แมทธิวผุดลุกขึ้นยืน เขาโยนช้อนส้อมลงไปบนโต๊ะ แบบคนไร้มารยาท
“ผมขอตัว” ชายหนุ่มค้อมตัวลง เขาเผ่นแน่บไปก่อน...ที่ทิพยอาภาจะอุ้มลูกน้อยมาถึง
หญิงสาวยิ้มกร่อยๆ ใบหน้าเหยเก แอบชำเลืองมองตามแผ่นหลังของแมทธิวไป ด้วยสายตาเศร้าสร้อย
“ส่งแองเจิ้ลมาให้ฉันเถอะ” เธอส่งแองเจลิน่าให้มาดามแพชี่ ซึ่งนางก็อ้าแขนรับด้วยดี
“ไงจ๊ะหลานรัก...วันนี้หนูโยเยหรือเปล่าเอ่ย?”
มาดามถามไปแบบนั้นเอง...นับตั้งแต่สาวใช้ นาม อริส มาทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงแองเจลิน่า นางแทบไม่ได้ยินเสียงร้องของหลานสาวเลย แถมแววตาของเด็กน้อยก็เป็นประกายสดใส ไม่หงอยเหงาเหมือนก่อนหน้านั้น
“วันนี้หลานฉันกินอะไรเป็นอาหารกลางวันล่ะ”
เรื่องอาหารของแองเจลิน่า มาดามใส่ใจเป็นพิเศษเมื่อนายแพทย์ประจำบ้าน แนะนำให้มาดามควรเสริมอาหารอ่อนๆ เพิ่มให้เด็กน้อยด้วย เนื่องจากเขามีอายุตามเกณฑ์ที่จะได้ทดลองเคี้ยว เป็นการกระตุ้นเหงือก จนพัฒนาให้ฟันน้ำนมขึ้นเร็วขึ้น
“ฟักทองบดกับตับค่ะ” ทิพยอาภาตอบเสียงใส
“อืมมม...เก่งนะ เธอเคยมีลูกเหรอไง ทำไมถึงเลี้ยงเด็กเก่งจัง?” มาดามย้อนถามเสียงฉงน นางประเมินคร่าวๆ อายุนามของอริส ไม่น่าจะเคยผ่านการมีครอบครัว
หญิงสาวคลี่ยิ้มสดใส จนทำให้ใบหน้าของหล่อนน่ามองขึ้นก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ
มาดามสูงศักดิ์อดยิ้มตามไม่ได้ จริงอยู่ ผู้หญิงคนนี้หาได้มีความสวยงามสักกระผีก แต่เมื่อหล่อนยิ้ม กลับทำให้ใบหน้าไร้เสน่ห์นั่นชวนมองขึ้น นางไม่ได้คิดไปเอง... แม้แต่ไรฟันเป็นระเบียบในปากของอริสยังสวย ไม่รู้ทำไมสภาพภายนอกของหล่อนถึงได้ดูหดหู่สิ้นดี โดยเฉพาะแว่นตานั่น!!
“เธอสายตาสั้นเหรออริส?”
มาดามแสร้งถาม หญิงสาวนิ่งเฉย เธอมัวแต่ใส่ใจแองเจลิน่า กำลังใช้ผ้านุ่มๆ ซับน้ำลายที่ไหลย้อยออกมาจากปากอิ่ม จนไม่ได้ยินคำถามจากนายจ้าง
“อริส!!” มาดามลองเรียกอีกครั้ง ก็เหมือนเดิม พี่เลี้ยงคนใหม่ทำเหมือนไม่ได้ยิน
“อริส!!” มาดามเพิ่มน้ำหนักเสียง ทิพยอาภาสะดุ้ง!! เธอหันไปยิ้มแหยๆ ให้นายจ้าง หญิงสาวลืมไปว่าตัวเองชื่อ ‘อริส’
“แหะๆ มาดามเรียกฉันเหรอคะ?” เธอแสร้งถาม ปั้นหน้าเหลอหลา
“เธอทำเหมือนกับตัวเองไม่ได้ชื่อ ‘อริส’ ฉันเรียกตั้งหลายครั้ง” มาดามพูดถูกเหมือนรู้ล่วงหน้า ทิพยอาภาเกือบผวา ดีแต่ดึงสติไว้ทัน
“เออ...”
“ช่างเถอะ เธอคงมัวแต่ดูแลเองเจิ้ล...” นางโบกมือ คงเป็นเพราะอริสมัวแต่ดูแลแองเจลิน่า เลยทำให้ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
“ผู้ชายคนเมื่อสักครู่ เขาชื่อแมทธิว เขาเป็นลูกเลี้ยงของฉันเอง และน่าจะเป็นพ่อของแองเจิ้ล...พยายามอยู่ห่างๆ เขาไว้นะ แมทธิวไม่ใช่คนใจดี เขาอาจจะทำให้เธอไม่สบายใจจนไม่อยากอยู่ที่นี่”
มาดามแพชีรีบบอก...แมทธิวไม่เคยชอบขี้หน้านาง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน แม้ว่านางจะพยายามทำดีมากเพียงใด นางก็ยังเป็นคนนอกสำหรับชายหนุ่มผู้นั้นอยู่ดี
ทิพยอาภาพยักหน้ารัวๆ แม้มาดามแพชี่ไม่บอก หรือนางไม่ต้องคอยย้ำ สิ่งที่เธอควรทำ หากยังอยากอยู่ใกล้แองเจลิน่า ก็คือการอยู่ห่างๆ แมทธิว...
“แม่สามีฉัน มาดามจูเลีย...นั่นเป็นอีกคนที่เธอต้องระวังตัว ท่านไม่อยู่เวลานี้ แต่กำลังจะกลับมาเร็วๆ นี้”
นางถอนใจเมื่อกล่าวถึงประมุขเฒ่าของดีแลน นางพญาที่อายุล่วงเข้าไปเกือบแตะแปดสิบปี แต่ยังแข็งแรงและทรงอำนาจเช่นเดิม
ทิพยอาภาตัวเกร็ง รังสีความน่าเกรงขามของมาดามจูเลีย เธอจำได้อย่างแม่นยำ แม้จะเคยพบเจอกันแค่ครั้งเดียว ตอนที่ท่านเป็นตัวแทนแมทธิว มอบของขวัญวันปีใหม่ให้เธอเมื่อหลายปีก่อน
“นอกนั้นก็ไม่มีใคร ดีแลนกว้างขวางก็จริง แต่มีคนอยู่น้อยมาก...”
‘ดีแลน’ เป็นตระกูลใหญ่ แต่ก็เป็นตระกูลที่อาภัพเช่นกัน เมื่อคนร่วมวงศ์วานมีน้อยนิด ทายาทแต่ละรุ่นมีแค่เพียงคนเดียว...ไม่ว่าจะพยายามเพียงใดก็ไร้ผล นางเพียรพยายามจนท้อก็ไม่เคยเอาชนะลิขิตสวรรค์ได้ มันเหมือนดีแลนถูกสาป...เบื้องบนอนุญาตให้มีทายาทได้แค่คนเดียว...เท่านั้นในแต่ละรุ่น...
“ค่ะ”
“อาเธอร์สามีฉัน เขาใจดี แต่อ่อนแอไปนิด...จะไปว่าเขาก็ไม่ได้ เมื่อแม้แต่คุณท่านยังให้ท้ายหลานมากกว่าลูก”
นางเปรยลอยๆ เป็นความคับอก คับใจ ที่ต้องทนรับรู้ ดีที่อาเธอร์ไม่ใช่คนคิดมาก เขาจึงไม่เดือดร้อน แม้จะถูกกระแหนะ กระแหนจากคนรอบข้าง ที่ตัวเองเป็นรองบุตรชาย
ทิพยอาภาย้อนนึกถึงอาเธอร์ บิดาของแมทธิว เธอเคยเห็นท่านผ่านๆ และแน่ใจว่าอุปนิสัยเหมือนดังที่มาดามแพชี่พูดไว้ไม่มีผิด
“ฉันหวังไว้...สักวันแมทธิวจะยอมรับฉันและแองเจิ้ลไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขา”
เสียงอ่อนเศร้าเปรยเหมือนบ่น แองเจลิน่ากับนางไม่ต่างกัน เป็นส่วนเกินที่แมทธิวไม่ยอมรับ แม้จะเป็นดีแลนแต่ก็ยังไม่ใช่คนที่เขายอมรับแบบสนิทใจ ท่านเองยังมีสามีให้กำลังใจ ต่างกับเด็กน้อยในอ้อมแขน...ความเป็นมาแบบไหน ยังไม่มีใครรู้เห็นแบบกระจ่าง มีแค่จดหมายอ้างถึง ทิ้งไว้กับตัวเด็ก...นางหวนคิดถึงผู้หญิงคนนั้น คนที่จาคอปพามาและนางเห็นแบบผ่านๆ ทิพยอาภา น่าเวทนาในสายตาของนาง...หล่อนช่างเป็นคนสุดอาภัพที่บังเอิญโคจรมาเจอกับผู้ชายเย็นชาอย่างแมทธิว...มาดามสังเวชในใจ...ชะตากรรมต่อจากนี้ไปของแองเจลิน่าจะเป็นเช่นไรนางไม่อาจรู้ ที่นางทำก็เพราะอยากให้เด็กคนหนึ่งที่ น่าจะ...น่าจะเป็นสายเลือดของดีแลนคนหนึ่ง ได้มีที่ยืน เพราะหากผลพิสูจน์ออกมาแน่ชัด...แองเจลิน่าจะเป็นทายาทของดีแลน...ที่ไม่มีใครลบเลือนได้...
ทิพยอาภาเสก้มหน้า เธอแอบกรีดเกร็ดน้ำตาทิ้ง...
