"กินข้าวเย็นด้วยกันมั้ย?"
เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องของคอนโดฉันชนิตเอ่ยปากชวนแดนดิน คนถูกชวนยิ้มและพยักงึกๆเป็นการตกลง แล้วเดินตามร่างเพรียวของเจ้าของห้องเข้าไป มือทั้งสองข้างของเขาหิ้วของพะรุงพะรัง
"คุณนิตทำกับข้าวเองเหรอ ผมช่วยนะ"
แดนดินวางของไว้บนโต๊ะในห้องรับแขกเขาเสนอตัวเป็นผู้ช่วยเชฟในการทำอาหารมื้อนี้
"ได้ค่ะ ว่าแต่อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย?"
"อะไรก็ได้ ผมกินได้หมด"
"งั้นลุยกันค่ะ"
แดนดินเดินตามฉันชนิตเข้ามาในห้องครัวของคอนโด ห้องครัวของเธอสะอาดสะอ้านสิ่งของถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบทุกซอกทุกมุม
ฉันชนิตเอื้อมหยิบผ้ากันเปื้อนอีกผืนที่ยังไม่ได้ใช้งานออกมาจากในตู้เก็บของติดผนังสีขาวของห้องครัว
"สวมไว้ค่ะ"
"อ่อ ครับ"
ฉันชนิตเอาผ้ากันเปื้อนสวมให้เขา ความที่เธอเป็นคนตัวเตี้ยกว่าเขามากเลยต้องเขย่งเท้าเข้ามาแนบชิดแบบไม่ทันระวังตัว
ทำให้แดนดินเผลอได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากกายของเธอ ฉันชนิตผูกผ้ากันเปื้อนข้างหลังให้เขาอย่างอ่อนโยนใบหน้าของเธอยิ้มอยู่ตลอดเวลา
แดนดินอดไม่ได้ที่จะแอบรู้สึกหวั่นไหวตามแรงเต้นตึกตักของหัวใจ ยิ่งกลิ่นกายสาวที่ปะทะจมูกเข้ามาทำให้หัวใจของเขายิ่งเต้นโครมคราม
"เสร็จแล้วค่ะ มื้อนี้เอาเป็นว่าทำง่ายๆก็แล้วกันนะคะ สเต็กเนื้อกับสลัดผัก"
เธอวางมือจากผ้ากันเปื้อนบนตัวเขา แล้วหันไปเตรียมวัตถุดิบที่จะประกอบอาหารมื้อนี้
"นั่นง่ายแล้วเหรอครับ?"
"ค่ะ"
ฉันชนิตเปิดตู้เย็นหยิบวัตถุดิบออกมาวางบนโต๊ะอย่างชำนาญ ทั้งคู่ช่วยกันไปเล่นหยอกล้อกันไปอย่างมีความสุข
"พูดไปพูดมานอกจากจะเป็นยัยเมย์แล้ว คุณแดนกลายเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของนิตอีกคนแล้วค่ะ เพราะนิตไม่มีเพื่อนที่ไหนเลย"
"เราไม่ใช่เป็นแฟนกันหรอกเหรอ?"
แดนดินเอ่ยออกมาทำเอาคนฟังถึงกับนิ่งชะงักแก้มแดงปลั่งขึ้นมาอย่างเขินๆ
"ก็วันนี้ไง สงสัยต่อไปคุณนิตคงต้องเล่นละครยาวๆแล้วล่ะ ผมประกาศออกไปแบบนั้นแล้ว ขอโทษนะครับ"
"อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ แต่นิตกลัวคุณจะเสียชื่อเสียงมากกว่าที่มาคบกับผู้หญิงอย่างนิต"
"ผู้หญิงอย่างคุณนิต ทำไมเหรอ ออกจะสวย นิสัยดี น่ารักแบบนี้ ทำไมผมจะคบไม่ได้ล่ะครับ?"
"เอ่อ อดีตของนิต"
"ผมบอกคุณนิตไปแล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้"
ฉันชนิตอึ้งอีกครั้งแววตาคู่นั้นของเขามีความหมายที่ยากจะหยั่งถึงอีกแล้ว
'ถ้าได้เป็นแฟนกันจริงๆก็ดีสิคะ'
ฉันชนิตแอบพูดเบาๆในใจ แต่คงไม่กล้าอาจหาญพูดออกไป บางครั้งอยู่สถานะเพื่อนแบบนี้มันก็ดีอยู่แล้ว
"ค่ะ"
"อยู่เฉยๆครับ "
เขาโน้มหน้าลงมาใกล้ๆ จนฉันชนิตใจสั่นรัวเป็นกลองเพล
"ผักติดผมน่ะ"
"อ๋อ...ค่ะ"
ฉันชนิตหายใจโล่งอกลูบปอยผมแก้เขินเบาๆ เพราะนึกว่าเขาจะจูบเธอเสียอีก โอ้ย ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งไม่เป็นตัวของตัวเองเลยยัยนิตเอ๋ย คิดได้แบบนี้แก้มของเธอก็แดงปลั่งเพราะเขินเขา เขินตัวเองด้วยที่แอบคิดอะไรไปไกล
'ใจเราเป็นอะไรไปนะ ทำไมเวลาอยู่ใกล้ฉันชนิตแล้วมันสั่นตลอดเวลา'
ต่างคนต่างก็ได้แต่สงสัยถึงความรู้สึกของตัวเองอยู่ภายในใจ ความอบอุ่นความสุขแบบนี้แดนดินเองก็เพิ่งจะรู้สึกกับเธอเป็นคนแรก ต่อให้เคยมีแฟนมาก่อนก็ไม่เคยรู้สึกอุ่นใจสบายใจแบบนี้มาก่อนเลย
ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง
อาหารทุกอย่างก็ทะยอยมาวางอยู่บนโต๊ะ
"น่ากินจัง"
แดนดินสายตาเป็นประกายเมื่อเห็นอาหารบนโต๊ะ
"กินเลยสิคะ อาจจะไม่อร่อยเหมือนหน้าตาก็เป็นได้"
"ไม่จริงหรอก แต่ว่าคุณไปหัดเรียนทำอาหารมาจากไหนครับนี่ วันหลังคงต้องมาฝากท้องบ่อยๆแล้ว"
พูดพรางหยิบมีดกับช้อนส้อมหั่นสเต็กตรงหน้าเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
"เอ่อ นิดเสียคุณแม่ไปตอนห้าขวบและเสียคุณพ่อตอนเรียนจบมัธยมปลายพอดี เลยต้องหัดทำเองทุกอย่าง ถ้าถามว่าเรียนจากไหนก็คงจะเป็นอาจารย์ยูทูบแล้วค่ะ อิอิ"
"คุณเป็นผู้หญิงที่น่าทึ่งที่สุดทั้งแต่ผมเจอมา ไม่แปลกเลยที่ดูคุณเข้มแข็งในทุกๆเรื่อง บางทีเรื่องของผมอาจจะดูเล็กน้อยไปเลยถ้าเทียบกับของคุณ"
"มีเรื่องอะไรที่ทำให้ลูกคนรวยอย่างคุณต้องลำบากด้วยเหรอคะ?"
