EP.2 LOVE HURTS รักเจ็บลึก
ตอน ท้องไม่พร้อม
______________
@โรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่ง
ฉันพยายามทิ้งความเศร้าโศกเสียใจเหล่านั้นไว้ภายในใจ ก่อนจะปั้นหน้ายิ้มเพื่อเดินเข้าไปในห้องพักฟื้น
ในส่วนของแผนกสูตินารี
“หลานคลอดแล้วนะลิลณ์” เสียงของพี่สาวของฉันพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่อ่อยเพลียจากการคลอดลูก
“น่าเกลียดน่าชังจังเลยค่ะ” ฉันพูดไปและมองดูหลานสาวตัวน้อยที่กำลังนอนหลับพริ้มในอ้อมอกของคุณแม่
เรามีกันแค่สองพี่น้อง เพราะว่าพ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เรายังเด็ก ฉันกับพี่บัวเติบโตมากับย่า และท่านจากไปวัยชราตั้งแต่ฉันเรียนจบตอนม.3 โชคดีที่ฉันได้ทุนการศึกษาจนเรียนจบม.6 และก็ทำงานพิเศษสู้ชีวิตมาจนถึงวันนี้ พี่บัวเป็นพี่สาวที่ดีมากเช่นกัน เธอยอมสละตัวเองไม่เรียนหนังสือเพื่อที่จะทำงานพิเศษตั้งแต่เด็กๆเพื่อเอามาเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน และเมื่อพอฉันเริ่มได้เงินจากติวเตอร์มากขึ้นพี่บัวถึงได้หยุดทำงานหนักเหมือนเมื่อก่อน
“พี่ขอบคุณเธอมากเลยนะลิลณ์ ถ้าไม่ได้เธอป่านนี้คงไม่เงินค่าหมอค่าโรงพยาบาลแบบนี้แน่ๆ” พี่บัวพูดกับฉันทั้งน้ำตาคลอๆ
“พี่ก็คงต้องคลอดลูกตามมีตามเกิด” พี่บัวพูดและมองหน้าลูกของตัวเองอย่างซาบซึ้งใจ
“เรามีกันสองคนพี่น้องนะ อีกอย่างเด็กคนนี้ก็หลานแท้ๆ ของฉัน”
“ในเมื่อพี่ลำบากแล้วฉันพอมีหนทางหาเงินมาช่วยได้ ฉันก็ยินดีมากๆ ที่จะทำ”
“พี่ไม่ต้องคิดมากเลยนะ” ฉันยิ้มตอบไปทั้งที่ในใจมันแทบจะยืนไม่ไหวอีกแล้ว กับเหตุการณ์ที่ฉันเพิ่งเจอมา
“ว่าแต่...เงินตั้งสี่ห้าหมื่น เราไปหาจากไหนกัน?” พี่บัวเอ่ยถามถึงเงินก้อนนั้น
ทำเอาฉันเองก็ตะกุกตะกักที่จะตอบไป แต่ก็ต้องโกหกไปปกติเพื่อให้เธอสบายใจ
“ฉันยืมเพื่อนมานะพี่ พอดีบ้านของเพื่อนฐานะค่อนข้างดี” ฉันเอ่ยตอบพี่บัวไปอย่างอย่างหลบสายตาของเธอ
“อ่อคนที่เคยมาบ้านเรารึเปล่า?” พี่บัวเอ่ยถึงอลิเซีย เพราะในชีวิตฉันไม่มีเพื่อนเยอะมากมายขนาดนั้น
ฉันก็พยักหน้าตอบไปอย่างฝืนยิ้ม เพราะว่าฉันกำลังโกหกพี่สาวของตัวเองแต่ฉันไม่สามารถโกหกตัวเองได้จริงๆ
“พี่ฝากขอบคุณเพื่อนเราด้วยนะ และพี่จะช่วยหนี้อีกแรง” พี่บัวพูดอย่างหอบเหนื่อยและลูบใบหน้าของลูกน้อยตัวเองไปพลางๆ
