ตอนที่ 4 ปราบพยศ

2845 Words
เช้าวันต่อมา ปราณนต์ตื่นแต่เช้าเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพ เขามีคนรอให้ต้องกลับไปปราบพยศ จึงอยู่เที่ยวกับที่บ้านต่ออย่างที่ตั้งใจไว้ในตอนแรกไม่ได้ "เก็บกระเป๋าไปไหนครับพี่ปราณต์" ปุณณัตถ์ น้องชายคนสุดท้องเอ่ยถามขึ้นเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าพี่ชายของตัวเองกำลังเก็บกระเป๋า ทั้งๆที่ตกลงกันไว้แล้วว่าจะอยู่พักผ่อนกับครอบครัวต่ออีกหนึ่งวัน "พี่ต้องรีบกลับ มีงานด่วน" "งานอะไรครับ ไหนว่าเคลียร์เรียบร้อยแล้วไง ลูกน้องพี่ก็อยู่ครบ จัดการกันไม่ได้หรอครับ" "เรื่องนี้ต้องพี่คนเดียวว่ะ โทษที ไว้คราวหน้าค่อยหาโอกาสมาพักผ่อนกันใหม่นะ ฝากบอกทุกคนด้วย" พูดจบก็หอบหิ้วกระเป๋ารีบร้อนออกไป ไม่สนใจเสียงทัดทานของน้องชายอีกเลย “ทำไมไม่กินข้าว อย่ามาดื้อกับฉันนะ มานี่” ปราณนต์ตวาดเสียงดังเมื่อกลับมาถึงห้องพักที่อยู่ชั้นบนของผับหรูใจกลางเมืองของตนเอง แล้วพบว่าคนที่เขาจับมาขังเอาไว้ ไม่ยอมกินข้าวกินปลาเลย ตั้งแต่วันที่เขาเดินทางไปร่วมงานแต่งงานของพี่ชายที่กระบี่แล้ว พร้อมกันนั้นก็ฉุดกระชากลากถูสาวงามร่างบางแสนดื้อนั่นมาที่โต๊ะอาหาร “โอ๊ยยย ปล่อยนะ ไอ้มาเฟียบ้า จะจับฉันมาทำไม บอกแล้วไงว่าไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้ ฉันกับพี่ไม่ได้ติดต่อกันมานานแล้ว ไปตามหาเอาเองสิ ฉันต้องไปเรียนนะ จะมาขังฉันไว้แบบนี้ไม่ได้” “อยากไปเรียนหรอ ได้ แต่เธอต้องเชื่อฟังฉันทุกอย่าง แล้วฉันจะให้เธอไปเรียนกับเพื่อน อีกปีเดียวก็จบแล้วนี่” “ฉันต้องทำอะไร” “ใช้ร่างกายของเธอตอบสนองฉันให้ถึงใจ เพื่อใช้หนี้แทนพี่ชายสวะๆของเธอซะ ไม่อย่างนั้น ก็บอกมา ว่าพี่ชายเธออยู่ที่ไหน” เขาบีบแขนเธอแน่นขึ้น ในขณะที่เธอใช้มือน้อยพยายามแกะมือที่แข็งดังครีมเหล็กของเขาออกจากแขนของเธอ ที่ตอนนี้มันเจ็บร้าวระบมไปหมดแล้ว “ไม่มีวัน ถ้าคุณรู้ว่าพี่ฉันอยู่ที่ไหน แล้วคุณจะทำอะไร คุณจะฆ่าเขาหรอ” “หึ ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องรู้” งั้นก็ฝันไปเถอะ ว่าเธอจะบอกที่ซ่อนของพี่เธอให้เขาไปฆ่า ต่อให้เธอต้องตาย เธอก็จะไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรพี่ชายของเธอเด็ดขาด เพราะในชีวิตนี้ เธอเหลือกันแค่สองคนพี่น้องแล้ว หากพี่ชายของเธอเป็นอะไรขึ้นมา เธอก็คงไม่อยากจะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้เพียงคนเดียวอีกต่อไป "ไปกินข้าว" "ฉันไม่หิว" "ไม่หิวใช่ไหม แต่ฉันหิว และถ้าฉันหิวแล้วก็ต้องได้กิน เธอทำตัวเธอเองนะ ณิชา" มือใหญ่กระชากร่างบางให้ลอยหวือไปล้มลงบนเตียง แล้วขยับกายขึ้นทาบทับเธออย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้นก็ไม่ปล่อยให้เธอได้ตั้งตัวใดๆ เมื่อเขาก้มหน้าลงประกบปากบดจูบเธออย่างเร่าร้อนหิวกระหาย ท่ามกลางการต่อสู้ดิ้นรนของเธอ "อื้อ อ่อย อื้อ อื้อ" นอกจากจะไม่ปล่อยแล้ว เขายังไถลปากและจมูกไปที่ซอกคอหอมๆของเธอแล้วซุกไซ้ขบเม้มที่ซอกคอเธออย่างบ้าคลั่ง "อื้อ ปล่อยฉัน อื้อ" คนตัวบางใต้ร่างดิ้นรนสุดแรง แต่เพียงไม่นาน ก็หยุดต่อสู้นอนนิ่งไปเฉยๆเสียอย่างนั้น เขาเอะใจจึงยกใบหน้าขึ้นมาจากซอกคอของเธอ ปรากฏว่าแม่ตัวดีได้เป็นลมแน่นิ่งไปแล้ว "ณิชา เป็นอะไร ณิชา" เขาเขย่าตัวเธอหลายครั้ง แต่เธอก็ไม่ไหวติงอีกเลย ชายหนุ่มตกใจตะโกนเรียกลูกน้องดังลั่น ไม่กี่วินาที โชคชัยก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาตามเสียงตะโกนเรียกของเจ้านาย เมื่อเข้ามาเขาก็เบือนหน้าหนีภาพที่ไม่ควรมอง เพราะไม่รู้ว่าคนตัวบางใต้ร่างของเจ้านายเขาโป๊เปลือยแค่ไหน "นาย เกิดอะไรขึ้นครับ" "โทรตามไอ้หมอที ณิชาเป็นลม" "ได้ครับ" ไม่นานจากนั้น หมอนพพร เพื่อนสนิทของเขาก็เข้ามาในห้องพร้อมกระเป๋าอุปกรณ์ทางการแพทย์ครบครัน "ใครเป็นอะไรวะ ไอ้ปราณต์" "ผู้หญิงของกู อยู่ๆก็แน่นิ่งไปเลย สงสัยจะเป็นลม" หมอนพพร ปรายตามองร่างบางที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ก่อนรีบทำการรักษาตามขั้นตอนทันที "ทำไมเธอเป็นแบบนี้ ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น" "เธอประท้วงฉัน เมื่อวานทั้งวันไม่ยอมกินข้าวซักมื้อ เมื่อกี้ฉันเลยจะทำโทษเธอนิดหน่อย แต่เธอก็เป็นลมไปซะก่อน" "ไอ้เวร อย่าบอกว่ามึงปล้ำเธออ่ะ" "เออ ก็ประมาณนั้น แต่แค่จะขู่ๆ ไม่ได้จะทำจริงจังขนาดนั้นซะหน่อย" "พอเลยมึง หยุดหื่น แล้วไปนั่งไกลๆเลย กูจะรักษาคนไข้ อย่ามากวนสมาธิกู" หมอหนุ่มมองร่างบางที่นอนหลับตาพริ้ม ใบหน้าซีดเซียวก็สงสาร เธอยังดูเด็กมาก ทำไมถึงกลายมาเป็นผู้หญิงของปราณนต์เพื่อนรักขาหื่นของเขาได้ เขาให้น้ำเกลือและฉีดยาบำรุงให้เธอ แล้วเดินไปนั่งคุยกับเจ้าของห้องที่โต๊ะอาหารตัวเล็กมุมห้อง "มึงบอกความจริงกูมา ว่าเด็กคนนี้เป็นใคร ทำไมถึงมาอยู่กับมึงได้" "ก็บอกแล้วไงว่าเป็นผู้หญิงของกู" "ไอ้ปราณต์ มึงอย่ามาโกหกกู