CHAPTER 2
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อหนาวค่ะ”
คนนี้เหรอที่ไอ้รามกลัวทิ้ง
หึ... ทิ้งไม่ลงหรอกตาแป๋วขนาดนี้
ตัวก็เล็กขนาดนี้จะทิ้งก็ยังไงอยู่ เอาเป็นว่าจะดูแลให้ดี
“ทิศเหนือครับ”
“อ่า...หนูเรียกพ่อเลี้ยงได้ใช่ไหม”
“ได้” เพราะความไม่ต่อความยาวสาวความยืดในมันกินเกินเวลามากไป มือใหญ่ของทิศเหนือจึงได้ยื่นเข้าไปคว้ากระเป๋าสีชมพูใบโตเข้ามาอยู่ในมือของตัวเองอย่างง่ายดาย ก่อนบังคับทิศทางการเคลื่อนไหวของกระเป๋าเองราวกับเป็นเรื่องที่ทำอย่างปกติ “หนาวตามมานะครับ”
“ค่ะพ่อเลี้ยง”
รถหรูสัญชาติยุโรปเคลื่อนตัวออกจากสนามบินในทันทีหลังจากที่ทุกอย่างได้รับคำตอบครบจากคนนั่งข้างประจำคนขับ ก่อนออกมาเสี้ยวใบหน้าหล่อลากของพ่อเลี้ยงทิศเหนือนั้นได้ถามกับหนาวหรือว่าน้ำหนาวว่าทานข้าวมาหรือยัง อยากเข้าห้องน้ำหรือเปล่า อยากให้แวะตรงไหนไหม มันคือคำถามที่แสดงให้รู้สึกดีขึ้นทำให้คลายความกังวลได้มากในตอนนั้น
แต่... ใช้ไม่ได้ในตอนนี้
ใช้ไม่ได้ในรถที่เคลื่อนตัว ยังเงียบและอึดอัดอยู่ดี
คนแปลกหน้าที่พึ่งรู้จักกันเพียงแค่ชื่อแล้วยังนั่งรถเดินทางด้วยกันสองคนเป็นปกติเลยหากมันจะมีช่องว่างของความอึดอัดหรือความเงียบแฝงขึ้นมา ปกติการนั่งรถข้างคนขับกับเพื่อนน้ำหนาวจะไม่นั่งเงียบไร้บทสนทนาคุยอะไรขนาดนี้ มันจะบันเทิงมากกว่านี้หลายเท่าเพราะเกิดการถกเถียงกัน แต่ว่าสถานการณ์ต่างกันทว่าพอได้เห็นเพื่อนพี่รามทุกอย่างมันทำให้ต้องเงียบเพื่อเข้าสู่กระบวนการวิเคราะห์กับข้อมูลที่ได้รับมา
มันใจดีมาก ไม่อะไรหรอก ทุกอย่างโอเคแน่ๆ
เรื่องหน้าตาก็พอใช้ได้ สูงหน่อยแต่ผิวขาวที่สำคัญมันปกติ
เสียงของประโยคพี่รามยังตามเข้ามาหลอกหลอนน้ำหนาวไม่จบไม่สิ้นไปเสียที
ประโยคพวกนั้นหลอกกันหรือเปล่าตอนนี้น้ำหนาวได้รับคำตอบอย่างชัดเจนยืนยันโดยสายตาของตัวเองที่ไม่มีใครสามารถหลอกได้อีกต่อไปแม้กระทั้งลูกพี่ลูกน้องที่ได้ชื่อว่ารามมาก็ตาม ตั้งแต่อยู่ในสนามบินแล้ว การพบเจอกันในครั้งแรกน้ำหนาวก็เหมือนกำลังโดนพี่รามแกงทุกอย่างที่บอกเธอมาหมด หน้าตามันก็ใช้ได้แหละ สูงเท่าพี่ เหมือนพี่ทุกอย่าง ดูพี่เป็นตัวเองได้เลย เหอะ... อยากตบพี่รามจริงๆ ในตอนนี้
แตกต่างจากความจริงแทบคนละโลก
อยากตะโกนใส่หน้าว่ามันเหมือนกันตรงไหนเล่า
พ่อเลี้ยงทิศเหนือมันเหมือนกับที่พี่รามบรรยายมากรอกหูของน้ำหนาวทุกวันมันไม่ใช่แบบนี้เลยด้วยซ้ำ หากไม่ได้รูปที่ส่งมาตอนอยู่สนามบินมีหวังวันนี้คิดว่าอีกฝ่ายเป็นดาราท่านหนึ่งแน่ๆ ไม่มีทางอื่นที่จะไม่คิดแบบนี้ เนื่องด้วยลักษณะสูงโปร่งแต่งกายด้วยความธรรมดาแต่ออร่าไม่ธรรมดาสักนิด
