลินเริ่มอารมณ์ขึ้นจึงเอ่ยอย่างลืมตัว "แถมแต่งตัวแปลกๆ ถึงจะหน้าหล่อมากกว่าคนทั่วไปแต่ดูยังไงก็ไม่ใช่คนธรรมดา แถมมีวิชาแบบ เขาเรียกว่าอะไรนะ วรยุทธ ใช่! มีวรยุทธ"
ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปอีกครั้งด้วยท่าทางเคร่งขรึม สายตาคมกริบของเขาหรี่ตามองหลินหลินอย่างใคร่ครวญและวิเคราะห์ ก่อนเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "ข้าอาจจะไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่แม่นางต้องการจะสื่อ แต่ข้าจะไม่ทำร้ายใครหากไม่จำเป็น"
หลินหลินถึงกับกระพริบตาปริบๆ
หญิงสาวพอจะเข้าใจว่าเขาคงไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูดสักเท่าไหร่เพราะภาษาจีนโบราณของเธอดูไม่ค่อยจะแข็งแรงนัก
เธอมักจะพูดผสมกันระหว่างคำจีนปัจจุบันกับคำจีนโบราณ แต่...
จะไม่ทำร้ายใครหากไม่จำเป็นเรอะ!
แล้วถ้าหากจำเป็นล่ะ?
หลินหลินคิดได้ดังนั้นจึงหรี่ตามองชายหนุ่มอย่างใคร่ครวญและวิเคราะห์เช่นเดียวกัน
เธอคงต้องควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้ดีกว่านี้เสียหน่อย นิสัยร้ายกาจของเธอต้องพับเก็บเอาไว้ให้ดี เดี๋ยวโดนพิฆาตจากนายนี่จนหมดสวยแล้วจะแย่
นี่ถ้าเขาไม่ได้มาแบบผิดปกติผิดธรรมชาติแบบเห็นคาตาคาใจอย่างนั้นนะ เธอคงไม่พยายามแบบนี้หรอก
"เอ่อ...ท่าน" หลินหลินเริ่มต้นบทสนทนาใหม่ "ถ้าหากท่านยังไม่สามารถกลับไปได้ เช่นนั้นแล้ว เราก็ควรจะอยู่ด้วยกันอย่างสันติ เข้าใจมั้ย อย่างสงบสุขน่ะ"
และคำตอบที่ได้รับก็ยังคงเป็นมาดนิ่งๆ เปี่ยมราศี สีหน้าเรียบเฉย แววตาคมกริบ เหมือนเดิม
เฮ่อ!
ไม่เคยเจอผู้ชายที่ดูดีแบบนี้เลยจริงๆ
เอาจริงๆแล้ว เขาน่ากลัวนะ แต่แบบ
เขาดูมีเสน่ห์มากๆเลย
ไม่เหมือนผู้ชายหลายๆคนที่เธอเจอ
แต่ละคนอย่างกับปลาไหล
แต่เขาคนนี้นะ
แบบว่า...
มังกรชัดๆ
หลินหลินคุยกับตัวเองในใจอีกแล้ว
"อะแฮ่ม! เอาเป็นว่า...." หลินหลินกระแอมนิดนึงก่อนเริ่มต้นหว่านล้อมอีกครั้งอย่างต่อเนื่อง
"ข้าจะให้ที่พักพิงแก่ท่าน จนกว่าท่านจะสามารถกลับไปยังที่ที่ท่านจากมาได้ และ... ระหว่างนี้...ข้าจะปรับตัวและท่านก็ต้องปรับตัวเช่นกัน...นะ"
จบคำหลินหลินเพียงสังเกตกิริยาของชายหนุ่ม
เมื่อเห็นเขาไม่มีทีท่าว่าจะปฏิเสธ เธอจึงเอ่ยขึ้นอย่างต่อเนื่อง "ทีนี้... การที่เราจะอยู่ด้วยกันได้นั้น... ท่าน..."