ลูกของเธอ...จะได้รับการต้อนรับจากคนในดีแลนหรือไม่นั้น...เธอไม่รู้
เพียงแต่วันนี้...มีหนึ่งคนที่ยอมรับในตัวแองเจลิน่า นั่นก็คือมาดามแพชี่...หากถึงวันที่ความลับแตก...เธอก็คงจากไปแบบไม่ห่วงเท่าไร อย่างไรเสียงแองเจลิน่าก็มีเกราะคุ้มภัย ไม่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว หัวใจคนเป็นแม่แม้จะกลัดหนอง แค่เพียงลูกสบายและยังยิ้มได้...เท่านี้ก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอ?
“ไฮ!! มาดามอยู่นี่เอง...ไงแองเจิ้ล มาหาปู่มา...”
อาเธอร์เดินตรงเข้ามาหา เขาทักภรรยา แล้วจึงหันไปหยอกเย้าหลานสาว
เด็กน้อยฉีกยิ้มแป้น เห็นเหงือกแดงแจ๋ โบกมือ โบกไม้ให้วุ่น ทำท่าเหมือนจะโผเข้าใส่...
“ทำไมกลับเร็วคะคุณพี่” มาดามทักสามี นางส่งแองเจลิน่าให้อาเธอร์อุ้มแทน รีบฉวยแก้วเซรามิกรินชาอุ่นๆ ให้ เลื่อนแก้วใบสวยไว้ตรงหน้า มองสามียิ้มๆ
“คนใหญ่...คนโตมันเบี้ยว!! ไม่ไปทำงาน...ก็เลยถือโอกาสอู้ตามมันเสียเลย”
คำตอบของอาเธอร์หากฟังเผินๆ ก็อาจจะคิดว่าท่านประชดบุตรชาย แต่ตามความเป็นจริง ท่านกำลังสนเท่ห์ ช่วง1ปีหลังๆ มานี่ มนุษย์บ้างานอย่างแมทธิว ไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย...เขาฉุนเฉียวง่าย ใครก็เข้าหน้าไม่ติด เพียงแต่ดีแลนคอมแพล็กซ์เป็นองค์กรที่มั่นคงเลยไม่สะเทือนเพราะหัวหอกเกเร
มาดามแพชี่ยิ้มกว้าง “เมื่อสักครู่ใหญ่ๆ ยังนั่งอยู่ตรงนี้นะคะ” นางบอกสามี
อาเธอร์เลิกหัวคิ้วขึ้นสูง “แมทอะนะ...มาทำอะไรแถวนี้?” ท่านย้อนถามกลับแบบงงๆ
นั่นนะสิ? มาดามแพชี่คิดตาม...แมทธิวไม่เคยเฉียดเข้ามาในอาณาบริเวณปีกซ้าย เขาครองตัววางอำนาจด้านปีกขวา...ซึ่งบริเวณนั้น นางก็ไม่เคยเฉียดไปใกล้ๆ เช่นกัน
“ไม่รู้สิคะ คงหลงมา!!” นางตอบแบบคนไม่คิดมาก...
“ส่งคุณหนูให้ดิฉันเถอะค่ะ ท่านจะได้รับชาได้...” ทิพยอาภาพูดแทรกเสียงนุ่มๆ เธอยื่นมือออกไป หมายจะรับแองเจลิน่าไว้เอง
“เอาสิ...ทำงานที่นี่ไม่สบายใจตรงไหน บอกฉันได้นะ”
อาเธอร์ส่งหลานสาวตัวอ้วนจ้ำม่ำให้ทิพยอาภา ท่านกล่าวต่ออย่างมีเมตตา เมื่อผู้หญิงคนนี้กำลังดูแลคนในดีแลน แถมเป็นคนสำคัญเสียด้วย เพราะหากแองเจลิน่าเป็นสายเลือดของแมทธิว นั่นย่อมหมายถึง...หลานของท่านคนนี้ จะเป็นหลานคนเดียว เมื่อตลอดระยะเวลาหลายชั่วอายุ ไม่ว่าจะเพียรพยายามทุ่มเทกำลังทรัพย์มากเท่าใด...ผลคือเหลว...เหมือนเบื้องบนกำหนดไว้ ดีแลนจะมีทายาทสืบต่อ แค่1 คนเท่านั้น
“ค่ะ...” ทิพยอาภาตอบรับแบบสำรวม เธอช้อนอุ้มบุตรสาวแนบอก ยกผ้าซับน้ำลายมุมปากให้แองเจลิน่าอย่างอ่อนโยน
“ลูกชายฉันผีเข้าผีออก ยังไงก็ระวังไว้บ้างล่ะ” อาเธอร์ยกแก้วชาขึ้นจิบ ท่านเปรยลอยๆ
เรื่องนี้ไม่ต้องบอก...ทิพยอาภาก็ทำให้เป็นความเคยชิน ที่ไหนมีแมทธิว...เธอจะจะเลี่ยงออกไปห่างๆ หากเป็นความบังเอิญแบบไม่ทันคาด เผ่นได้ เธอก็รีบเผ่นแบบไม่รอช้า...เพราะหากเธอพลาด หมายถึงชั่วชีวิตนี้ คงได้แต่มองแองเจลิน่าอยู่ห่างๆ แค่นั้นเอง