"ผมเสียพ่อแม่พร้อมกันตอนยังเล็กมากๆน่ะครับ"
ฉันชนิตสังเกตุเห็นหน้าของเขาเศร้าหมองลงไปเมื่อเอ่ยถามถึงเรื่องนี้ เธอเอื้อมมือไปแตะหลังมือของเขาเบาๆ
ไม่ทันได้ตั้งตัวแดนดินพลิกมือกลับมาจับมือเธอไว้บ้างเป็นการปลอบประโลมซึ่งกันและกัน แต่การกระทำของเขาทำให้ฉันชนิตเกือบหยุดหายใจ มันสั่นไปหมด
"ต่อไปนี้มีอะไรก็เล่าให้นิตฟังได้เสมอ คุณคือเพื่อนสนิทและก็แฟนจำเป็นของนิตแล้วนี่คะ"
แดนดินที่ครั้งแรกนั้นใบหน้าของเขาหม่นเศร้าอยู่พอได้ยินฉันชนิตพูดแบบนั้นถึงกับหัวเราะเบาๆออกมา ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขาเศร้าและซึ้งใจ หัวเราะได้ในเวลาเดียวกัน
"คุณนิตก็เหมือนกันนะ มีอะไรอย่าเก็บไว้คนเดียว"
ไม่พูดเปล่าแต่ส่งสายตาหวานซึ้งแปลกๆใส่อีกฝั่งรัวๆ ความจริงแล้วเขาไม่ตั้งใจจะส่งสายตาแบบนั้น แต่ความรู้สึกมันพาไปเองล้วนๆ
ทำเอาอีกคนหลบสายตาแทบไม่ทันด้วยความเขิน แต่ก็ยังคงแสร้งทำเป็นนิ่งๆ แม้ว่าแก้มนั้นจะแดงเป็นลูกตำลึงสุกไปแล้วก็ตาม
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา
บ้านของธันว์
22:00 น.
"ฮะโหลกลับกี่โมงคะ?"
(น่าจะดึกมาก นอนได้เลยไม่ต้องรอผมนะ)
"ช่วงนี้คุณกลับดึกบ่อยนะคะ"
(ก็ผมยุ่ง...แค่นี้นะ)
ธันว์กดวางสายเขมจิราทันที หลังจากแต่งงานกันมาได้เกือบสองเดือน
ธันว์ นั้นแทบจะยุ่งอยู่ตลอดเวลากลับมาบ้านก็ปาเข้าไปเกือบรุ่งสางทุกวัน แถมกลับมาก็มีกลิ่นเหล้าคละคลุ้ง
ทำไมเขมจิราจะไม่รู้ล่ะว่าธันว์กับหญิงสาวที่ชื่อฉันชนิตเป็นอะไรกัน เพียงแค่เธอแสร้งทำเป็นนิ่งๆไม่เอ่ยออกมาเท่านั้น
อีกทั้งหลังจากวันที่เจอกันวันนั้น ธันว์ก็แปลกๆไป เมาหัวราน้ำทุกวัน
นิสัยของเขาจากที่เคยเอาอกเอาใจเธอก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
ยิ่งทำให้เขมจิราอดที่จะรู้สึกไม่ได้ ว่าเธอคิดถูกหรือคิดผิดที่ทิ้งแดนดินมาแต่งงานกับธันว์
เขมจิรานั่งเอนกายอยู่บนเตียงนอนครุ่นคิดอยู่แต่เรื่องนี้ทั้งคืนพาลให้นอนไม่หลับ
ครั้งแรกนั้นเธอเข้าใจว่าตัวเองเป็นผู้ชนะเสียอีกเพราะธันว์นั้นเลือกที่จะทิ้งฉันชนิตและมาแต่งงานกับเธอ
แต่เหตุใดกันล่ะ ทำไมตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่าตัวเองนั้นกลับกลายเป็นผู้แพ้ แพ้ฉันชนิตอย่างราบคาบ