4
ปวิมลและคุณแม่ของเณศราสลับมานอนเป็นเพื่อน วันไหนเลิกงานไวก็จะรีบตรงมาช่วยงานที่ร้าน พี่ป้าน้าอาบางทีก็มานั่งเล่นช่วยกันอุดหนุนเบเกอรี่ คนรอบกายทั้งรุ่นน้องเพื่อนฝูงโทรมาไม่ว่างเว้นวันหลังทราบข่าวแต่งงานหน้าหนึ่งไฮโซ
นั่นทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นไม่น้อย คลายหายจากความเศร้าเสียใจเมื่อมีคนคอยให้กำลังใจตลอด
ช่วงเช้ามาหลังหมดลูกค้าแล้ว เธอทำงานอย่างขยันขันแข็งกว่าเคยจนลูกน้องแทบไม่มีอะไรทำ จึงทยอยกันไปต้อนรับลูกค้าในร้านแทน เธอพยายามทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้จะได้ไม่คิดถึงเรื่องในอดีตแสนหวาน ก่อนจะหันไปเห็นหนุ่มสาวกลุ่มเมื่อวานมาทำด้อม ๆ มอง ๆ ชะโงกคอหาใครด้านหลังร้าน
ผ่านอ่างล้างมือล้างจานไป ด้วยความที่ร้านติดริมรั้วมหาวิทยาลัยก็คงเห็น เธอตัดสินใจเก็บจานก่อนค่อยเดินเข้าไปเชื้อเชิญพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
“น้อง ๆ เข้ามาทานเค้กก่อนสิคะ”
“แพงอะ... ชิ้นตั้งห้าสิบบาท นาน ๆ กินทีพอไหว”
“นี่น้อง...” ในน้ำเสียงไม่พอใจ ยกมือเปียก ๆ เท้าเอวอย่างเอาเรื่อง น้อยครั้งที่สาวผู้แสนอ่อนหวานจะขบกรามใส่ใคร โดยเฉพาะหน้าใสซื่อของหนุ่มสาวที่บอกว่าเค้กของเธอมันแพง!
ทว่าหากเทียบกับวัตถุดิบที่เจ้าของอุตส่าห์ใช้เนยอย่างดีก้อนตั้งเท่าไร ยังแหกขี้ตามาตีไข่ขาวแต่เช้ามืด...
“ราคานี้มันไม่แพงเลยนะคะ น้อง ๆ ก็เรียนเอกชนนะคะ พี่ว่าเค้กข้างนอกบนห้างขายชิ้นละเจ็บแปดสิบแพงกว่าร้านพี่ตั้งเยอะ คุณน้องพูดผิดพูดใหม่ได้พี่จะไม่ว่าเลยนะ”
“ขอโทษนะพี่พวกผมอำพี่อะ ไม่เห็นต้องโกรธเลยโอ๋ ๆ ไม่แพงก็ไม่แพง”
นี่เธอกำลังคุยกับเด็กน้อยหรือนักศึกษากันล่ะเนี่ย!? อายุประมาณยี่สิบกว่าก็นับว่าโต ๆ กันแล้วนะ...
อืม... อายุไม่ได้บ่งบอกถึงวุฒิภาวะแต่เป็นการเลี้ยงดูของพ่อแม่ต่างหาก
คิดพลางกวาดสายตามองนักศึกษาชายสองหญิงหนึ่ง คนหนุ่มตัดผมเกรียนใส่แว่นเป็นเด็กเนิร์ด สาวสวยหน้ากลมผูกเปียข้างแต่แซมผมสีชมพูซ่อนเอาไว้ กระโปรงพลีทจีบรอบยาวประเข่าดูเรียบร้อย เอามือม้วนเปียไปมาอีกข้างหอบหนังสือ ทั้งสามคนพยายามเย้าแหย่เธอเหมือนเป็นคนกันเองทั้งที่เพิ่งรู้จักกันด้วยซ้ำ...
“งั้น... พรุ่งนี้มาทานฟรีได้นะพี่เลี้ยง แต่ว่าห้ามบอกใครนะคะเดี๋ยวพี่จะเสียลูกค้า แล้วอย่าเอาน้ำมันหมูมาเทใส่ร้านพี่แกล้งให้พี่ล้มอีกนะ โดนหักคะแนนพฤติกรรม อาจารย์ให้ F ขึ้นมาล่ะแย่...”
“อาจารย์ไม่ให้เอฟพวกหนูหรอก หึหึหึ...” เสียงหัวเราะจากสาวผมเปียที่ตีบ่าเพื่อนชายก็รีบถาม
“พี่มีแฟนยังอะครับ?”