“พี่กับพ่อเจ้าหนูต้องขอบใจมากเราจริงๆ ที่ยื่นมือเข้ามาช่วย” พี่บัวพูดพลางมองดูลูกสาวตัวน้อยของเธอไปและมองมาทางฉันอีกครั้ง ฉันทำได้แค่ยิ้มรับอย่างไม่ตอบอะไร หมอบอกว่าคุณแม่หลังคลอด ฮอร์โมนก็ไม่ได้ปกติเหมือนคนอื่นๆ ฉันไม่อยากให้เธอคิดมากเรื่องของฉันในตอนนี้ เพราะเธออาจจะเก็บไปคิดมาก อาจจะส่งผลต่อน้ำนมได้อีกด้วย
เงินค่าคลอดของหลาน มันก็คือเงินที่ฉันรับจากพี่ลูคัส พี่ชายของอลิเซียนั้นแหละ ต้องท้าวความย้อนกลับไปก่อนว่า ที่ผ่านมาพี่ลูคัสรู้เรื่องที่อลิเซียโกหกหมดทุกอย่าง ซึ่งฉันเองก็เพิ่งรู้ไม่นานมานี้ ว่าเขาส่งคนตามดูเราตลอด และรู้ด้วยว่ายัยอลิเซียจะไม่ยอมไปสอบเข้ามหาลัย แต่จะบินไปพร้อมกับแฟนของเธอในวันนั้น
เรื่องที่ฉันหลอกเอาเงินของอลิเซีย มันไม่ได้จริงสักนิด เพราะทุกครั้งฉันเต็มใจจะช่วยสอนและติวให้ แต่อลิเซียก็ยื่นให้แค่เงินและโดดเรียนกับฉันทุกครั้งที่เรานัดกัน เพราะว่าพี่มาร์คัสแฟนของเธอเป็นหมอ และสามารถติวให้เธอได้ดีกว่า และเธอก็อยากใช้เวลาอยู่กับแฟนตัวเองมากกว่าเพื่อนอย่างฉัน ถึงแม้ฉันจะค*****นให้อลิเซียหลายค่อหลายครั้ง แต่ยัยนั้นไม่เคยรับมันคืนเลยสักครั้ง แต่เหมือนว่าพี่ชายของเธอจะไม่มีทางเข้าใจ และคงมองฉันเป็นพวกชอบฉวยโอกาสแบบนั้นต่อไป
หลังจากที่ฉันได้เจออลิเซียในคืนวันก่อนสอบนั้น พี่ลูคัสก็มาดักรอฉันถึงหน้าบ้านเพื่อที่จะยื่นข้อเสนอบ้างอย่างให้ฉัน ข้อเสนอที่ว่า...ถ้าอลิเซียไม่ไปสอบจริงๆ ฉันต้องเป็นคนเข้าสอบแทนเธอ และต้องทำให้เธอมีรายชื่อเข้าเรียนคณะบริหาร มหาลัยชื่อดังนั้นให้ได้ เพราะเขาไม่อยากให้น้องสาวทำอะไรไร้สาระ และโง่งมงายเกี่ยวกับเรื่องของผู้ชาย จนเสียเวลาและอนาคต
อลิเซียเคยบอกฉันว่า พี่ลูคัสเป็นคนฉลาดและเจ้าระเบียบในเรื่องการทำงาน ซึ่งเขาจริงจังกับทุกๆเรื่อง ต่างจากอลิเซียที่ชิลๆกับทุกเรื่องเช่นกัน เขาอยากให้อลิเซียรีบกลับมาช่วยเขาทำงานธุรกิจสีเทาๆที่บ้านตัวเอง เท่าที่ฉันดูในความเจ้ากี้เจ้าการของเขา พี่ลูคัสเป็นพี่ชายที่รักน้องมากคนหนึ่ง
ยอมรับว่าในทีแรกฉันไม่ได้อยากจะโกง หรือยอมทำผิดคิดทุจริตใดๆ เลยจริงๆ ....
ฉันกล้าสาบานได้ว่าการทำผิดศีลธรรมจรรยาแบบนั้น มันไม่เคยอยู่ในหัวของฉันเลยสักนิด จนผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาในชีวิตพร้อมกับหยิบยื่นเงินแลกกับการทำผิดในครานี้ ฉันไม่สามารถที่จะปฎิเสธจะไม่ทำมันได้เลยจริงๆ เพราะว่า ...เงินคือคำตอบเดียวที่ทำให้ฉันยอมจำนน..
