ชายหนุ่มร่างสูงหนากวาดตามองไปรอบๆ งานเลี้ยงสังสรรค์รวมญาติด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ ตระกูลของเขานับว่ามีผู้คนเข้ามาเกี่ยวพันมากมาย นอกจากนามสกุลจรัสไพศาลสกุลที่นับว่าเป็นสายหลักที่ควบคุมกิจการบริษัทค้าเหล็กแล้ว ยังมีนามสกุลอื่นๆ ที่เป็นญาติเกี่ยวดองกันมาจากการแต่งงาน
“เฮีย ไปกินเนื้อแพะย่างทางโน้นกัน”
ชายหนุ่มที่รูปร่างบางกว่าเขาเดินน้อยเดินเข้ามาหาพร้อมแก้วไวน์ในมือ
“อย่าดื่มเยอะ เดี๋ยวเมาหัวทิ่มเหมือนคราวก่อนจะไม่มีคนเห็น”
คนถูกทักยิ้มเจื่อน “คราวที่แล้วผมเผลอไปหน่อย คราวนี้ไม่พลาดหรอกน่า” คนมาใหม่หันมาพิงระเบียงข้างญาติผู้พี่ “วันนี้เฮียเองก็ดื่มไปไม่น้อยนะ”
เป็นเอกยกแก้วไวน์ขึ้น “ก็เยอะแล้วล่ะ”
“เฮียเอกอยู่นี่เอง วิกกี้ตามหาตั้งนาน” เสียงเรียกแจ๋วๆ ของหญิงสาวหน้าตาสะสวยดังขึ้นตรงบันได
“ผมไปกินเนื้อแพะก่อนนะเฮีย” เนติรีบขยับตัว เขาเหลือบไปมองหน้าเฮียเอกเล็กน้อยก่อนจะผละจากไป
วิกกี้เป็นหนึ่งในผู้หญิงที่ได้รับการพิจารณาจากผู้หลักผู้ใหญ่ในตระกูลว่าคู่ควรจะมาเป็นสะใภ้ใหญ่ของจรัสไพศาลสกุล เธอเองก็คุ้นเคยกับเป็นเอกมาตั้งแต่เยาว์วัยเพราะพ่อกับแม่มักจะพามาร่วมงานเลี้ยงที่คฤหาสน์สกุลเจียงเสมอ
“เฮียคะ ทำไมหลบมาอยู่ตรงนี้? ทางโน้นครึกครื้นจะตาย”
หญิงสาวเอียงคอมองรูปร่างล่ำสันในชุดลำลองเนื้อผ้าดีแล้วยิ้มน้อยๆ
...เฮียเอกยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งหล่อ....
วิกกี้รู้ตัวมาตั้งแต่เริ่มเป็นสาวแรกรุ่นแล้วว่าพ่อของเธอหมายมั่นปั้นมืออยากให้เธอแต่งงานกับเฮียเอก เพราะธุรกิจระหว่างสองตระกูลนั้นเกี่ยวพันผลประโยชน์ในระดับพันล้าน
‘ไม่ใช่แต่เราหรอกนะ ยังมีสกุลจางอีกที่หวังจะส่งลูกสาวมาเป็นสะใภ้ใหญ่ วิกกี้ต้องทำตัวให้สนิทสนมกับเฮียเอกเข้าไว้ ไม่มีใครคู่ควรกับวิกกี้เท่าเป็นเอกอีกแล้ว’
เพราะหม่าม๊ากรอกหูเธออย่างนั้นมาตั้งแต่เป็นวัยรุ่น อีกทั้งเป็นเอกก็มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาราวกับนายแบบหนุ่ม วิกกี้จึงทำตัวใกล้ชิดจนคนรอบข้างคิดว่าเป็นเอกไม่น่าจะรังเกียจหากจะต้องแต่งงานกับเธอ
“เฮียดื่มไปหลายแก้วแล้วก็เลยมานั่งรับลมตรงนี้ แล้ววิกกี้ล่ะ กินอิ่มแล้วเหรอ?”
“ค่ะ อาหารคืนนี้อร่อยทุกอย่างเลยค่ะ นี่วิกกี้กินจนลืมว่าไดเอทเลยนะคะ แอบจิ้มขนมไปตั้งหลายชิ้น”
หญิงสาวยิ้มน้อยๆ เดินเข้ามายืนใกล้เขา ชายหนุ่มได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ฟุ้งออกมาร่างในชุดงดงามของเธอ เขาก็เริ่มมึนศีรษะ
“วิกกี้...ใส่น้ำหอมกลิ่นอะไร?”
“กลิ่นกุหลาบค่ะ นี่แบรนด์ใหม่ที่เพิ่งส่งมาจากฝรั่งเศสเลยนะคะ” ด้วยความอยากอวดวิกกี้จึงยกข้อมือที่ฉีดน้ำหอมมาเต็มที่ยื่นไปต่อหน้าจนเกือบชิดจมูกของชายหนุ่ม...เขาผงะเล็กน้อย ก่อนจะเอามือปัดข้อมือเธอออก
...แย่แล้ว! เป็นเอกรีบยกส้นมือขึ้นเคาะหัวเบาๆ
“เฮียเป็นอะไรคะ?”
“เฮียขอตัวไปห้องน้ำเดี๋ยวนะ”
เขาไม่มีเวลาจะอธิบายให้หญิงสาวได้รู้ว่าตนเองแพ้น้ำหอมกลิ่นกุหลาบเพราะที่ผ่านมาวิกกี้ก็ไม่เคยใช้น้ำหอมกลิ่นนี้มาก่อน เป็นเอกเดินโซซัดโซเซหวังจะไปล้างหน้าที่ห้องน้ำซึ่งอยู่ในซอกตึกไม่ไกลนัก
“โอ๊ย!”