หญิงสาวเว้นระยะไว้อึดใจจึงพูดต่อ "ท่านต้องเชื่อฟังข้าและ...ทำตามที่ข้าต้องการ"
จบประโยคของหลินหลินชายหนุ่มจึงหรี่ตาเล็กลงมากกว่าเดิมขณะยังคงจ้องสายตาจับนิ่งอยู่ที่เธอ
คราวนี้หลินหลินถึงกับเม้มริมฝีปากแน่น
ท่าทางน่ายำเกรงของผู้ชายคนนี้ทำเธอนึกหวาดหวั่นแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เธอกำลังรู้สึกเหมือนกำลังนั่งคุยอยู่กับประธานาธิบดียังไงยังงั้น
หลินหลินจึงปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำเพื่อประเมินและหยั่งเชิงอีกฝ่ายอย่างละเอียด
ซักพักต่อมาหลินหลินจึงตัดสินใจถามแบบตรงไปตรงมา
"ถามจริงๆนะตอนอยู่ที่แคว้นต้าหลี่อะไรนั่น ท่านเป็นใคร"
"ข้าต้องตอบคำถามนี้ด้วยหรือ" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สีหน้านิ่งเฉยไม่เปลี่ยนแปลง
หญิงสาวจึงยักไหล่หนึ่งทีก่อนพูดขึ้น "ให้ข้าเดานะ ท่านคงเป็นคนใหญ่คนโต เช่น..." หลินหลินทำท่าคิดเอานิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากกลอกตากลมโตไปมา "ลูกเจ้าขุนมูลนาย"
คราวนี้คิ้วเข้มคล้ายกระบี่ของชายหนุ่มถึงกับขมวดเล็กน้อยก่อนจะปรับให้เป็นปกติแล้วนั่งฟังนิ่งๆคล้ายกับรอฟังว่าหลินหลินจะเดาถูกหรือไม่
"ท่านเข้าใจคำว่าลูกเจ้าขุนมูลนายมั้ย" หลินหลินถามขึ้นอย่างนึกสนุก
"ไม่เข้าใจล่ะสิ หึ!" แต่เหมือนหญิงสาวจะสนุกอยู่คนเดียวเพราะอีกฝ่ายยังคงมีสีหน้านิ่งเฉยสุดๆ
"ท่านเป็นลูกของเจ้ากรมอะไรแบบนั้นรึเปล่า หรือว่า... อย่าบอกนะว่าเป็นลูกเจ้าเมือง อืม...ดูจากท่าทางของท่านแล้วก็ใกล้เคียงนะ"
หลินหลินยังคงเดาต่ออย่างสนุกสนานลืมความง่วงไป
แม้ชายหนุ่มจะยังคงมีสีหน้าที่เรียบเฉยแต่แววตาของเขาคล้ายอ่อนลงเริ่มลดความระแวดระวังคลางแคลงใจ ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
"แคว้นที่ข้าจากมามีชื่อว่าแคว้นต้าหลี่" คราวนี้ชายหนุ่มเป็นฝ่ายพูดขึ้นบ้างจึงเรียกความสนใจจากหลินหลินได้ทันที
"แล้วไง" หญิงสาวต่อคำอย่างเป็นกันเองมากกว่าเดิมขณะกลอกตาคิดตาม (ㄉㄚˋ) ต้า แปลว่า ใหญ่ , ยิ่งใหญ่
"หลี่มาจากสกุลของราชวงศ์ผู้ครองแคว้นแผ่นดินใหญ่"
จบคำของชายหนุ่มหลินหลินถึงกับตาโตเบิกกว้าง
ตาสองข้างสว่างวาบในทันที
เขาชื่ออะไรนะ หลี่หงจินหยาง ใช่มั้ย?
อา...