“ไม่มีค่ะ”
“แล้วคิดจะมีไหม? พี่สวยมากเลยนะเป็นดาราได้เลย... ผมไม่ได้จะจีบพี่นะครับผมแค่อยากรู้เฉย ๆ แบบว่าคนรู้จักกันน่ะ ผูกมิตรไว้เป็นเรื่องดีนะครับเราเพื่อนบ้านกัน”
หญิงสาวกลอกตาไปมาใช้ความคิด...
จริงตรงที่ร้านของเธอติดริมรั้วมหา’ลัยกว้างขวางแต่ก็ยังเป็นร้านที่อยู่ข้างนอก ซึ่งข้างในมีร้านอาหารร้านขายขนมมากมาย ลูกค้าจะไปทานที่อื่นก็ได้ แต่กลับเลือกที่จะมารับประทานขนมร้านเธอเพราะอร่อยถูกปาก มีพื้นที่ให้นั่งทำงาน สะดวกสบายพอสมควร
เคยมีเรื่องเมื่อนานแล้วตอนพนักงานเก่าสูบบุหรี่หลังร้าน ทางมหา’ลัยต้องส่งอาจารย์มาบอกอย่างเกรงใจ เจ้าของร้านอย่างเธอจำเป็นต้องเรียกน้องมาว่ากล่าวตักเตือนและจัดสถานที่สำหรับสูบบุหรี่ให้ใหม่เพื่อถนอมน้ำใจอีกฝ่าย
ก็เป็นเพื่อนบ้านกันจริงอย่างที่น้องนักศึกษาบอก เณศราขยับเข้าไปใกล้รั้วอีกนิด ตัดสินใจถ้อยทีถ้อยอาศัยกับลูกค้า
“เรื่องแฟนยังไม่รู้เลยค่ะว่าควรมีไหม ตอนนี้พี่อยากตื่นมาอบขนมปังด้วยตัวเองทุกเช้า อยากทำเค้กอร่อย ๆ ใช้วัตถุดิบเกรดเอขายให้ลูกค้าทาน แม้ว่ามันจะแพงสำหรับน้องบางคนไม่เป็นไรนะคะ เรื่องราคาสำหรับนักศึกษาเอาเป็นว่าพี่จะพิจารณาปรับลดลงให้ น้องชวนเพื่อนมาทานกันเยอะ ๆ นะคะ”
“พวกหนูจะชวนเพื่อนมาทั้งคลาสเลยพรุ่งนี้ พี่รับไหวเปล่า?”
“มาเลยค่าคุณน้องงง! พี่ยินดีต้อนรับ พี่จะให้นามบัตรร้านไว้นะคะ น้องโทรมาจองโต๊ะไว้ล่วงหน้าได้เลยนะ”
ประสบความสำเร็จ! ด้วยสัญชาตญาณของเณศราบอกได้เลยว่าแก๊งนี้เอาเรื่อง คงมีเพื่อนฝูงมากมายเหมือนสมัยเธอเป็นนักศึกษามหา’ลัยเอกชนถึงจะเป็นที่อื่น
“พี่... ขออีกคำถาม”
“เชิญค่ะ...”
“อาจารย์หนูหล่อเปล่า?”
คนได้ยินเบิกตากว้างก่อนยกมือป้องปากหัวเราะ ตอนนี้เธอคงรู้แล้วล่ะว่าพวกนี้ต้องการอะไร
อยากช่วยอาจารย์จีบสาวแลกเกรดล่ะสิ แหม... ฉลาดกันจริง ๆ นะคะน้อง
“ก็... หล่อนะคะ หน้าเหมือนพระเอกลิเกที่พี่ชอบดูสมัยเด็ก ๆ พี่เป็น FC ไปไหนตามเกาะทุกเวที เอ... รู้สึกว่าตอนนี้จะไปเป็นนักร้องลูกทุ่งแล้วนะคะ”
“คนนี้ปะ?” สาวเปียหยิบมือถือขึ้นมาส่งให้ดูทันที
“ใช่ค่ะเหมือนมาก...”
“เหมือนจริงด้วย”
พอทั้งสามคนเออออกัน รอยยิ้มปรากฏบนวงหน้าหวานใต้เครื่องสำอางอ่อน และเมื่อเงยหน้าขึ้นจากมือถือของน้องสาวผมเปียที่ฉีกยิ้มหวานให้ ไม่มีใครเห็นนักร้องลูกทุ่งหนุ่มในคราบอาจารย์หน้าโหดนอกจากเณศรา
หล่อน่ะก็หล่ออยู่! แต่ทำหน้าเป็นยักษ์เหมือนจะเข้ามาบีบคอเด็กรุ่นยี่สิบกว่า แก่ก็แก่กว่าตั้งเยอะจากการคาดการณ์อายุอาจารย์โดยทั่วไปแล้ว เธอว่าน่ากลัวมากกว่า...