มองในระยะไกลบอกได้ว่าดูดียิ่งใกล้ก็จะยิ่งดูดีเพิ่มเป็นเท่าตัว ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าได้รูปตามพระเจ้าสันสร้างปั้นขึ้นมาเด่นด้วยโครงรูปเด่นสันกรามน่ามอง จมูกโด่งจรดไปถึงริมฝีปากบางได้รูปเป็นกระจับนี่ยังไม่รวมรูปร่างที่เหมือนนายแบบออกมาจากนิตยสาร ทุกอย่างมันเด่นไปหมดไม่มีที่ให้บอกว่าผู้ชายคนนี้ไม่ดูดีเลย
นับรวมๆ เหมือนพระเจ้าเคลื่อนที่ได้อย่างงั้นเลย
ยิ่งพอได้เข้ามองใกล้ๆ สายตาเห็นท่าทีการบังคับพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียวใส่นาฬิกาหรูเรือนละล้านกว่ายิ่งไปกันใหญ่ ทำให้มองเพลินน่าดู อยากบอกว่านี่คือจุดพักสายตาชั้นดีที่หาดูได้ยากในชีวิตนี้ น้ำหนาวเชื่อแล้วว่าโลกนี้ยังมีคนที่ดูดีได้ขนาดนี้มันมีอยู่จริงไม่ใช่แค่นิยายเท่านั้น
มือใหญ่ที่เส้นเลือดปูดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนเพราะพ่อเลี้ยงทิศเหนือเป็นคนผิวขาวจัดหรือว่าผิวอมชมพูนั่นแหละ ผิวที่ผู้หญิงหลายคนใฝ่ฝันอยากได้แบบนั้นกับการพวงมาลัยไปเรื่อยๆ จนแล้วจนรอดความเงียบยังไม่ถูกทำลายไปเสียทีเป็นวินาทีเดียวที่เหมือนกับว่าที่พักสายตาของน้ำหนาวจะรู้สึกตัวแล้ว
“ง่วงนอนได้นะ”
ประโยคทำลายความเงียบแต่ยังไม่มองหน้าคู่สนทนาเพราะต้องโฟกัสให้กับการขับรถ ยังไงความปลอดภัยต้องมาก่อนเป็นอันดับแรกหากอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ทิศเหนือคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะรู้ดีเพียงแค่ก่อนหน้ามีความประหม่าและไม่คุ้นชินมากกว่า
“นอนบนเครื่องมาเยอะแล้วค่ะ”
“แต่รู้ไหมว่ามันยังอีกไกลเลย”
ไม่ได้ต้องการให้กังวลแต่มันเป็นความจริง
“แบบนี้พ่อเลี้ยงออกมาเช้าเลยเหรอ รับกวนแน่เลย”
น้ำเสียงในประโยคสุดท้ายเบาหวิวลงแทบทำให้ไม่ได้ยินแต่มันไม่ใช่กับทิศเหนือเลยสักนิดเดียว เขาพอได้ยินทุกอย่างชัดเจนอย่างที่ไม่ต้องถามซ้ำขึ้นมา พอสัญญาณไฟทางแยกด้านหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงรถก็ถูกบังคับให้จอดคราวนี้การโฟกัสในการขับรถมันก็สิ้นสุด ยังอีกนานที่สัญญาณไฟจราจรจะปรับเปลี่ยนเป็นสีเขียว
ทั้งทิศเหนือแล้วก็น้ำหนาวทั้งสองสายตาก็หันมามองประสานกันอย่างไม่ได้นัดหมาย นัยน์ตากลมโตมองแสดงออกมาอย่างขอโทษส่วนทิศเหนือนั้นเขาทำแค่เพียงยิ้มออกมาพร้อมกับประโยคว่า ไม่เป็นไร ไม่รบกวนอะไร