นอกจากหล่อดูดีมากๆแล้วยังน่าคบหาอีกด้วยนะน่ะ
"เอาล่ะ หยางหยาง" หลินหลินเริ่มต้นประโยคใหม่ด้วยท่าทางเป็นกันเองมากยิ่งขึ้น
ในขณะที่ชายหนุ่มเพียงถอนหายใจเพียงนิดเพราะยังไม่คุ้นชินจริงๆกับชื่อที่หญิงสาวมอบให้
"ข้าจะให้ท่านนอนในห้องนู้น" หญิงสาวกล่าวพลางวาดมือชี้นิ้วออกไปตามทาง
ชายหนุ่มเพียงปรายตามองตามไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
ในขณะที่หลินหลินยังคงเอ่ยต่อ "เก็บข้าวของเสียหน่อยจัดห้องอีกนิดก็ใช้ได้ อ่อ...หวังว่าท่านคงไม่สามารถทะลุกำแพงได้หรอกนะ ห้ามทะลุกำแพงมาห้องข้านะ ฟังเข้าใจหรือไม่ แล้วก็สำคัญที่สุดเลย...ก็คือ...เวลาส่วนตัว... ห้ามเลย ห้ามยุ่ง...เข้าใจ๊"
แม้หยางหยางของหลินหลินจะยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลงแต่ดูจากแววตาของเขาแล้วคล้ายกับว่าเขากำลังพยายามทำความเข้าใจในภาษาแปลกๆผิดๆถูกๆของหญิงสาวอยู่อย่างเต็มกำลัง
บรรยากาศของชายหนุ่มและหญิงสาวผู้ที่ได้พบเจอกันแบบผิดแปลกจากธรรมชาติปกติจึงเริ่มดีขึ้นตามลำดับ
หลินหลินยังคงคำนวณผลได้ผลเสียเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกันกับผู้ชายแปลกประหลาดที่สุดในชีวิตอยู่ตลอดเวลา
วันต่อมา...
ภายในห้องเสื้อบุรุษแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ๆกันกับคอนโดของหลินหลิน
"เอาชุดนี้ เปลี่ยนให้เขาเลยค่ะ" หลินหลินเอ่ยขึ้นกับพนักงานที่เป็นผู้ชายของห้องเสื้อแห่งหนึ่ง
วันนี้หลินหลินไม่มีงานอะไร ส่วนเรื่องเรียนตอนบ่ายก็ขอลาอาจารย์ด้วยเหตุผลเบสิคว่าติดงานด่วนเป็นที่เรียบร้อย
เธอจึงได้พาหยางหยางของเธอออกท่องยุทธภพ
อันดับแรกเธอต้องเปลี่ยนการแต่งตัวให้เขาก่อน ไม่เช่นนั้นคงจะมีแต่คนมองเขาแน่ๆ เพราะว่าการแต่งตัวของเขาในรูปแบบเดิมนั้น มันออกจะเรียกความสนใจจนเกินไป
แค่เพียงเป็นเธอเดินมาคนเดียวก็สามารถเรียกสายตาจากคนทั่วไปได้มากแล้ว แต่นี่ยังมีผู้ชายหล่อเหลารูปร่างสูงใหญ่แต่งตัวแปลกประหลาดคล้ายหลงยุคมาอีก วันนี้ทั้งวันหลินหลินคงโดนทึ้งจากผู้คนของสาธารณะชนเป็นแน่
เวลาผ่านไปซักพัก
หยางหยางก็ออกมาในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ขายาว ส่วนผมของเขาที่ยาวสยายเธอเพียงให้เขามัดเอาไว้เพราะรู้ดีว่าไม่สามารถตัดออกได้ เพราะจากที่เธอได้ศึกษามาจึงทำให้เธอรู้ว่าเรื่องผมของเขามันค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่
และการที่เธอเลือกชุดที่แสนจะธรรมดาให้หยางหยางก็เพราะว่าตัวเขานั้นดูจะไม่ธรรมดาอย่างแรง ถ้าขืนเลือกชุดที่ดูดีกว่านี้เดี๋ยวใครมาฉกไป
เธอค่อนข้างหวงเจ้าที่ของเธอมากเลยทีเดียว
ของๆใคร ใครก็ต้องหวงรึเปล่า
เขาเป็นเจ้าที่ของเธอ!
อุตส่าห์ทะลุมิติมาหาเธอ!
ของเธอคนเดียว...
