เห็นลูกน้องคนสนิทเดือดดาลเกรี้ยวกราดปานนั้น หลิ่งหลินพลันขมวดคิ้วฉงน สักพักนางก็เริ่มเข้าใจทุกสิ่ง ทั้งเรื่องสามีกับหญิงชู้และลูกน้องที่แอบชอบสามี...แต่ทว่า...ใครสนกันล่ะ!
“ที่แท้ก็เช่นนี้ ยาพิษนี่...คือแผนการของเจ้าสินะ! บังอาจนัก!”
นอกจากไม่ปฏิเสธ เจียเย่พลันหัวเราะลั่น
“ฮ่าๆ ดอกบุปผาวารีผลาญวิญญาณที่ท่านชมชอบจนนำมาปลูกเอาไว้และเลี้ยงเองกับมือเป็นปี ท่านเคยสงสัยว่าฤทธิ์เดชร้ายกาจปานใด วันนี้รสชาติของมันเป็นเช่นไร คงรู้ซึ้งแล้วกระมัง ทรมานหรือไม่เล่า?”
“เจ้า...”
“โธ่เอ๋ย หลังจากที่ท่านโง่งมมาแสนนาน วันนี้ข้าทำให้ท่านฉลาดขึ้นมาแล้ว ทั้งเรื่องพิษจากบุปผาที่งามที่สุดดอกนี้ และสามีที่คู่ควรกับท่านที่สุดคนนั้น ท่านควรขอบคุณข้า แล้วตอบแทนด้วยตำแหน่งและอำนาจทั้งหมดเถิดนะเจ้าคะ”
หลิ่งหลินกัดฟันกรอด เค้นเสียงแหบแห้ง “เหลวไหล! หากมิใช่ข้า สมุนนับหมื่นไหนเลยจะยอมก้มหัวให้ผู้อื่น ยิ่งไม่ใช่เจ้าอย่างแน่นอน ช่างฝันเฟื่องสิ้นดี สามีข้าก็เช่นกัน เขาไม่มีทางเอาเจ้าเป็นภรรยา”
นอกจากไม่สลด เจียเย่กลับเลิกคิ้ว สีหน้าไม่ยี่หระ
“ยากอันใดเล่าเจ้าคะ เราสองก็แค่เปลี่ยนตัวกันซะ ท่านเป็นข้า และข้าเป็นท่าน ก็เท่านั้น”
กล่าวจบเจียเย่หัวเราะอย่างชั่วร้าย ดวงตาแดงก่ำปานเลือดซึม
หญิงสาวอาศัยช่วงที่หัวใจของหลิ่งหลินยังเต้นถี่รัว แต่ตับไตใกล้ดับสลาย เลือนลมแตกซ่าน พลังปราณสับสน ร่างทั้งร่างนั่งนิ่งสิ้นแรง มิอาจขยับเคลื่อนไหว
กลุ่มควันสีดำพวยพุ่งจากร่างของเจียเย่
วิชามาร ‘อสูรผลัดกายเปลี่ยนวิญญาณ’ ในตำนานพลันเกิดขึ้นตรงหน้า ม่านตาพร่าเลือนเห็นภาพสั่นสะเทือนเหมือนผนังถ้ำถูกเขย่า หินผาร้าว รอบทิศโคลงเคลงไม่หยุด
หลิ่งหลินไม่รู้ว่าเจียเย่แอบฝึกวิชามารนี้ตั้งแต่เมื่อใด ยิ่งมิอาจคาดคิดว่าบุปผาวารีที่เลี้ยงไว้มีผลกับอวิชาโดยตรง
เพียงเสี้ยวเวลา ยามที่ร่างกายกำลังอยู่ช่วงกึ่งหลุดพ้นกึ่งบรรลุไปสู่ขั้นตบะแห่งปราณบริสุทธิ์ขั้นสูง ทั้งตัวเสมือนอยู่ในใยไหมบางเบาภายใต้ผลึกแก้วยึดตรึง เพื่อแผ่ซ่านม่านพลัง กลับถูกสมุนอ่อนเยาว์คนสนิทหักหลัง
นางซึ่งกำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งสภาวะอ่อนแอที่สุดเพื่อไปสู่ความแข็งแกร่งที่สุดในหล้าย่อมเสียท่าอย่างง่ายดาย
ขณะที่หลิ่งหลินมิอาจขยับเขยื้อนได้ เจียเย่พุ่งเข้ามา ใช้วิชาปักษาธาราวายุหมุนผสานเมฆาไร้ฝน กระแทกฝ่ามือใส่ใยไหมผลึกแก้วของหลิ่งหลินไม่ยั้ง
เสียงปริแตกเกิดขึ้นก่อนจะพังพาบทลายลงมาพริบตา ไร้เสียงไร้ฝุ่น มีเพียงหมอกควันสีขาวกับไอหนาวแผ่กระจายรอบกายอย่างเงียบงัน
หลิ่งหลินเบิกตา เห็นเพียงเจียเย่เข้ามาประชิดและรีบยัดยาถอนพิษใส่ปากนางอย่างรวดเร็ว
ยาถอนพิษออกฤทธิ์ในขณะที่เสี้ยวลมหายใจขาดห้วง อึก! หลิ่งหลินกลืนก้อนสะอึกของลมหายใจสุดท้ายลงคอ
