2
ขอบตาบวมช้ำหนา! แดง! เหมือนโดนผึ้งต่อยมายกรังทำให้หญิงสาวใช้เวลาแต่งหน้านานพอสมควร กว่าจะกรีดตาสองชั้นที่กลายเป็นชั้นเดียวอย่างอาหมวยเยาวราชให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ก็เล่นเอาเหนื่อย เธอหยิบชุดสวยกระโปรงพองเสื้อลายแมวน่ารัก ดัดผมสีน้ำตาลให้เป็นลอนบริเวณปลายผมเหมือนตุ๊กตา จัดเสื้อผ้าหน้าผมเป๊ะเหมือนทุกวันด้วยความเป็นคนรักสวยรักงาม ทำสภาพตัวเองให้กลับมาสวยสดใส
เสียใจเท่าไร... ต้องเก็บไว้ในใจ เพื่อที่จะรีบบึ่งรถไปอบขนมปังแข่งกับเวลา เป็นโชคดีที่น้อง ๆ มาเปิดประตูเหล็กซึ่งเป็นแบบดึงขึ้นชักรอกซ่อนเชือกไว้ ช่วยกันนำขนมปังที่ปั้นแล้วเข้าตู้อบแต่เช้ามืด
หน้าร้านคาเฟ่แสนน่ารักมีประตูรั้วสีขาวติดริมถนนใหญ่ เว้นช่วงเล็กน้อยเป็นหญ้าเทียมและตุ๊กตาเพื่อป้องกันมลพิษจากภายนอกที่มีรถสัญจรไปมาตลอด ในทุก ๆ เช้าจะมีลูกค้ามายืนรอต่อคิวซื้อแซนด์วิชกล่อง ขนมนมกาแฟ ฝากท้องของพวกเขาไว้กับเณศราเบเกอรี่ก่อนไปทำงานและไปเรียน
ไม่ขยันเลยไม่ใช่แค่อดตาย มันหมายถึงความเดือดร้อนของผู้คนที่จะต้องไปหาซื้ออาหารร้านอื่น เป็นเหตุให้เจ้าของร้านให้ความสำคัญกับการเปิด-ปิดร้านและวันหยุดเอามาก ๆ
แต่เช้านี้เธอพลาด!
เณศรารู้สึกผิดจนต้องเอ่ยขอโทษน้องนักศึกษาและพนักงาน บอกเหตุผลว่าทำไมมาสายนั่นก็คือเธอไปงานแต่งผู้ชายคนนั้นมา คนที่ทุกคนเข้าใจว่าเป็นแฟนหนุ่ม ออ... ก็ไม่ใช่สินะเพราะว่าเขาไม่เคยบอกว่าเป็นแฟน เธอทำเป็นเรื่องตลกโปกฮาแม้ว่าคนอื่นจะหัวเราะไม่ออก
เมื่อข่าวสารรวดเร็วในยุค 3G หลายคนคงแปลกใจ เณศราได้รับคำปลอบใจจากทุกคนรอบกาย ขนาดคุณพ่อคุณแม่ยังเดินทางมาหา คุณพ่อไม่ลืมดอกไม้สำหรับตกแต่งแจกันในร้าน คุณแม่มาช่วยต้อนรับลูกค้าที่มาต่อคิวซื้อกาแฟจนคนเริ่มน้อยลงค่อยเข้าไปกอดลูกสาว
“ไม่เป็นไรนะลูก... เนยยังมีพ่อแม่เสมอ ไว้วันหยุดนี้ไปทานข้าวกัน แม่เลี้ยงเองจ้ะ”
“ลูกสาวพ่อเก่งอยู่แล้ว พ่อว่าผู้ชายเยอะแยะ สวยเลือกได้ซะอย่าง”
“ขอบคุณนะพ่อแม่... ลูกจ้างสองคนเนี้ยน่ารัก ไม่ต้องจ่ายเงินเดือนด้วยอีก”
เสียงหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดีจากชายร่างสูงใหญ่และสาววัยสี่สิบห้าปี
