บทนำ

1681 Words
บทนำ ครั้งหนึ่งมีเรื่องเล่าขาน พระราชินีแห่งอาณาจักรอันมั่งคั่งแห่งหนึ่งให้กำเนิดพระราชธิดาที่เลื่องลือกันว่าสวยสดงามงามหาหญิงใดจะเทียบทานได้ เส้นผมของนางดำขลับดุจเส้นขนของอีกา ผิวขาวประหนึ่งหิมะ และริมฝีปากแดงเรื่อละม้ายคล้ายโลหิต เจ้าหญิงมีพระนามว่า ‘สโนว์ไวท์’ หากแต่เมื่อเจ้าหญิงสโนว์ไวท์ เจริญวัยได้ไม่กี่พรรษา พระราชินีก็ทรงสวรรคตไปด้วยโรคร้ายรุมเร้า กระนั้นเจ้าหญิงก็ยังคงความร่าเริงและเจริญพระชนมพรรษาขึ้นกระทั่งอายุได้สิบแปดปี เมื่อนั้นเองที่พระราชาทรงตัดสินพระทัยอภิเษกสมรสกับสตรีนางหนึ่ง และแต่งตั้งนางขึ้นมาเป็น ‘ราชินี’ แทนที่พระราชินีพระองค์เก่าที่สูญสิ้นไป เจ้าหญิงสโนว์ไวท์ทรงมี ‘พระมารดาเลี้ยง’ แต่ทุกสิ่งจะไม่มีปัญหาเลยถ้าหากว่าราชินีพระองค์ใหม่หาได้ทรงริษยาในความงามของลูกเลี้ยง พระนางทรงรังเกียจเจ้าหญิงสโนว์ไวท์ ทรงทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะกำจัดหนามยอกพระทัยผู้นี้ ทั้งลอบสังหารพระราชาด้วยการวางยาพิษ อีกทั้งยังพลีกายให้กับองครักษ์ของเจ้าหญิงสโนว์ไวท์เพื่อแลกกับการสังหารเจ้าหญิง ทว่าเคราะห์ดีที่เจ้าหญิงสโนว์ไวท์หนีรอดไป และได้รับความช่วยเหลือจากบรรดาคนงานเหมือง ก่อนจะถูก เชื้อพระวงศ์ของอาณาจักรข้างเคียงพบเข้าที่ป่าลึก การรอดชีวิตของเจ้าหญิงสโนว์ไวท์นำมาสู่การจับกุม ‘แม่เลี้ยงใจร้าย’ หรืออีกสมญานามก็คือ ‘ราชินีปีศาจ’ ที่โปรยเสน่ห์ให้พระราชาลุ่มหลงแล้วสังหารสิ้นด้วยการวางยาในพายแอปเปิ้ลแล้วถวายให้พระราชาเสวย เมื่อถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดที่ปรุงยาพิษพรากเอาชีวิตของพระราชาไป นางก็ถูกถอดออกจากตำแหน่งราชินี ได้รับโทษทัณฑ์ให้ถูกคุมขังที่หอคอยสูงตลอดชีวิต นั่นนับว่าเป็นโทษทัณฑ์ที่ปราณีมากแล้วแล้วสำหรับผู้เป็นภัยต่ออาณาจักร โดยหารู้ไม่เลยว่า ‘ความจริง’ ของเรื่องทั้งหมดนั้นเป็นอย่างไร ความจริงแล้วอดีตราชินีพระองค์ที่สองที่เพิ่งโดนปลดจากตำแหน่งหาได้รังเกียจลูกเลี้ยงที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันเลยแม้แต่น้อย ใช่ นางอายุเท่ากันกับเจ้าหญิงสโนว์ไวท์ ยังเป็นดรุณีวัยกำดัด มีอายุเพียงสิบแปดปีเท่านั้น ทว่าน่าเสียดายที่ความสาวความสวยของนางนั้นหาได้รับการเชยชมจากชายหนุ่มวัยรุ่นราวคราวเดียวกัน กลับต้องตาพระราชาวัยคราวบิดาเมื่อนางติดสอยหอยตามบิดาซึ่งเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ไปร่วมงานเลี้ยงงานหนึ่งของพระราชวัง หากนางรู้ว่าการไปร่วมงานเลี้ยงในครั้งนั้นจะทำให้อิสรภาพของนางถูกพรากไป นางจะไม่ไปข้องเกี่ยวเลย แต่เมื่อต้องพระทัยพระราชาแล้ว บิดาก็มิอาจจะช่วยอะไรได้ แม้ว่าจะปฏิเสธ แต่พระราชาผู้นั้นก็ทรงบีบบังคับทุกอย่างเพื่อให้ได้นางมาครอง ทั้งจับตัวบิดาของนางคุมขัง ขู่เข็ญครอบครัวของนางให้ยอมจำนน นางซึ่งเป็นตัวต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดหาได้มีทางเลือก