“นักศึกษาคณะนี้น่ารักดีนะคะ ทำทุกอย่างได้เพื่อเกรด...”
“แน่นอน... เกรดเท่านั้นที่จะทำให้พวกหนูได้งานดี ๆ อาจารย์ฮอตเนิร์ดของพวกหนูน่ะยกให้พี่ละกันค่ะ”
“อุ๊ยตายคุณน้อง... มียกให้ไม่ยกให้ด้วยหรือคะ?” อุทานด้วยเสียงหัวเราะ หนุ่ม ๆ สาว ๆ เลยหัวเราะตาม ด้วยความเป็นรุ่นพี่กว่าถึงหกปี เธอจึงให้คำแนะนำ
“เรื่องเกรดดีได้งานดีบางทีมันก็ไม่แน่นอนนะคะ พี่ว่าน้องอาจเจองานที่ชอบ ทำแล้วมีความสุขโดยไม่ต้องใช้เกรด... อย่างพี่เรียนได้เกรดดีนะแต่ดูสิ... ทำไมพี่ดันมาเปิดร้านขายขนมปัง”
“พี่ว่าเรียนหนังสือไม่จำเป็นเหรอครับ...?”
“ไม่ใช่ไม่จำเป็นนะคะ การตั้งใจเรียนเป็นเรื่องดีค่ะ มันหมายความว่าเราจริงจังกับชีวิตแค่ไหน เรามีความพยายามเท่าไร ถ้าแค่เรียนยังทำให้ดีไม่ได้เลย เวลาทำงานเราจะแน่ใจแค่ไหนว่าเราตั้งใจกับอะไรสักอย่างได้”
“โอ้ววโหววว! พี่ตรรกะดีมากไม่พังให้เต็มสิบมิน่าอาจารย์ป้องถึงได้ปิ๊ง สวยแล้วยังมีสติ มีความคิดที่ดีทางด้านการศึกษา อันที่จริงพวกหนูก็ตั้งใจเรียนกันนะ ถึงไม่ตั้งใจแต่ว่าส่งงานอาจารย์อยู่”
“ผมก็ตั้งใจครับ แม่จ้างมาเรียนบอกว่าหลับได้ เที่ยวดึกไม่เป็นไรแต่ห้ามกลับเช้า งานต้องส่งครบต้องเรียนจบค่อยไปทำธุรกิจทางบ้านต่อ”
“มีด้วยเหรอ? ไอ้เปี๊ยก... ธุรกิจน่ะ ไม่ใช่ว่ารีบจบรีบไปทำงานใช้หนี้?”
“มีเด้... ทำไมดูถูกผมล่ะครับ?”
หนุ่มสาวเถียงกันอย่างสนุกปาก สามคนยังไม่เลิกเกาะรั้วจนคนหนึ่งเปิดซิปกระเป๋าสะพายเป้ หยิบกระดาษม้วนออกมายัดลงช่องว่างระหว่างรั้ว
“อะพี่... รับ ๆ ของ”
“อะไรคะ?” ถามในสีหน้าสงสัยแม้มือทำงานไว เธอรีบดึงมันออกมา ขณะที่คนข้างหลังพยายามเข้ามายื้อแย่งแต่ก็ไม่ทัน
เมื่อชายร่างสูงใหญ่ดึงคว้าได้เพียงอากาศ นักศึกษาทั้งสามคนมองขวับตามจึงเห็นว่าอาจารย์แอบอยู่ข้างหลังมาสักพัก คนหนึ่งตะโกนบอก
“พี่! จารย์แกวาดรูปพี่ในมือถืออะเป็นสิบ ๆ รูป... หนูเห็นกับตาไม่ได้ขี้จุ๊เบ่เบ๋... ไปนะ!”
เสียงกรี๊ดกร๊าดดังหลังจากที่แต่ละคนวิ่งหายไปคนละทิศคนละทาง อาจารย์หนุ่มขายาวพยายามตามจับนักศึกษามาคิดบัญชีแค้น เรียกเสียงหัวเราะของคนที่ไม่ได้ขำอะไรมาหลายวัน ให้ยืนหัวเราะอยู่ตรงนั้น