เนตราปลอบสารพัดจะปลอบแม้ว่าลูกสาวไม่เคยแสดงความอ่อนแอออกมาให้ใครเห็น ด้วยความที่ถูกเลี้ยงมาให้ช่วยเหลือตัวเอง ตัดสินใจทำอะไรอย่างมั่นใจโดยมีครอบครัวคอยให้การสนับสนุน
เณ-ศรา และ เน-ตรา ตัวอักษรขนาดใหญ่ ‘Ne’ ลูกสาวเป็นคนต้นคิด ตั้งใจเปิดร้านให้คุณแม่ผู้ชื่นชอบเบเกอรี่ หลงใหลในการทำขนมเป็นชีวิตจิตใจ
บรรยากาศอันแสนอบอุ่นหน้าเคาน์เตอร์คิดเงิน หลายคนในร้านคงอดอมยิ้มไม่ได้ มันเป็นภาพที่เห็นอยู่บ่อยครั้งคราวสองหนุ่มสาวรุ่นใหญ่ในเชิ้ตสุภาพเรียบร้อยสะอาดตาแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนลูกสาว
ต่างคนพากันไปด้านหลังร้านอาหาร มีมุมน้ำพุเล็ก ๆ เป็นม้านั่งหินมองผ่านไปเป็นรั้วมหาวิทยาลัยเอกชน นักศึกษาเดินกันขวักไขว่ถือแท็บเล็ตหิ้วกระเป๋าสะพายพาดบ่าเตรียมตัวเข้าห้องเรียน
คุณพ่อเห็นสีหน้าของลูกสาวไม่ค่อยดีนัก แต่จำเป็นต้องตักเตือนสั่งสอน
“หวังว่านี่จะเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ในชีวิตนะลูกนะ ผู้ชายบางคนเลิกรากันไปอาจเป็นเพื่อนกันได้...หรือว่าไม่ได้... ลูกลองคิดดูอย่าให้พลาดอีก เดี๋ยวภรรยาเขาจะมาว่าเอา ลูกต้องวางตัวดี ๆ นะเนย”
แววตาคู่สวยสลดเศร้าเกิดประกายแน่วแน่ยามสบมองสีหน้าเป็นกังวลของคนทั้งสอง
“แม่เองก็เอาใจช่วยนะลูก ตราบใดที่ลูกคิดดีทำดีลูกจะเจอคนศีลเสมอ ธุรกิจลูกก็จะเจริญรุ่งเรืองไปด้วย เรื่องแต่งงานเป็นการตัดสินใจของเขาส่วนตัวเราต้องดำรงในศีลธรรม ห้ามเด็ดขาดนะ... ห้ามไปยุ่งกับผัวใคร”
“ค่ะพ่อ แม่... เนยไม่ทำให้พ่อแม่เสียชื่อเสียงแน่นอน ถึงเนยจะหัวอ่อนไปหน่อย เนยว่าเนยมีจุดยืนในชีวิตอยู่ค่ะ” เธอฉีกยิ้มกว้างหวานให้คุณแม่สบายใจ ก่อนจะทอดสายตามองสนามหญ้าเขียวขจี ลานกีฬาของมหา’ลัยไฮโซด้วยท่าทางสบาย ๆ
จากตรงนี้กั้นกลางไว้ด้วยรั้วระแนงเหล็กเป็นซี่สีดำ สำหรับป้องกันความปลอดภัยของทรัพย์สินเวลาปิดร้าน ซึ่งมหา’ลัยเปิดกว้างพื้นที่หลายไร่คงไม่มีใครมาคอยเฝ้าตลอดทุกตารางนิ้วนอกเสียจากพนักงานรักษาความปลอดภัยทางประตูหน้าในอีกฟากหนึ่ง กับกล้อง CCTV นับร้อยตัว
ที่ได้ทำเลดีขนาดนี้ก็ฝีมือข้าราชการมีเส้นสาย แจกลายเซ็นเบิ้ลสองเป็นคนค้ำให้เธอกู้ธนาคารทีเดียวผ่าน เณศราได้ทำตามฝันของตัวเองที่จะเปิดร้านขนมปัง...
“อดคิดถึงคนเคยดูแลกันไม่ได้นะ พ่อว่าเขาก็ออกจะนิสัยดี แต่ว่าช่างเถอะ... คนจะไปเขาตัดสินใจแล้ว เราก็ปล่อยเขาไป” คุณพ่อให้กำลังใจลูกสาวแม้ว่ายังไม่เข้าใจในเหตุผลของชายหนุ่มนัก ก่อนถึงเวลาต้องบอกลากัน
“เอ้า... พ่อพาแม่ไปเข้างานก่อนนะครับ ขายดี ๆ นะลูก”
“บ๊ายบายค่ะ ไว้เจอกันวันหยุดนี้”
เด็กรุ่นใหม่น้อยคนจะยกมือไหว้สวัสดีพ่อแม่แต่เณศราทำ... เธอยกมือประนมแนบอกอย่างงามช้อยสมกุลสตรี แจกหอมฟอดใหญ่อย่างเท่าเทียม โบกมือลาจนทั้งสองขึ้นรถยนต์ที่จอดไว้ด้านข้างร้าน
ใบหน้าสดสวยคลายความเศร้าหมองหลังทั้งสองคนจากไป เธอยิ้มดีใจแล้วก็เศร้าอีกพอกลับเข้าไปในร้าน มองไปที่โต๊ะตัวเดิมเหมือนว่าเขายังนั่งรอเธออยู่ตรงนั้น
อย่าโง่ค่ะ! จะไปคิดถึงเขาทำไม?
บอกตัวเองด้วยใจเจ็บ หญิงสาวกัดริมฝีปากตัวเองจนแทบจะเป็นห้อเลือด ลืมไปว่าไม่ได้อยู่คนเดียว
“พี่เนยคะ ฝากเสิร์ฟหน่อยโต๊ะแปด”
เสียงเรียกสั่งพาหลุดจากภวังค์ฟุ้งซ่าน น้องนักศึกษาวางของไว้แล้วเดินหายไปดูขนมปังในครัว เณศราส่ายหน้าไปมา
“มาสายหน่อยเดียว ไม่รู้ใครเป็นเจ้านายลูกน้องแล้วล่ะวันนี้” ไม่วายบ่นพลางผ่อนลมหายใจหนัก เธอหยิบจานเค้กใบเล็กใส่ถาดบนเคาน์เตอร์แล้วเดินไป ทันใดนั้นเอง เพราะไม่ทันสังเกตเห็นพื้นเปียกนองน้ำยังใส่ส้นสูงประมาณสองนิ้วมาด้วย
“ว๊าย!” เสียงดังทันทีที่เจ้าของร้านคนสวยเกือบเทกระจาดลงพื้นพร้อมกับเค้กในจาน ซึ่งเธอคว้ามันได้ทันแม้ว่าครีมสีขาวจะละเลงเละเทะบนเสื้อยืด
ขณะดวงตาคู่สวยเบิกกว้างมองตามใบหน้าหล่อเหลา หนุ่มแปลกหน้ารวบเอวของเธอเอาไว้กระชับจับไม่ให้ล้มลงฟาดกับพื้นเย็นเฉียบ มือใหญ่วางทาบบนแผ่นหลังดันล้วงเข้าไปในเสื้อในสภาพที่เธอเอนตัวลงเป็นนักเต้นเท้าไฟในงานลีลาศ
เนื้อแนบเนื้อสำหรับงานเอวลอย...
นึกอยากเอาเสื้อลอยเต่อตัวนี้ยัดเข้าไปในกระโปรงแต่เขาจับไปแล้วจะไปมีประโยชน์อะไร
“ระวังนะครับมันลื่น...”
ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าราบเรียบไร้อารมณ์มีเสน่ห์ในแบบหนุ่มหล่อขาว... ตี๋ตาโตใต้แว่นกรอบหนา... นี่มันหนุ่มฮอตเนิร์ดชัด ๆ!
เณศราสติหลุดไปหลายนาน แม้รู้สึกได้ถึงความร้อนแรงจากฝ่ามือหนาใหญ่ นุ่ม! เหมือนมือผู้หญิง จนเสียงทุ้มนุ่มละมุนหูเรียกดัง
“คุณครับ?”
เธอรีบผละออกจากอ้อมแขนแข็งแรง ทรงตัวอย่างมั่นคง ละล่ำละลักพูด
“ขอโทษค่ะ!”