ชั่วแวบเดียว สบจังหวะวิญญาณหลิ่งหลินลอยละลิ่วออกมาจากร่าง พลันมีแสงสีทองสว่างวาบ ทั้งร่างของเจียเย่ที่ยืนตระหง่านเบื้องหน้าพลันล้มตึง และแน่นิ่งไป อึดใจต่อมา วิญญาณของเจียเย่ก็พุ่งออกมาในเสี้ยวเวลา
เป้าหมายคือย้ายร่างสลับวิญญาณ
เจียเย่ต้องเข้ามาอยู่ในร่างของหลิ่งหลินเท่านั้น ทั้งสมุนนับหมื่นและสามีรูปงามก็จะตกเป็นของนางทั้งหมด
พริบตานั้นหลิ่งหลินก็มาในอยู่ร่างของสมุนทรยศ และเจียเย่ซึ่งอยู่ในร่างของนางก็สำเร็จวิชาขั้นสุดท้าย
เป็นการคำนวณเวลาได้เหมาะเจาะสุดยอดขั้นสุด
เมื่อเข้ามาในร่างที่เต็มไปด้วยพลังตบะและปราณที่กำลังไหลวนอย่างเข้มข้นได้แล้ว เจียเย่ในร่างของนายหญิงพลันตะเบ็งเสียงอย่างโอหังใส่หลิ่งหลินในร่างเดิมของตน
“ต่อไปข้าคือนายหญิงใหญ่ เจ้าสำนักไพรีพิฆาต ร่างกายนี้เป็นของข้า สามีเจ้าคือสามีข้า ส่วนเจ้าคือเจียเย่!”
จากนั้นก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ท่าทางคล้ายหญิงบ้า ดวงตาแดงเถือก โหนกแก้มแดงก่ำ น่าเกลียดมาก
หลิ่งหลินไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตัวเองจะกลายเป็นสตรีที่อัปลักษณ์ได้ปานนั้น
ชั่วขณะตกตะลึงกับตัวเองที่มิใช่ตัวเองอีกต่อไป เหล่าสมุนมารพลันกรูเข้ามารอบทิศทางด้วยอาวุธพร้อมมือ
เป็นเจียเย่ในร่างหลิ่งหลินแอบกดศิลาสลักปักษาตรงผนังส่งสัญญาณจากกระดิ่งเงาเรียกสมุนมารที่เฝ้าคุมอยู่ด้านนอกให้พากันเข้ามา
นางให้รู้สึกสะใจยิ่งนัก รีบเยาะหยันเจ้านายเก่า
“ไม่มีใครช่วยเจ้า ยิ่งไม่มีใครเชื่อฟังเจ้าอีกต่อไป” ก่อนตะโกนขึ้นว่า “ฆ่าเจียเย่เสีย! นางคือคนทรยศ!”
บัดซบ!
หลิ่งหลินในร่างเจียเย่สบถคำหยาบออกมาได้แค่นั้น ก่อนจะโรมรันกับเหล่าสมุนพัลวัน การต่อสู้กับพวกเดียวกันเกิดขึ้นอย่างเหี้ยมโหด ไม่มีใครยอมใคร
เจียเย่ในร่างหลิ่งหลินยังคงชี้นิ้วสั่งตาย
“ฆ่ามัน!”
สมุนกรูกันเข้าหาพร้อมอาวุธคมกริบ “ฆ่า!”
หลิ่งหลินในร่างเจียเย่รีบพุ่งกายทะยานขึ้นสูง มิใช่เพื่อหลบหลีก แต่นางกำลังต่อสู้กับบางสิ่งในตัวเอง
ไม่มีทาง นางไม่ยอมตาย ยิ่งไม่มีทางอยู่ในร่างนี้
หลิ่งหลินสู้จนลมหายใจเสี้ยวสุดท้าย
นางมิได้สู้กับสมุนแต่กำลังสู้กับตัวเอง
พลังปราณมหาศาลที่ติดตรึงมากับวิญญาณส่งผลให้กลิ่นอายพญามารแผ่ซ่านครอบคลุมเรือนร่างของเจียเย่ที่มีจิตวิญญาณหลิ่งหลินอาศัย นางฝืนเดินลมปราณที่เพิ่งแตกฉาน จนกระทั่งแก่นวิญญาณที่ชั่วร้ายผุดพรายออกมาเป็นควันและกำลังต่อต้านร่างกายไม่พึงประสงค์
พลังจิตสังหารท่วมท้น กระชากวิญญาณผู้ทรยศอย่างบ้าคลั่ง
“กรี๊ด...”
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังจากริมฝีปากของเจียเย่และร่างเก่าของหลิ่งหลิน ก่อนล้มตึงแน่นิ่งไป
“นายหญิง!”
ภายใต้ภาวะตึงเครียดและในถ้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เย็นเยียบ เหตุการณ์นี้ล้วนเป็นปริศนา เหล่าสมุนมารมิรู้ว่าเกิดสิ่งใด