ด้วยความรีบร้อนและไม่ได้มองว่าข้างหน้ามีคนกำลังเดินเร่งฝีเท้ามาเช่นกัน ร่างทั้งสองจึงชนกันโครมที่โถงทางเดิน จนกลิ้งไปกับพื้น
หญิงสาวใบหน้ากลมขาวนอนหงายทับอยู่บนร่างของเป็นเอกที่นอนคว่ำอยู่ข้างล่าง
“ลุกขึ้นสิ! มันหนักนะ!” ชายหนุ่มเอ็ด เขาทั้งรู้สึกมึนเพราะกลิ่นน้ำหอมที่ยังอวลอยู่ปลายจมูก และยังต้องมาถูกคนล้มทับเข้าไปอีก
“ดะ เดี๋ยวนะคะ” ร่างอวบพลิกกายหยัดขึ้น เมื่อเห็นชายหนุ่มที่ตนนอนทับอยู่เมื่อครู่ก็ทำตาโต “เฮียเอก!”
เธอเห็นรูปเขาเมื่อหลายวันก่อน ตอนที่พ่อบอกว่าจะส่งเธอมาอยู่ที่นี่ เธอจึงต้องทำความรู้จักคนในคฤหาสน์สกุลเจียงให้ถ้วนทั่ว ครั้งแรกที่เห็นรูปเขาในแท็บเล็ต แจ่มใสแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ทายาทคนโตของสกุลเจียงช่างรูปหล่อราวกับดารา
....ตัวจริงของเขาหล่อยิ่งกว่ารูปที่เธอเห็นซะอีก....
“เออ! ฉันเอง” เขารับคล้ายจะตวาด แต่เปลือกตาสองข้างปูดจนแทบปิด ทำให้ชายหนุ่มมองไม่เห็นร่างหญิงสาวตรงหน้า
“ตาบวมเชียวค่ะ เป็นอะไรคะ?”
เป็นเอกพอจะนึกสภาพใบหน้าของตนเองในยามนี้ออก อาการแพ้ดอกกุหลาบของเขาจะทำให้ตาปูดบวมปิดทั้งสองข้างและเกิดผื่นแดงขึ้นตามใบหน้าและลำคอ
“พาฉันไปห้องน้ำที ฉันแพ้กลิ่นกุหลาบ ต้องรีบล้างหน้าล้างตา”
แจ่มใสมองใบหน้าและลำคอที่เริ่มขึ้นผื่นแดงเล็กๆ แล้วก็ตรงเข้าไปหิ้วแขนของเขาให้ลุกขึ้น “ไปค่ะ หนูแจ่มพาไปเอง”
เป็นเอกขมวดคิ้ว “หนูแจ่ม” เขาได้ยินชื่อนี้เมื่อสองวันก่อน ได้ยินว่าที่บ้านจะรับเด็กคนนี้มาอยู่ด้วยเพื่อให้คุ้นเคยกับเนติ
หญิงสาวลากแขนเขาเดินอย่างว่องไวไปยังห้องน้ำ
“นี่ค่ะ อ่างล้างหน้า ว่าแต่ล้างแล้วจะช่วยได้เหรอคะ?”
“อย่างน้อยก็ช่วยให้ฉันไม่ได้กลิ่นอีก”
หญิงสาวช่วยดึงกระดาษทิชชู่มาส่งให้ เป็นเอกรับไว้แล้วเช็ดหน้าสะเปะสะปะ
“เดี๋ยวหนูแจ่มช่วยนะคะ” เธอช่วยซับน้ำบนหน้าเขาจนทั่ว “ให้หนูแจ่มพาเฮียไปส่งที่ห้องดีไหมคะ? อาการแบบนี้คงต้องกินยาแก้แพ้แล้วนอนพักถึงจะหายค่ะ”
ชายหนุ่มพยักหน้า สภาพของเขาตอนนี้คล้ายคนตาบอด
“ฉันเริ่มคันตามหน้ากับคอแล้ว เธอช่วยไปบอกคุณนันท์ให้ด้วย”
“ค่ะ เดี๋ยวส่งเฮียถึงห้องแล้ว หนูแจ่มจัดการให้”
แจ่มใสมาถึงที่นี่ได้สองวันแล้ว แต่เป็นเอกเพิ่งจะได้เห็นเธอ ห้องพักของเธอปะปนอยู่ด้านหลังกับเหล่าแม่บ้านและสาวใช้ ทายาทสกุลเจียงที่ใช้ชีวิตอยู่แต่ส่วนหน้าของคฤหาสน์จึงไม่มีโอกาสได้เห็นผู้มาใหม่
“เธอรู้เหรอว่าห้องฉันอยู่ตรงไหน?”
“รู้ค่ะ หนูแจ่มท่องแผนผังบ้านนี้ได้หมดแล้ว คุณนันท์บอกว่าต่อไปต้องช่วยดูแลงานบ้านค่ะ”
ชายหนุ่มพยักหน้า อาป๊าพูดกับเขาอยู่วันก่อนว่าอยากให้หนูแจ่มแต่งงานกับเนติเพื่อจะได้เข้ามาช่วยดูแลความเรียบร้อยภายในคฤหาสน์แห่งนี้
“เจ้าเนมันเหลวไหล หากว่าให้มันแต่งงานกับหนูแจ่มไปอย่างน้อยมันก็จะได้มีคนดูแล”
*************************
ไรท์แนะนำ...ติดตามผลงานของไรท์ได้ทางแฟนเพจเฟสบุ๊ก "เอสเต้และซีฟางกั๋วเจีย"