“ไม่ใช่คุณ... ผมต้องเป็นฝ่ายขอโทษครับ เด็กพวกนั้นเป็นนักศึกษาผม... ทำน้ำหก... ตั้งใจ” ปลายนิ้วชี้ออกไปทางนอกหน้าต่างบานใส เณศราถึงได้มองตามหนุ่มสาวประมาณสี่คนด้านนอกร้านยืนฉีกยิ้มแฉ่ง โบกมือไปมา แต่ละคนดูแล้วหน้าตาท่าทางเอาเรื่อง ทว่าเธอคงจะโกรธเด็ก ๆ ไม่ลง
“ไม่เป็นไรค่ะเชิญนั่งก่อนนะคะ คุณนั่งก่อนเลยค่ะนั่งตรงนี้เลย เอ่อ... อาจารย์นะคะ?”
ความเก้อเขินทำให้เธอเพิ่งฉุกใจนึกขึ้นได้ถึงคำว่า ‘นักศึกษาผม’ ยังไม่เคยมีหนุ่มคนไหนมาลูบหลังด้วยมือสด ๆ! เธอพาเขาไปนั่งลงบนโซฟาสีเขียวหน้าเคาน์เตอร์ อาจารย์หนุ่มก็เอาแต่มองเค้กในมือเหมือนเสียดายทั้งคนทั้งเค้กที่จำเป็นต้องปล่อยให้เป็นอิสระ
“ฉันขอโทษและขอบคุณมากเลยนะคะ ถ้าอาจารย์ไม่รับไว้ฉันคงได้หน้าแหกปากแตกหมอไม่รับเย็บ... ทานกาแฟหรือน้ำอะไรไหมคะ? ทานฟรีได้เลยค่ะ...”
“ไม่เป็นไร ๆ ครับ ผมจ่ายได้ครับ ขอเป็นคาปูชิโน่เย็นแล้วกัน... แต่...” เสียงเข้มเงียบไป นัยน์ตาคู่คมใต้แว่นกรอบหนาขยับมองไปทางของที่เธอประคองมันไว้ราวกับว่าเป็นทองคำล้ำค่า ไม่ใช่เค้กเพียงเสี้ยวเดียว
“ผมขับรถมาจากพระประแดงเพื่อมากินสตรอว์เบอร์รีชีสเค้ก เหมือนว่ามันจะเป็นชิ้นสุดท้ายในตู้นะครับ...”
“พระประแดง!” อุทานตาโต เพราะนั่นคือห่างจากร้านเธอเกือบสี่สิบกิโลฯ ได้ เท่ากับขับรถข้ามจังหวัด เณศราก้มศีรษะให้เขาไม่รู้รอบที่เท่าไร
“ขอโทษจริง ๆ นะคะ เดี๋ยวฉันจะทำให้ใหม่ แต่วันนี้คงไม่ทัน ยังไงวันหลังมาทานฟรีได้เลยค่ะอาจารย์...”
“ครับ... ไม่เป็นไร”
โกหกล้วน ๆ! เมื่อดวงตาคู่คมไม่ละวางจากก้อนครีมบนเสื้อยืดบริเวณหน้าอกกับก้อนเละเทะในมือบอกว่าเขาอยากกิน...
“หรืออาจารย์จะทานเค้กบนเสื้อฉันล่ะคะ? ส่วนอันนี้... เละ...” เธอยิ้มเจื่อนก่อนจะปล่อยเค้กสีเนื้อนวลลงบนจานอย่างเดิม ใส่ถาดขนาดพอดีมือเรียบร้อยดีแล้วจึงโน้มตัวลงวางมันบนโต๊ะ โดยมีอาจารย์หนุ่มเอื้อมไปหยิบมันเข้าปากทันที! เณศราถึงกับอ้าปากค้าง
“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะเสียมารยาท... กับคุณนะ”
“เอ้อ... รู้สึกเขินจัง แต่ดีใจนะคะที่เค้กอร่อย ดีใจมาก ๆ เลย”
แล้ว... อาจารย์เพิ่งกินเค้กขี้มือเธอแหละ...
คิดพลางอมยิ้มแก้มกลมตุ่ย พอเขาหยิบทิชชูส่งให้เธอรับมาเช็ดมือเช็ดเสื้อ เณศรายังเห็นด้วยอีกว่ามีคนแอบเหลือบตามองตามทิชชูเคลือบครีมสตรอว์เบอร์รีเหมือนอยากกินเข้าไปอีก