ถึงเวลาที่นัดหมายลูกค้าก็เข้ามาในบริษัทวันพรรษาทำหน้าที่ของตนเองด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม นำลูกค้าขึ้นไปรอชายหนุ่มที่ห้องประชุมแล้วลงมาเตรียมเครื่องดื่มและของว่างขึ้นไปเสิร์ฟให้กับลูกค้ารวมทั้งจัดกาแฟให้เลปกร จากนั้นก็ลงมานั่งทำงานของตนที่ด้านล่าง กระทั่งลูกค้ากลับไปได้ครู่หนึ่งหญิงสาวจึงได้นำเอกสารขึ้นไปให้ชายหนุ่มเซ็นอนุมัติเรื่องของจัดซื้ออุปกรณ์สำนักงานที่ต้องซื้อทดแทนที่หมดไปและสำรองตามจำนวนที่เหมาะสม
เลปกรอ่านเอกสารขออนุมัติคร่าว ๆ แล้วจรดปลายปากกาเซ็นชื่อของตนลงไปเร็ว ๆ ก่อนจะปิดแฟ้มยื่นส่งให้ สีหน้าบึ้งตึงไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองหน้าเธอทำให้หญิงสาวยิ่งรู้สึกเจ็บปวด มือเรียวหยิบแฟ้มสีเขียวบางขึ้นมากอดแนบอกยืนมองหน้าเขานิ่งจนอีกฝ่ายรู้สึกได้ เลปกรจึงเงยหน้าขึ้นมาสบตาตอบ เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะราวกับสายตาทั้งคู่ที่กำลังจ้องมองกันนั้นกำลังอ่านใจของอีกฝ่าย
วันพรรษาคิดเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาจึงตัดสินใจบอกเขาเรื่องความฝัน
“วัสสาขอพูดอะไรหน่อยได้มั้ยคะ”
“คุณมีอะไรอยากจะพูดอีกหรือ”
ชายหนุ่มย้อนถามเสียงค่อนข้างตึงเข้มกดความกล้าของเธอไม่น้อย แต่เธอก็อยากบอกเขาเผื่อบางทีเขาอาจจะเปลี่ยนใจ
“เมื่อคืนวัสสาฝัน ฝันว่ามีเด็กมาขออยู่ด้วย มาบอกว่าไม่ให้ทำร้ายเขา”
เริ่มพูดไปน้ำเสียงก็นิ่งสั่นเครือ จุกแน่นทั้งอก กระบอกตาร้อนผ่าว แต่เลปกรกลับแค่นยิ้มมองเธอด้วยแววตาเหยียดหยันอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
“คุณพูดแบบนี้ต้องการอะไรวัสสา”
“วัสสาคิดว่าเขาอาจจะอยากอยู่กับเรา”
“เรางั้นเหรอ? คุณรวมคำว่าเรากับใคร?”
“คุณเล...”
เห็นแววตาที่ไม่ต้องการอย่างชัดเจน น้ำตาหยดแรกของวันพรรษาที่พยายามกดกลั้นไว้ก็รินไหล
“ถ้าคุณอยากให้เขาอยู่กับคุณ คุณก็ช่วยดูแลเขาเองแล้วกัน อย่าให้เดือดร้อนมาถึงผม เพราะผมมีงานต้องทำมากมาย ผมบอกคุณแล้วไงว่าผมไม่พร้อม...ที่จะเป็นพ่อของลูกให้ใคร”
เลปกรกลืนน้ำลายลงคอ หยดน้ำตาแห่งความเสียใจของเธอคล้ายว่าไม่สะเทือนความรู้สึกของเขาได้เลยแม้แต่น้อย ริมฝีปากหยักเหยียดออกเป็นรอยยิ้มได้อย่างร้ายลึกยังซ้ำเติมเธอด้วยคำพูดเสียดแทงใจจนคนฟังแทบล้มทั้งยืน
“ก็ได้ ถ้าคุณอยากมีเขานักก็สุดแล้วแต่คุณ แต่ผมบอกคุณไว้ตรงนี้เลยว่าคุณคงจะไม่ได้ออกหน้าออกตาที่ไหน เพราะผมคงทำอะไรแบบนั้นไม่ได้ อีกอย่างถ้าเลือกลูกเราก็จบกัน ผมจะให้เงินคุณก้อนหนึ่ง แล้วลาออกไปซะ”
ย้ำความประสงค์ที่ชัดเจนกับหญิงสาวให้เข้าใจอีกครั้งก่อนจะมีเสียงดังจากโทรศัพท์ ชายหนุ่มหันไปมองแล้วจึงเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าเสื้อสูทก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานแล้วเดินออกไปทันทีโดยไม่หันกลับมาสนใจว่าผู้หญิงที่เขาทิ้งไว้ข้างหลังจะรู้สึกอย่างไร เธอจะตัดสินใจกับคำขาดที่เขายื่นให้ในแบบไหน
วันพรรษายืนกอดแฟ้มเอกสารน้ำตาไหลไม่หยุดอยู่ในห้องทำงานของชายหนุ่มเงียบ ๆ เธอก็ยังไม่กล้าออกจากห้องไปตอนนี้เพราะกลัวว่าป้าจันทรจะเห็นร่องรอยคราบน้ำตาแห่งความเสียใจและซักถาม ครู่ใหญ่เมื่อสะกดกลั้นความรู้สึกได้แล้วหญิงสาวจึงค่อยไปสำรวจสีหน้าตนเองในห้องน้ำชั้นบน เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยจึงเดินลงมานั่งประจำที่ ก้มหน้าทำงานต่อไป
^
^
^
***โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ อิ๊ๆ ส่งกำลังใจมาหน่อยไรท์จะได้มาอ่อยทุกวันค่า