ต้องมอบกายให้กับพระราชาด้วยความจำนน โดยที่ตำแหน่งบรรดาศักดิ์ใดๆ ก็ไม่สามารถทำให้นางยินดีได้เลยเมื่อบิดาของนางที่ถูกคุมขังไว้ต้องสิ้นลงในคุกในท้ายที่สุด มิหนำซ้ำมารดาและน้องๆ ก็พากันฆ่าตัวตายด้วยความเสียใจต่อการจากไปของบิดา นางไม่เหลือผู้ใดเพราะพระราชามากราคะพระองค์นี้ นางกลายเป็นราชินีที่ไร้ซึ่งรอยยิ้ม แม้ว่าดวงหน้าจะสดสวยไม่แพ้เจ้าหญิงสโนว์ไวท์ ทั้งเส้นผมดำขลับดุจถ่าน ผิวขาวหยวกนุ่มละมุนคล้ายผิวเด็กทารก และริมฝีปากแดงจัดไม่ต่างจากกลีบกุหลาบ แต่ก็หาได้ดูสดชื่นกว่าไม่ สีหน้าอมทุกข์ตลอดช่วงลมหายใจ จนพระราชาที่ทรงลุ่มหลงนางอย่างหนักต้องประกาศว่าหากมีผู้ใดทำให้นางยิ้มได้ คนผู้นั้นจะได้รับทรัพย์สินเงินทองมากมาย น่าเสียดาย... น่าเสียดายที่ไม่มีผู้ใดทำให้นางยิ้มได้เลย นางมีสีหน้าเรียบเฉยอย่างเดียวเท่านั้น กระทั่งพระราชาถูกลอบสังหาร สีหน้าของนางก็หาได้เปลี่ยน กระทั่งนางถูกใส่ความว่าเป็นผู้สังหารพระราชา สีหน้าของนางก็หาได้เปลี่ยน จึงกลายเป็นว่านางถูกมองว่าจำนนต่อความผิดนั้น นาง...ถูกใส่ความโดยที่ไร้ความผิดโดยสิ้นเชิง แต่จะพูดไปตอนนี้ ผู้ใดจะฟังกัน แม่เลี้ยงใจร้ายอย่างนางได้แต่ยอมให้ถูกคุมขังอยู่บนหอคอยสูงที่เต็มไปด้วยการควบคุกของเหล่าทหารฝีมือดีจากคำสั่งของพระญาติของพระราชาพระองค์ก่อนที่เข้ามาครอบครองอาณาจักรต่อเท่านั้น ดวงตาสีดำสนิททอดมองไปยังภาพขุนเขาเบื้องหน้าจากหน้าต่างเล็กๆ ของหอคอยที่เต็มไปด้วยเหล็กดัด พลางครุ่นคิดว่ากี่เดือนแล้วที่นางต้องถูกคุมขังอย่างนี้ หนึ่งเดือน...สองเดือน...ไม่สิ น่าจะเข้าเดือนที่สามแล้ว กระนั้นนางก็หาได้สนใจไม่ นอกเสียจากเฝ้ารอข่าวคราวจากมหาดเล็กผู้หนึ่งที่นางได้ไหว้วานระคนวิงวอนให้เขาช่วยไปยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ นางไม่ผิดแล้วนางจะยอมตายในคุกเช่นนี้ได้อย่างไร ถึงมันจะดูไม่ช่วยอะไร แต่นางก็ใคร่จะแสวงหาความยุติธรรมให้กับตนเอง โดยเฉพาะเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าริษยาสโนว์ไวท์ นางพูดได้เต็มปากเลยว่าไม่ใช่ นางไม่เคยริษยาใคร และที่ร้ายแรงกว่านั้นก็คือเรื่องการสังหารพระราชา ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างนางน่ะหรือที่จะกล้าสังหารผู้ใด มันไม่ใช่เรื่องจริงเลย! แต่เรื่องนี้ต่อให้นางพูดไปก็หาได้มีผู้ใดเชื่อ นางได้แต่สาบานต่อพระเจ้า และขอให้พระองค์ทรงเห็นใจให้นางได้รับพระราชทานอภัยโทษในครั้งนี้ เสียงพรูลมหายใจดังออกมาน้อยๆ จากร่างบอบบาง มือซีดขาวกระชับเสื้อคลุมหนังแกะอย่างเชื่องช้า ก่อนที่จะต้องผินหน้าไปยังประตูไม้บานเขื่องเมื่อหูได้ยินเสียงไขประตูดังลอยมาจากด้านนอก ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งปรากฏตัว เขาเป็นมหาดเล็กที่นางได้ขอให้เขาช่วย ขณะที่เขามองดวงหน้าสะสวยของนางที่เต็มไปด้วยความหวังแล้วก็เรียกชื่อนางออกมา “เอวา” ไม่มีคำว่า ‘พระนาง’ หรือยศศักดิ์ใดๆ อีกแล้ว ทว่านางก็หาได้สนใจ นอกจากจะเผยอริมฝีปากถาม “เป็นเช่นไรบ้าง” ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของนางเต้นระทึก หวังว่าจะได้ยินข่าวดี ขณะที่อีกฝ่ายเม้มปากแล้วพยักหน้า “ท่านได้รับพระราชทานอภัยโทษ” ดวงตาเศร้าหม่นฉายแววดีใจขึ้นมาทันที หน่วยน้ำตา เอ่อคลอ แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “ทะ...ท่านพูดจริงหรือ?” คนถูกถามพยักหน้าอีกครั้ง ทำให้เอวาต้องหลั่งน้ำตาออกมาในตอนนี้ ขอบคุณสวรรค์! ขอบคุณพระเจ้าที่ยังเห็นใจนาง ไม่ทำให้นางต้องเผชิญทุกข์ทนไปมากกว่านี้! หากทว่านางก็ต้องรีบปาดน้ำตาเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยปากขึ้น อีกครั้ง “แต่ท่านต้องรีบไปจากที่นี่ แล้วไม่หวนกลับมาอีก” “...” “อย่าให้ทางการเจอตัวท่าน ท่านมีเวลาหนีแค่คืนนี้เท่านั้น ไม่อย่างนั้น ท่านคง...” ไม่พูดต่อ แต่นางก็เข้าใจว่าหมายถึงอะไร ความตายจะมาเยือนหากนางถูกพบเจออีกครั้ง... หญิงสาวพยักหน้าทันที ก่อนจะดันตัวขึ้นแล้วว่าเร็วๆ “แล้วข้าต้องทำอย่างไรต่อ” “ข้าเตรียมม้าเอาไว้ให้ท่านแล้ว ท่านไปตอนนี้ได้เลย เก็บข้าวของที่จำเป็นซะ แล้วไปเร็ว” นางกระชับเสื้อคลุมขนแกะติดตัวไว้มั่น มือคลำสร้อยคอที่ยังสวมอยู่แล้วตอบรับ “ข้าไม่มีสิ่งใดให้ต้องเก็บไปนอกจากนี้ รีบพาข้าไปเถอะ เวลาไม่คอยท่า” มหาดเล็กไม่พูดสิ่งใดต่อ นอกจากสั่งให้ทหารยามเปิดทางแล้วพานางมุ่งหน้าไปยังประตูท้ายพระราชวังเพื่อส่งให้นางออกไป ร่างบางโหนขึ้นม้า นางเป็นลูกสาวขุนนาง หาได้ขี่ม้าเป็นนัก แต่ในยามนี้ไม่มีตัวเลือกอีกต่อไปแล้ว ต่อให้ขี่ไม่เป็นก็ต้องขี่ ขณะที่ม้าซึ่งถูกตระเตรียมไว้ให้นางก็ดูจะไม่สมประกอบเท่าไรนัก มันหาได้พยศ แต่ก็ทรงตัวไม่ค่อยอยู่ เซไปเซมา มิหนำซ้ำยังมีกลิ่นเบียร์...ใช่ กลิ่นเบียร์ลอยฉุนออกมาจากม้าตัวนั้น ม้าตัวนี้คงถูกบังคับให้ดื่มเบียร์เพื่อถ่วงเวลาให้นางหนีไปได้ไม่ไกล นางพอจะเดาได้ ทว่าก็มิอาจโกรธเคืองพระราชาพระองค์ใหม่ที่พระทัยดำกับนางอย่างนี้ ได้แต่กุมบังเ**ยนไว้มั่นแล้วหันไปบอกกับมหาดเล็ก “ขอบคุณท่านมาก น้ำใจท่านในครั้งนี้ ข้าจะไม่ลืม” “หาได้เป็นไรไม่ ท่านรีบไปเถอะ ไปเสียก่อนจะค่ำมืด แล้วอย่าให้ผู้ใดได้พบเจอ” “...” “ไปจากอาณาจักรนี้...จากไปตลอดกาล” “อืม...” “ขอให้ท่านโชคดี” สิ้นเสียง หญิงสาวก็ไม่อยู่รั้งรออีกต่อไป ควบม้าออกจากเขตพระราชวัง มุ่งหน้าสู่เส้นทางไหนนั้น นางก็มิอาจรู้ รู้แต่เพียงว่านางต้องรีบไปก่อนที่ตะวันจะตกดินเท่านั้น ขอแค่นางได้ไปจากที่นี่...นางก็ไม่สนใจอะไรแล้ว สิ้นสุดกันทีตำแหน่งแม่เลี้ยงสโนว์ไวท์ นางหาได้เป็นแม่เลี้ยงของผู้ใดอีกต่อไป...ไม่เป็น...แม้ราชินีปีศาจ ไม่เป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรนี้อีกต่อไปแล้ว...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD