วันพรรษาไปหาบิดาที่วัดแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้บ้านของเธอในชุมชนแถบชานเมือง พันจ่าเอกวันเฉลิมเป็นข้าราชการบำนาญ หลังจากต้องออกจากราชการเพราะทุพพลภาพจากเหตุปฏิบัติราชการในหน้าที่จึงมักจะไปช่วยงานที่วัดแห่งนี้เสมอ หญิงสาวจึงถือโอกาสเข้าไปไหว้พระในอุโบสถ ขากลับออกมามีเด็กผู้ชายคนหนึ่งสวมเสื้อผ้าสีขาวทั้งชุดผิวขาวพวงแก้มยุ้ยอมชมพูหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูเดินตามเธอมาไม่หยุด คราแรกวันพรรษาหันไปยิ้มให้คิดว่าเป็นเด็กวัดที่วิ่งเล่นอยู่แถวนี้เนื่องจากว่ามีโรงเรียนเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ติดกับวัด แต่พอจะเดินถึงทางออกเด็กน้อยก็ยังเดินตามหลังเธอมาไม่หยุด หญิงสาวจึงตัดสินใจหยุดเดินและหันกลับไปมอง เด็กชายแหงนหน้าจ้องตากลับ ทำตาปริบ ๆ เหมือนกำลังจะอ้อนขออะไรจากเธอจนหญิงสาวอดที่จะยิ้มให้กับความน่ารักน่าเอ็นดูที่ไร้เดียงสานี้ไม่ได้ก่อนจะเอ่ยถาม
“หนูตามน้ามาทำไมครับ แม่หนูอยู่ไหน น้าจะพาไปหา”
“ให้หนูอยู่กับแม่ได้มั้ย คุณตาบอกให้หนูมาอยู่กับแม่”
“คุณตา? แม่?”
วันพรรษาขมวดคิ้ว หันไปมองคลับคล้ายคลับคลาว่าคุณตาที่นิ้วเล็ก ๆ ชี้ไปนั้นเป็นบิดาของเธอซึ่งกำลังกวาดลานวัดอยู่
“คุณตาคนนั้นบอกเหรอจ๊ะ”
“ใช่ หนูอยากเป็นลูกของแม่ แม่ให้หนูอยู่ด้วยได้มั้ย หนูจะเป็นเด็กดี”
“โถ ลูก แม่ยังไม่พร้อมจ้ะ”
“ยังไม่พร้อมเหรอ แล้วหนูจะไปอยู่กับใครถ้าแม่ไม่ให้หนูอยู่ด้วย หนูไม่มีที่ไป”
“หนูก็กลับไปอยู่กับแม่ของหนูไงจ๊ะ น้าไม่ใช่แม่ของหนูนะ น้ายังไม่มีลูก”
เด็กชายตัวน้อยพวงแก้มแดงปลั่งมองตาปริบ ๆ อ้อนหญิงสาวอีกว่า
“แม่คือแม่ของหนู ขอหนูอยู่ด้วยนะแม่ หนูจะเป็นเด็กดี”
“โถ ลูกเอ๊ย”
วันพรรษาปล่อยลมหายใจออกมาด้วยความรู้สึกเอ็นดูปนสงสารเด็กน้อย เงยหน้ากวาดสายตามองหาคนที่คิดว่าจะเป็นพ่อหรือแม่ของเด็กคนนี้ครั้นก้มมองเด็กคนที่มาเป็นลูกก็หายไปแล้ว เป็นเวลาเดียวกับที่วันพรรษาสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากความฝันในสภาพที่ตนเองกำลังสะอื้น น้ำตาเปียกปอนโดยที่เธอไม่รู้ตัว
“ฝันเหรอ”
เป็นความฝันที่ค่อนข้างสะเทือนความรู้สึกไม่ใช่น้อยเมื่อคิดว่าเด็กคนนั้นอาจจะเป็นเมล็ดถั่วน้อยที่กำลังเจริญเติบโตอยู่ในท้องของเธอ
^
^
^
***โถถถ ลูก แม่เค้าจะให้อยู่ด้วยมั้ยเนี่ย...เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะค้า