บทที่ 1 เฮียเป็นเอก

1238 Words
      ชายหนุ่มร่างสูงหนากวาดตามองไปรอบๆ งานเลี้ยงสังสรรค์รวมญาติด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ ตระกูลของเขานับว่ามีผู้คนเข้ามาเกี่ยวพันมากมาย นอกจากนามสกุลจรัสไพศาลสกุลที่นับว่าเป็นสายหลักที่ควบคุมกิจการบริษัทค้าเหล็กแล้ว ยังมีนามสกุลอื่นๆ ที่เป็นญาติเกี่ยวดองกันมาจากการแต่งงาน            “เฮีย ไปกินเนื้อแพะย่างทางโน้นกัน”            ชายหนุ่มที่รูปร่างบางกว่าเขาเดินน้อยเดินเข้ามาหาพร้อมแก้วไวน์ในมือ            “อย่าดื่มเยอะ เดี๋ยวเมาหัวทิ่มเหมือนคราวก่อนจะไม่มีคนเห็น”            คนถูกทักยิ้มเจื่อน “คราวที่แล้วผมเผลอไปหน่อย คราวนี้ไม่พลาดหรอกน่า” คนมาใหม่หันมาพิงระเบียงข้างญาติผู้พี่ “วันนี้เฮียเองก็ดื่มไปไม่น้อยนะ”            เป็นเอกยกแก้วไวน์ขึ้น  “ก็เยอะแล้วล่ะ”            “เฮียเอกอยู่นี่เอง วิกกี้ตามหาตั้งนาน” เสียงเรียกแจ๋วๆ ของหญิงสาวหน้าตาสะสวยดังขึ้นตรงบันได            “ผมไปกินเนื้อแพะก่อนนะเฮีย” เนติรีบขยับตัว เขาเหลือบไปมองหน้าเฮียเอกเล็กน้อยก่อนจะผละจากไป            วิกกี้เป็นหนึ่งในผู้หญิงที่ได้รับการพิจารณาจากผู้หลักผู้ใหญ่ในตระกูลว่าคู่ควรจะมาเป็นสะใภ้ใหญ่ของจรัสไพศาลสกุล เธอเองก็คุ้นเคยกับเป็นเอกมาตั้งแต่เยาว์วัยเพราะพ่อกับแม่มักจะพามาร่วมงานเลี้ยงที่คฤหาสน์สกุลเจียงเสมอ            “เฮียคะ ทำไมหลบมาอยู่ตรงนี้? ทางโน้นครึกครื้นจะตาย”            หญิงสาวเอียงคอมองรูปร่างล่ำสันในชุดลำลองเนื้อผ้าดีแล้วยิ้มน้อยๆ          ...เฮียเอกยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งหล่อ....            วิกกี้รู้ตัวมาตั้งแต่เริ่มเป็นสาวแรกรุ่นแล้วว่าพ่อของเธอหมายมั่นปั้นมืออยากให้เธอแต่งงานกับเฮียเอก เพราะธุรกิจระหว่างสองตระกูลนั้นเกี่ยวพันผลประโยชน์ในระดับพันล้าน            ‘ไม่ใช่แต่เราหรอกนะ ยังมีสกุลจางอีกที่หวังจะส่งลูกสาวมาเป็นสะใภ้ใหญ่ วิกกี้ต้องทำตัวให้สนิทสนมกับเฮียเอกเข้าไว้ ไม่มีใครคู่ควรกับวิกกี้เท่าเป็นเอกอีกแล้ว’            เพราะหม่าม๊ากรอกหูเธออย่างนั้นมาตั้งแต่เป็นวัยรุ่น อีกทั้งเป็นเอกก็มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาราวกับนายแบบหนุ่ม วิกกี้จึงทำตัวใกล้ชิดจนคนรอบข้างคิดว่าเป็นเอกไม่น่าจะรังเกียจหากจะต้องแต่งงานกับเธอ            “เฮียดื่มไปหลายแก้วแล้วก็เลยมานั่งรับลมตรงนี้ แล้ววิกกี้ล่ะ กินอิ่มแล้วเหรอ?”            “ค่ะ อาหารคืนนี้อร่อยทุกอย่างเลยค่ะ นี่วิกกี้กินจนลืมว่าไดเอทเลยนะคะ แอบจิ้มขนมไปตั้งหลายชิ้น”            หญิงสาวยิ้มน้อยๆ เดินเข้ามายืนใกล้เขา ชายหนุ่มได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ฟุ้งออกมาร่างในชุดงดงามของเธอ เขาก็เริ่มมึนศีรษะ            “วิกกี้...ใส่น้ำหอมกลิ่นอะไร?”            “กลิ่นกุหลาบค่ะ นี่แบรนด์ใหม่ที่เพิ่งส่งมาจากฝรั่งเศสเลยนะคะ” ด้วยความอยากอวดวิกกี้จึงยกข้อมือที่ฉีดน้ำหอมมาเต็มที่ยื่นไปต่อหน้าจนเกือบชิดจมูกของชายหนุ่ม...เขาผงะเล็กน้อย ก่อนจะเอามือปัดข้อมือเธอออก ...แย่แล้ว! เป็นเอกรีบยกส้นมือขึ้นเคาะหัวเบาๆ            “เฮียเป็นอะไรคะ?”            “เฮียขอตัวไปห้องน้ำเดี๋ยวนะ”            เขาไม่มีเวลาจะอธิบายให้หญิงสาวได้รู้ว่าตนเองแพ้น้ำหอมกลิ่นกุหลาบเพราะที่ผ่านมาวิกกี้ก็ไม่เคยใช้น้ำหอมกลิ่นนี้มาก่อน เป็นเอกเดินโซซัดโซเซหวังจะไปล้างหน้าที่ห้องน้ำซึ่งอยู่ในซอกตึกไม่ไกลนัก            “โอ๊ย!”            ด้วยความรีบร้อนและไม่ได้มองว่าข้างหน้ามีคนกำลังเดินเร่งฝีเท้ามาเช่นกัน ร่างทั้งสองจึงชนกันโครมที่โถงทางเดิน จนกลิ้งไปกับพื้น            หญิงสาวใบหน้ากลมขาวนอนหงายทับอยู่บนร่างของเป็นเอกที่นอนคว่ำอยู่ข้างล่าง            “ลุกขึ้นสิ! มันหนักนะ!” ชายหนุ่มเอ็ด เขาทั้งรู้สึกมึนเพราะกลิ่นน้ำหอมที่ยังอวลอยู่ปลายจมูก และยังต้องมาถูกคนล้มทับเข้าไปอีก            “ดะ เดี๋ยวนะคะ” ร่างอวบพลิกกายหยัดขึ้น เมื่อเห็นชายหนุ่มที่ตนนอนทับอยู่เมื่อครู่ก็ทำตาโต “เฮียเอก!”            เธอเห็นรูปเขาเมื่อหลายวันก่อน ตอนที่พ่อบอกว่าจะส่งเธอมาอยู่ที่นี่ เธอจึงต้องทำความรู้จักคนในคฤหาสน์สกุลเจียงให้ถ้วนทั่ว ครั้งแรกที่เห็นรูปเขาในแท็บเล็ต แจ่มใสแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ทายาทคนโตของสกุลเจียงช่างรูปหล่อราวกับดารา          ....ตัวจริงของเขาหล่อยิ่งกว่ารูปที่เธอเห็นซะอีก....            “เออ! ฉันเอง” เขารับคล้ายจะตวาด แต่เปลือกตาสองข้างปูดจนแทบปิด ทำให้ชายหนุ่มมองไม่เห็นร่างหญิงสาวตรงหน้า            “ตาบวมเชียวค่ะ เป็นอะไรคะ?”            เป็นเอกพอจะนึกสภาพใบหน้าของตนเองในยามนี้ออก อาการแพ้ดอกกุหลาบของเขาจะทำให้ตาปูดบวมปิดทั้งสองข้างและเกิดผื่นแดงขึ้นตามใบหน้าและลำคอ            “พาฉันไปห้องน้ำที ฉันแพ้กลิ่นกุหลาบ ต้องรีบล้างหน้าล้างตา”            แจ่มใสมองใบหน้าและลำคอที่เริ่มขึ้นผื่นแดงเล็กๆ แล้วก็ตรงเข้าไปหิ้วแขนของเขาให้ลุกขึ้น “ไปค่ะ หนูแจ่มพาไปเอง”            เป็นเอกขมวดคิ้ว “หนูแจ่ม” เขาได้ยินชื่อนี้เมื่อสองวันก่อน ได้ยินว่าที่บ้านจะรับเด็กคนนี้มาอยู่ด้วยเพื่อให้คุ้นเคยกับเนติ            หญิงสาวลากแขนเขาเดินอย่างว่องไวไปยังห้องน้ำ            “นี่ค่ะ อ่างล้างหน้า ว่าแต่ล้างแล้วจะช่วยได้เหรอคะ?”            “อย่างน้อยก็ช่วยให้ฉันไม่ได้กลิ่นอีก”            หญิงสาวช่วยดึงกระดาษทิชชู่มาส่งให้ เป็นเอกรับไว้แล้วเช็ดหน้าสะเปะสะปะ            “เดี๋ยวหนูแจ่มช่วยนะคะ” เธอช่วยซับน้ำบนหน้าเขาจนทั่ว “ให้หนูแจ่มพาเฮียไปส่งที่ห้องดีไหมคะ? อาการแบบนี้คงต้องกินยาแก้แพ้แล้วนอนพักถึงจะหายค่ะ”            ชายหนุ่มพยักหน้า สภาพของเขาตอนนี้คล้ายคนตาบอด            “ฉันเริ่มคันตามหน้ากับคอแล้ว เธอช่วยไปบอกคุณนันท์ให้ด้วย”            “ค่ะ เดี๋ยวส่งเฮียถึงห้องแล้ว หนูแจ่มจัดการให้”            แจ่มใสมาถึงที่นี่ได้สองวันแล้ว แต่เป็นเอกเพิ่งจะได้เห็นเธอ ห้องพักของเธอปะปนอยู่ด้านหลังกับเหล่าแม่บ้านและสาวใช้ ทายาทสกุลเจียงที่ใช้ชีวิตอยู่แต่ส่วนหน้าของคฤหาสน์จึงไม่มีโอกาสได้เห็นผู้มาใหม่            “เธอรู้เหรอว่าห้องฉันอยู่ตรงไหน?”            “รู้ค่ะ หนูแจ่มท่องแผนผังบ้านนี้ได้หมดแล้ว คุณนันท์บอกว่าต่อไปต้องช่วยดูแลงานบ้านค่ะ”            ชายหนุ่มพยักหน้า อาป๊าพูดกับเขาอยู่วันก่อนว่าอยากให้หนูแจ่มแต่งงานกับเนติเพื่อจะได้เข้ามาช่วยดูแลความเรียบร้อยภายในคฤหาสน์แห่งนี้            “เจ้าเนมันเหลวไหล หากว่าให้มันแต่งงานกับหนูแจ่มไปอย่างน้อยมันก็จะได้มีคนดูแล” *************************        ไรท์แนะนำ...ติดตามผลงานของไรท์ได้ทางแฟนเพจเฟสบุ๊ก "เอสเต้และซีฟางกั๋วเจีย"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD