EP.4 LOVE LIE
เสียงถอดหายใจแรง ๆ ดังขึ้นอีกครั้ง
“เอาเป็นว่าถ้าเธอไม่รู้เรื่องก็กลับไปถามป้าหรือลุงของเธอ เอาเองแล้วกันนะ” เขาพูดด้วยท่าทีไม่พอใจ และเริ่มหงุดหงิดอย่างเก็บอาการแทบไม่อยู่
“ฉัน.." คำพูดนั้นทำให้ฉันนิ่งไป เพราะจริงเหมือนที่เขาพูด ตอนนี้ฉันเหมือนคนที่ไม่มีครอบครัวแล้วจริง ๆ ยายเป็นคนเดียวที่ทำให้ฉันรู้สึกว่า ตัวเองมีครอบครัวอยู่เหมือนคนอื่นเขาบ้าง..
พอฉันเงียบและหน้าเสียไป คนตรงหน้าก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“เธออาจจะไม่รู้เรื่องที่ครอบครัวของเธอกำลังลำบาก เรื่องเงิน” แต่ชายคนนั้นเปลี่ยนท่าที น้ำเสียงปกติ และใบหน้าเรียบนิ่ง
ฉันมองหน้าของเขาด้วยท่าทีไม่ไว้วางใจมากนัก
“ฉันชื่อ...ลูอิส" ผมเอาลิ้นดุน ๆ ที่กระพุ้งแก้ม และบอกชื่อของเขากับฉันแบบชัด ๆ
“เผื่อว่าวันหนึ่งเราอาจจะต้องรู้จักกัน” คนตรงหน้ายื่นมือมา เพื่อที่จะจับมือกับฉัน
ในตอนแรกฉันก็ลังเล แต่ก็ยอมยื่นมือส่งไปตามมารยาท
“ฉันเพลงพิณค่ะ” ฉันตอบไปแบบนิ่ง ๆ
“คุณลูอิส ผมตามหาคุณไปให้ทั่วเลยครับ” เสียงของลุงอินที่เดินเข้ามาเรียก ผู้ชายคนนี้
มือของเราจับกันแบบเบา ๆ ก่อนที่ฉันจะดึงมือคืนทันทีที่เสียงลุงอิน ดังขึ้น
“เพลงพิณ“ ลุงอินมองหน้าฉันแบบตกใจเล็กน้อย
ซึ่งท่าทางต่าง ๆ ของเรา ถูกอีกสายตากำลังจับจ้องอยู่พอดี ฉันรีบหันหลังเดินออกมาตั้งหลักทันที
เพราะฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าตอนนี้ครอบครัวของป้าจันทร์ กำลังทำอะไรกันแน่ และพวกเขาเดือดร้อนเรื่องอะไร
ฉันได้แต่หวังว่า หลังจากที่ยายจากไป ครอบครัวของป้าจันทร์จะไม่เปลี่ยนไป เพราะตอนนี้ฉันไม่มีใครอีกแล้ว นอกจากพวกเขาที่ฉันยังคิดเสมอว่า
พวกเขาคือครอบครัวของฉัน (ใช่มั้ย)
—----------
Louis part
“ถ้าไม่ขายให้ทั้งหมด จะให้ซื้อเอาไปเป็นที่ฝังศพใครงั้นเหรอ?” ผมเงยหน้าถาม ชายวัยกลางคนท่าทีโลภมากตรงหน้า
“หรือเอาฝังศพพวกคุณ?” ผมสวนกลับไปอย่างไม่เกรงใจใครทั้งนั้น เพราะปิดจ็อบงานนี้ไม่เสร็จสักที
“พื้นที่ของเรามี 10 ไร่ มันไม่พอหรอกจ้ะ คุณชาย” ภรรยาของชายคนนั้นพูดอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“สร้างโรงแรมนะ 20 ไร่ยังน้อยไปเลย” ผมตอบไปอย่างสุดจะทน กับครอบครัวนี้ แต่ที่ดินตรงนี้เป็นที่ดินสุดท้ายในละแวกนี้ ที่ผมยังกวาดซื้อมาไม่ได้
ทั้งที่ เวลาการเริ่มก่อสร้างมันเร่งเข้ามาทุกที ๆ
นักลงทุนร่วมก็ตามเร่ง จิกจนพ่อต้องส่งผมลงมาดูงานเอง
“ผมขอโทษจริง ๆ ครับ” หมอนั่นตอบผมเสียงสั่น ๆ
“แล้วทำไมแกไม่ไปคุยกับยัยพิณ หลานรักเข้าล่ะให้มันยอมขายที่ซะ!!” ชายคนนั้นหันไปบ่น ๆ ภรรยา
“ไม่ต้องคุยก็รู้ว่ามันไม่ขายหรอกพี่”เธอตอบแบบหน้าเสีย
“พิณมันรักยายมันจะตาย ยิ่งแกพูดไว้แบบนั้น มันไม่มีทางขายกินแบบเรา” ภรรยาหันไปบอกสามีเบา ๆ อย่างเครียด ๆ
“จะอดตายห่ากันอยู่ละ เสือกจะเก็บไว้ทำไมมันโง่หนักนะ นังเด็กนั่นนะ” เขาบ่นแบบเครียดหัวโต เพราะที่ดินแถว ๆ นั้น ทางผมได้ซื้อเอาไว้ล้อมรอบทั้งหมด แน่นอนว่าถ้าไม่ขายให้กับเรา ก็ขายให้คนอื่นไม่ออกแน่ ๆ แต่ที่เราไม่สามารถครอบครองที่ดินแค่ 20 ไร่ตรงนี้ได้ ก็เพราะยายเจ้าของที่ ที่ไม่ว่าจะส่งใครมาถามซื้อ ก็ไม่ยอมขาย เก็บไว้จนตายจริง ๆ และสุดท้ายลูกก็เอามาขายให้ผมอยู่ดี
“เอางี้นะคุณลูอิสครับ คุณช่วยเอาที่ดินพื้นหน้าไปก่อน 10 ไร่ 50 ล้าน”
“ผมพร้อมขายให้เลย ตอนนี้” ชายโลภมาก พูดก่อนจะยื่นโฉนดที่ดินให้กับผม
“แล้วที่เหลือละ!!!!” ผมถามอย่างเร่งหงุดหงิดที่ต้องคุยกับคนพวกนี้
“ก็ไหนบอกว่าจะขายให้ทั้งหมด 20ไร่!!”