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่
หลินหลินพาหยางหยางนั่งรถยนต์ส่วนตัวของเธอให้พุ่งทะยานมาตามทาง ซึ่งมันก็สามารถสร้างความตื่นเต้นให้ชายหนุ่มอยู่ไม่น้อย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่แสดงอาการตระหนกตกใจหรือกระโตกกระตากอะไร
แต่แววตาคมเข้มของเขาที่คล้ายสั่นไหวน้อยๆนั่น ทำเอาหลินหลินถึงกับหลุดหัวเราะอย่างนึกเอ็นดู
เธอไม่เคยเจอผู้ชายที่แบบว่า มีบุคลิกเยือกเย็น ทั้งสุขุมนุ่มลึกและดูเก่งกาจดูยิ่งใหญ่ แต่ก็เหมือนเด็กน้อยเวลาอยู่กับเธอ
ช่างน่ารัก!
หลินหลินเลือกที่จะพาหยางหยางออกมานอกเมืองให้ไกลหน่อย
และเธอก็ต้องแต่งตัวให้มิดชิดพร้อมทั้งใส่แว่นกันแดดอันใหญ่กินพื้นที่ครึ่งใบหน้า
เหตุผลก็เพราะยังไม่พร้อมเจอปาปารัชซี่หรือนักข่าวสายบันเทิงที่ชอบจะบังเอิ๊ญบังเอิญเจอกันบ่อยๆ
ซึ่งเดิมทีหยางหยางของเธอดูจะแปลกตาแปลกใจกับการแต่งตัวของเธออยู่มาก แต่เขาก็สามารถใช้เวลาแค่เพียงไม่นานในการปรับตัว
เพราะเมื่อมองออกไปยังผู้คนรอบด้านแล้วนั้นเขาพบว่าทุกคนเป็นเหมือนผู้หญิงข้างกายของเขากันหมด
"อยู่ที่นี่ ต่อหน้าผู้คน เราจะเรียกกันว่า ท่านกับข้า ไม่ได้นะ เราต้องเรียกกันว่าฉันกับคุณ หรือนายอะไรแบบนี้ จะได้ดูไม่ผิดปกติจนเกินไป เข้าใจ๋..." หลินหลินพาหยางหยางเดินชมเมืองไปพลางอธิบายอะไรต่างๆนานาไปตลอดทาง
ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะทำแค่เพียงใช้ความสงบหยุดความเคลื่อนไหวด้วยมาดเรียบนิ่งทรงพลังอยู่ตลอดเวลาแต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับหลินหลิน
เธอชอบนะ! กับท่าทางของเขาแบบเนี้ย ถูกใจเธอจริงๆ รู้สึกเหมือนได้ควงผู้นำประเทศออกเดท
ตามความคิดของเธอแล้วนอกจากจะได้ผู้ชายในมาดที่ไม่ธรรมดามาควงแล้ว เธอยังอาจจะให้เขาเป็นบอดี้การ์ดไปในตัวให้เธออีกด้วย
มันเป็นความใฝ่ฝันเล็กๆน้อยๆ ในแบบสาวน้อยวัยสิบแปดอย่างเธอ
ด้วยความที่เธอเป็นดาราวัยรุ่นที่ขึ้นชาร์ตซุปตาร์ การจะไปไหนมาไหนย่อมต้องมีเพื่อนมีฝูงเอาไว้เพื่อคอยช่วยเหลือพึ่งพิง
แต่ในเมื่อเธอไม่มีเพื่อน
และเธอก็ไม่คิดจะคบใครเป็นเพื่อนให้ปวดหัว
เธอก็จะใช้ประโยชน์จากเจ้าที่ของเธอให้คุ้มค่า
เธอไม่สนใจหรอกว่าจะผิดหรือถูก
ชีวิตของคนเราอะไรที่เรียกว่าผิดอะไรที่เรียกว่าถูกเธอเองก็ยังไม่ค่อยจะแน่ใจ
ด้วยเพราะเหตุการณ์ที่เธอประสบพบเจอมาตั้งแต่จำความได้
เธอมักจะเจอแต่สิ่งที่เรียกว่าเวรกรรมและโชคชะตา
มันดูจะไม่มีอะไรที่เรียกได้ว่าถูกต้องเอาเสียเลยตั้งแต่เกิดมา