“แต่พี่รามบอกอย่ารบกวนมาก พ่อเลี้ยงไม่ใช่คนใจดี”
ทิศเหนือยังยิ้มให้น้ำหนาวก่อนที่จะหันไปโฟกัสมองบนถนนต่อเพราะรู้เวลาของสัญญาณไฟว่าในอีกไม่กี่วินาทีมันจากนี้มันจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว ในช่วงเวลานั้นมือยาวก็คว้าแว่นกันแดดสีชาเข้ามาใส่ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่มี ใบหน้ายิ้มเมื่อกี้ก็เปลี่ยนไปด้วย
ไอ้ราม ไอ้ส้นตีน
“แต่รู้ว่าควรใจดีกับใคร”
“ใช่หนูไหม”
“ทำไมครับ”
“ใจดีกับหนาวเถอะนะ”
ประโยคที่เหมือนพูดให้มันผ่านๆ ทว่าน้ำเสียงมันกับไม่ใช่เลย ด้วยรถที่กำลังเคลื่อนตัวออกไปมันก็เหมือนกับความคิดของทิศเหนือที่กำลังประมวลบางสิ่งบางอย่างอยู่
เหมือนมีความขอร้องแทรกเข้ามาในประโยค
เหมือนต้องการให้ใจดีด้วยจริงๆ ไม่ได้ล้อเล่นอย่างผ่านๆ
“ครับ ใจดีกับหนาวด้วย”
“ขอบคุณเจ้า”
“รู้จักภาษาเหนือด้วย?”
“รู้แล้วเงียบไว้นะคะ รู้จักแค่เจ้าเท่านั้นแหละ”
“แค่นี้ก็ดีแล้ว”
“ขอบคุณนะคะที่เอ่ยแบบนี้ออกมา คำชมทำให้ใจฟูขึ้นเลย คิดไม่ผิดที่หนูเลือกมาเชียงราย”
“แค่นี้ก็เก่งมากแล้วครับ”
เสียงล้อเลื่อนของกระเป๋าเดินทางสีชมพูอ่อนนั้นได้เคลื่อนหมุนส่งเสียงไปตามการบังคับของมือใหญ่เรียว มันดูเข้ากันไปทุกส่วนสำหรับร่างสูงโปร่งที่ใช้มืออีกหนึ่งข้างล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเองอย่างธรรมดาทว่าดูไม่ธรรมดาในสายตาคนอื่นๆ มันเป็นลักษณะท่าทางอันเป็นธรรมชาติสุดของสายตาของคนๆ หนึ่งที่เดินตามด้านหลัง
หลังจากที่ได้พูดคุยกันในรถหลายชั่วโมงติดต่อกันจนกระทั่งตอนนี้ก็เดินทางมาถึงจุดหมาย น้ำหนาวเดินก้าวเท้าตามร่างสูงด้วยตัวเปล่าเพราะทุกอย่างอยู่ที่บุคคลตรงหน้าหมดซึ่งมีกระเป๋าเดินทางสีชมพูใบกลางและกระเป๋าสะพายที่คล้องวางไว้บนกระเป๋าเดินทางนั้นแค่อีกหนึ่งใบเท่านั้น
ทั้งเนื้อทั้งตัวน้ำหนาวเธอมีแค่นี้
ทันเอามาด้วยแค่นี้
“ที่นี้อยู่บนภูเขาสูง ฤดูนี้ฤดูหนาวบรรยากาศทั้งวันไม่เกินยี่สิบสององศานะครับ ตอนเย็นมืดเร็วมากตอนกลางคืนกับตอนเช้าหนาวเอาการยังไงก็ดูแลตัวเองด้วย”
“ค่ะพ่อเลี้ยง”
“เดี๋ยวไม่สบาย ร่างกายคุณอาจปรับตัวไม่ทัน”
“พ่อเลี้ยงรู้เหรอคะ”
น้ำหนาวหยุดเท้าลงคนตรงหน้าก็หยุดเช่นกันแล้วทิศเหนือก็หันตัวมาประจันหน้าด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยสักพักก็ส่งยิ้มให้ราวกับมีมนต์สะกดชวนหลงใหล
“ผมเก่งนะครับ เก่งที่มองหนาวออกแค่คนเดียว”