เงินเป็นสิ่งที่เดียวทำให้คนขี้กลัว ขี้ขลาดอย่างฉัน กล้าที่จะลงมือทำอะไรผิดๆทั้งที่ละอายอยู่แก่ใจเสมอ ฉันยอมทุจริตการสอบเข้ามหาลัยในครั้งนี้ก็เพื่อแลกกับเงินห้าหมื่นบาท ห้าหมื่นบาทที่แลกมาอนาคตของฉันเอง เพียงเพื่อช่วยให้ชีวิตน้อยๆในท้องของพี่สาวได้ลืมตาขึ้นมาดูโลกอย่างปลอดภัย
พี่บัวพี่สาวแท้ๆของฉันท้องแก่เจียนคลอด แต่เราไม่มีใครมีเงินเหลือเก็บพอที่จะจองห้องคลอด หมอ หรือแม้แต่ห้องพักหลังคลอด ไม่มีเงินเลยสักแดงเดียว
ทั้งๆ ที่เด็กในท้องไม่รู้เลยว่าจะคลอดออกมาวันไหน...แต่ก็ใกล้เต็มที เราประสบปัญหายากจน ขัดสนอย่างหนักหน่วง เงินจะกินแต่ละวัน ค่าเช่าบ้านในแต่ละเดือน..ยังแทบจะไม่มี ไหนจะค่าหาหมอ ยาบำรุงครรภ์ และจิปาถะ ต้องยอมรับตามตรงเลยว่า การที่พี่บัวตั้งครรภ์ทั้งที่ไม่พร้อม คือสาเหตุหลักที่ทำให้ครอบครัวเราหมุนเงินกันไม่ทันจริงๆ
แต่การที่เธอพลาดไปแล้วเราจะมานั่งโทษกันไปว่ากันมา มันก็เสียเวลาเปล่า ฉันยังคงต้องถีบตัวเอง กัดฟันสู้ เพื่อคนในครอบครัวของฉัน ทุกอย่างมันต้องใช้เงิน และนั้นคือสิ่งที่ทำให้ฉันตัดสินใจรับทำงานที่พี่ลูคัสเสนอให้ร่วมไปถึงขอรับเงินของเขามาล่วงหน้าจริงๆ เพื่อให้พี่บัวได้จ่ายค่าคลอดและจองห้องพักฟื้นต่างๆ ด้วยเหตุจำเป็นนี้แหละ แต่ก็ความที่ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยคิดจะโกง. ไม่เคยคิดทุจริตในห้องสอบเลยแม้สักครั้ง
บางคนไม่ได้อยากทำชั่วเพราะเป็นคนชั่ว แต่ที่ต้องทำก็เพียงความอยู่รอดกันทั้งนั้นจริงๆ
แต่กรรมมันก็ได้ตามสนองฉันแบบทันตาเห็น ความกลัวความเกร็งความขี้ขลาดตาขาวของฉันนั้นมันเลยทำให้อาจารย์คุมสอบจับพิรุธของฉันได้อย่างง่ายดาย. ทุกอย่างมันโทษใครไม่ได้จริงๆ นอกจากตัวของฉันเองที่ทำพลาดซึ่งฉันรู้ดีและพยายามจะทำใจยอมรับมัน
“แล้วนี่พี่เต้เขาจะมาเยี่ยมลูกเมื่อไหร่เหรอคะ?” ฉันถามถึงพ่อของเด็ก ซึ่งก็คือแฟนของพี่บัว
“คือ..” พี่บัวมองหน้าฉันนิ่งๆ และดูมีท่าทีที่ลำบากใจเล็กน้อย
“พี่บัวมีอะไรรึเปล่าคะ?” ฉันเอ่ยถามกลับไปตรงๆ
“พอดีว่าเต้เพิ่งจะตกงานนะลิลณ์ บริษัทไล่คนงานออกเพราะบริษัทกำลังจะล้มละลาย” เธอเล่าด้วยใบหน้าที่ท้อใจ
“พี่ก็เลยว่าจะเขาลองให้มางานทำใกล้ๆ บ้านเราดู งานที่กรุงเทพน่าจะมีเยอะกว่าที่ต่างจังหวัด” พี่บัวอธิบายขึ้นและมองหน้าฉันนิ่งๆ
“อ่อ...ก็ดีนะคะ” ฉันก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
พี่เต้ทำงานที่ต่างจังหวัด และพี่สาวฉันเองก็จะไปฝ่ายไปๆ มาๆ อยู่บ่อยครั้ง จนมาตั้งท้องครั้งนี้นี่แหละเลยไม่ได้เดินทางไปไหนมากหนักเหมือนเมื่อก่อน
“เต้เขาอยากจะขอย้ายมาอยู่ดูแลพี่กับลูกที่บ้านของเราด้วยนะ” พี่บัวพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบา
“ย้ายมาอยู่ด้วย?” ฉันทวนคำนั้นอีกครั้งและนิ่งไป
“ใช่จ่ะ เขาบอกว่าอยากอยู่กันแบบครอบครัว” พี่บัวพูดขึ้นและเอื้อมมือมาจับมือของฉันเอาไว้
“ลิลณ์ว่าแบบนี้....ตัวลิลณ์เองคิดว่ายังไง?” พี่บัวถามฉันและดึงมือของฉันไปวางบนตัวของหลานตัวน้อยๆ ฉันคิดอยู่สักพัก แต่ก็พยักหน้ารับไป
“จริงๆ มันก็ดีค่ะ จะได้มีคนช่วยพี่บัวดูแลเจ้าตัวเล็ก และก็ประหยัดค่าใช้จ่ายของพี่บัวไปด้วย”
“จะได้ไม่ต้องเดินทางไปหาพี่เต้เขาบ่อยๆ” ฉันพูดไปยิ้มไปและมองหลานอย่างเอ็นดู
“หลังจากพี่ออกโรงพยาบาลแล้ว พี่จะให้เต้เขารีบหางานเลยนะ”
“จะได้ไม่หนักลิลณ์มากจนเกินไป” พี่บัวพูดกับฉันด้วยความเกรงใจ
เพราะว่าตั้งแต่พี่บัวท้องแก่มา ก็มีฉันคนเดียวที่ออกไปทำงานหาเงินมาจุนเจือค่าใช้จ่ายภายในบ้าน จริงๆ แฟนของพี่บัวก็ส่งเงินมาช่วยค่าใช้จ่ายทุกเดือน แต่บางเดือนมันไม่พอสำหรับค่าหมอ หรือค่าอื่นๆ เรานั่งคุยกันไปได้ไม่นานหนัก.
แฟนของพี่บัวก็เข้ามาเยี่ยมลูกและเมียตัวเอง พร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าใบหนึ่ง จริงๆ แล้วฉันไม่ค่อยสนิทกับเขาสักเท่าไหร่ เรียกได้ว่าเคยเจออยู่แค่ครั้งสองครั้งแบบผ่านๆพี่บัวกับแฟนคนนี้คบกันมาได้สักพัก พี่บัวบอกฉันแค่ว่าเธอเจอพี่เต้ผ่านอินเตอร์เน็ตจากแอปหาคู่แอปนึ่งหลังจากที่คุยกันถูกคอชอบใจ พี่บัวก็เดินทางไปเที่ยวหาพี่เต้ที่บ้านต่างจังหวัดอยู่บ่อยครั้ง เรียกว่าทุกวันหยุดงานเลยดีกว่า ส่วนฉันวันๆ ฉันก็วิ่งตะเวนติวหนังสือให้กับเด็กที่เรียนพิเศษด้วย ออกบ้านแต่เช้าจะกลับก็ค่ำมืดแล้ว จึงไม่ได้มีเวลามากพอที่จะทำความรู้จักกับใคร และไม่ค่อยจะมีเพื่อนอย่างคนอื่นเขา เพราะแค่ปัญหาชีวิตตัวเองในแต่ละวัน ก็ยังต้องดิ้นรนกันต่อไปเลย
"นอนพักเถอะบัว ลูกก็หลับแล้ว"พี่เต้เข้ามาถึงก็ดูแลพี่บัวเป็นอย่างดี ป้อนน้ำ ดึงผ้าห่มคลุมๆ ให้
ส่วนฉันก็ปลีกตัวออกมาเพื่อนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ
หลานตัวเล็ก หลับๆ ตื่นๆ ตามประสาเด็กทารกแรกเกิด
ด้านพี่บัวเองก็ยังเจ็บแผล เลยทำได้แค่นอนอยู่บนเตียงไปก่อน
“งั้นเดี๋ยว ลิลณ์ขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ”
“ไหนๆ พี่บัวก็มีพี่เต้ดูแลอยู่แล้ว” ฉันพูดขึ้นก่อนจะสะพายกระเป๋าของตัวเอง เพื่อเตรียมจะเดินทางกลับบ้าน
“กลัวว่าเดี๋ยวดึกๆ รถเมล์จะไม่ค่อยมีนะคะ” ฉันเก็บหนังสือลงกระเป๋า และเดินไปร่ำลาเจ้าตัวเล็ก
จริงๆ ตอนนี้ฉันอยากอยู่คนเดียวมากๆ แต่ก็ต้องฝืนปั้นหน้ายิ้มต่อให้พี่สาว เพราะไม่อยากให้เธอคิดมากและเรื่องที่ฉันถูกตัดทุนไม่ให้เรียนต่อ ฉันก็ยังไม่ได้บอกกับใครเลยฉันกะจะเก็บเรื่องน่าอายนี้ไว้เพียงลำพัง
“ลิลณ์ไม่ต้องนั่งรถเมล์หรอก เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง” จู่ๆ พี่เต้ก็พูดขึ้นพร้อมๆ กับลุกจากเก้าอี้ทันที