ตุ๊บบบ!! ผมทุบโต๊ะไปทีนึง
"นี่กูเพื่อนเล่นมึงเหรอ??” ผมขึ้นเสียงไปอย่างไม่พอใจ
“คือตอนที่เราตกลงกัน ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าแม่เมียจะยกที่10ไร่ให้หลานคนนั้นไป ทั้งที่มันเป็นแค่หลานนอกคอกคนหนึ่งเท่านั้น” หมอนั่นพยายามพูดเพื่อโยนความผิดไปหมด แม้แต่คนตาย
“ถ้าช่วยอะไรไม่ได้ ก็หุบปากไปซะ!” ผมสวนกลับไปทันควันอย่างรำคาญ
“วันหลังถ้าไม่มั่นใจอะไร อย่าพูดออกมา” ผมมองหน้าอย่างเอาเรื่อง
“เพราะฉันไม่ได้มาเล่นขายของ” ผมทิ้งท้ายไปแค่นั้น ก่อนจะหยิบแก้วเหล้าบนโต๊ะกระดกเข้าปากอย่างเบื่อหน่ายเต็มทน
“ครับ ๆ ๆ ” มันก็รีบก้มหน้าก้มตาทันที
“แต่ยังไงที่เหลืออีก10 ไร่ นังเพลงพิณมันก็ต้องเอามาขายอยู่ดี”
“เพราะที่ดินนี้มันเป็นที่ตาบอด ไม่มีทางเข้าไม่มีทางออก”
“มันต้องเดินผ่านที่ของผมอยู่ดี ถ้าคุณชายซื้อไป.."
ผมกระดกเหล้าและนั่งนิ่ง ๆ พลางถอนหายใจไป..
“...ยังไงนังเด็กนั่นคงทนอยู่คนเดียวแบบนี้ไปได้ไม่นาน"
“เงินมันก็ไม่มี และตอนนี้ยายก็ไม่อยู่แล้ว”
หมอนั่นยังคงพล่ามออกมาไม่หยุด จนผมหันไปมองตาขวางใส่มัน
“พี่อิน” ภรรยาของชายคนนั้นแตะที่ตัวสามีเล็กน้อย
“ผมว่าคุณบีบให้มันขายที่ได้ไม่ยาก” ชายโลภมากเหมือนจะรู้ตัว มันจึงหยุดพูดได้สักที
“เงินนะ ไม่ใช่ปัญหาสำหรับฉัน” ผมวางเช็คยื่นให้ไปแบบไม่ใส่ใจ
“แต่ฉันไม่มีเวลามากพอจะมานั่งรอ แม่นั่นตัดสินใจหรอกนะ!!!!”ผมเขวี้ยงเศษกระดาษที่เขียนเช็คเอาไว้ 50ล้านให้พวกมันไป
ชายโลภมากคนนั้นรีบรับเช็คเงินสดนั้นไปทันที
“อีกอย่าง”ผมมองไปที่เช็คเงินนั้น
“สำหรับบางคน แค่เงินอย่างเดียวก็ซื้อมันไม่ได้”ผมมองคู่สามีภรรยาตรงหน้าอย่างสมเพช ๆ และแสยะยิ้มเล็กน้อย
“หมดธุระแล้ว เชิญ!!!” ผมพูดกระแทกเสียง ก่อนจะจุดบุหรี่ดูดอย่างไม่ใส่ใจ
พวกลูกน้องก็รีบมาพาสองผัวเมียออกไปทันที หลังจากผมได้โฉนดและโอนที่ดินกันเสร็จสิ้น
ผมขี้เกียจมานั่งฟังพวกมันพล่ามเพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าช่วยห่าอะไรไม่ได้
........
ขณะที่ผมนั่งอ่านหน้ารายงาน โครงสร้างที่ต้องเริ่มสร้างภายในเวลา 90 วัน หรือสามเดือนนี้เท่านั้น
“นายจะทำยังไงกับผู้หญิงคนนั้นละครับ"
“ดูท่ายัยเด็กนั่นไม่ใช่คนโลภมาก และหน้าเงินเหมือนสองผัวเมียนี้” ผมปิดแฟ้มรายงานลง
ลูกน้องคนสนิทรีบเดินมารินเหล้าและใส่น้ำแข็งเพิ่มให้อย่างรู้งาน
ผมวางบุหรี่ลงบนแผ่นกระดาษรายงานจนมันไหม้เล็กน้อย ก่อนจะเป่ามันให้ดับลงในพริบตา..
“นายจะทำยังไงต่อละครับ?” ลูกน้องถามผมต่อ ก่อนจะหยิบที่เขี่ยบุหรี่วางให้
“ถ้ากูทำให้ผู้หญิงคนนี้ รักกูได้"
“เรื่องอื่นคงไม่ใช่ปัญหา.." ผมตอบด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง เพราะเรื่องงานแต่ละอย่าง มันก็ไม่ง่ายสำหรับผมเลยจริง ๆ
.....
...
..
.
“เดี๋ยวเราคงได้ รู้จักกันมากกว่านี้”
“เพลง....พิณ!"