เด็กๆ หน้าใสๆแบบนั้นน่ะหรือ ไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่มึงจะลากขึ้นเตียงหรอก อย่างมึงต้องพวกเซ็กซี่ๆ แก่ประสบการณ์โน่น" "แล้วมึงรู้ได้ไงว่าเธอไม่แก่ประสบการณ์" "ปิดตาข้างเดียวก็รู้ มึงอย่ามาปิดบัง บอกเรื่องจริงกูมาเดี๋ยวนี้ไอ้ปราณต์" "เออ กูเล่าแล้ว กูจับเธอมาขังไว้ เพราะพี่ชายเธอเป็นหนี้พนันในกาสิโนกูอยู่สิบล้าน" "เห้ย มึงทำแบบนี้มันผิดกฎหมายนะ ต่อให้พี่ชายเขาติดหนี้มึง แต่มึงไม่มีสิทธิ์ไปจับตัวเขามากักขังหน่วงเหนี่ยวแบบนี้" "กูรู้ แต่ถ้ากูไม่ทำ เงินกูสูญแน่ สิบล้านนะมึง ไม่ใช่สิบบาท" "เออ กูเข้าใจ แต่ไม่มีวิธีไหนที่ดีกว่านี้หรอวะ" "กูตามหาตัวมันมาอาทิตย์กว่าแล้ว เฝ้าหน้าบ้านมันทุกวัน ขนาดน้องมัน มันยังไม่โทรมาหาเลย มันไม่เป็นห่วงน้องสาวมันสักนิด แล้วแบบนี้ ถ้ากูไม่จับเธอมา มึงคิดว่ากูจะได้เงินคืนไหม" "แต่มึงห้ามข่มขืนเธอเด็ดขาดนะ ไม่งั้นถ้าเธอหนีออกไปได้ เรื่องใหญ่แน่" "เออ กูรู้แล้วน่า กูไม่นิยมทำอะไรคนที่ไม่เต็มใจหรอก" "แล้วมึงจะเอาไงต่อไป ถ้าพี่ชายเธอไม่ติดต่อมาเลย แล้วมึงตามหาตัวมันไม่เจอ มึงไม่ต้องขังเธอไว้ตลอดชีวิตหรือไง" "กูมีเวลาให้มันอีกแค่สามวัน ถ้ามันยังไม่ติดต่อมาหรือกูยังหามันไม่เจอ กูมีวิธีอื่นแล้ว" "มึงจะทำอะไร" "เออน่า ไม่ทำอะไรน่าหวาดเสียวแบบนั้นหรอก กูสัญญาว่านอกจากกักตัวเธอไว้อีกสามวัน กูจะไม่ฝืนใจอะไรเธออีก" "เออ ที่กูพูดเนี่ย เพราะกูเป็นห่วงมึงนะ ไม่อยากให้มาตกม้าตายเพราะเรื่องง่ายๆ มึงอย่าประมาทเด็ดขาด เพราะเรื่องบางเรื่อง อำนาจและเงินของมึงก็ไม่สามารถช่วยมึงได้" "อืม กูรู้แล้ว ขอบใจมากที่เป็นห่วง" "งั้นเดี๋ยวกูรอจนน้ำเกลือหมด กูถอดเข็มให้เรียบร้อยแล้วกูค่อยกลับ" "อืม ขอบใจมึงมาก" สองชั่วโมงต่อมา ร่างบางที่ได้รับทั้งยาบำรุงและน้ำเกลือ ก็รู้สึกตัวตื่น เธอได้พักผ่อนแล้วก็รู้สึกมีแรงขึ้นมาก จึงค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นนั่ง "ณิชา ตื่นแล้วหรอ มา ฉันช่วย" ปราณนต์กุลีกุจอไปช่วยประคองเธอนั่งพิงหัวเตียง เธอมองหน้าเขาอย่างงงๆ พยายามคิดทบทวนว่าก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้น เธอรู้สึกสับสนยังจับต้นชนปลายไม่ถูก จึงนั่งมองหน้าเขาตาปริบๆ "หึหึ อะไร มองหน้าฉันทำไม อยากรู้ใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น" "ฉันสับสน ว่าอันไหนความฝันอันไหนความจริง" "แล้วเธอฝันว่าอะไรล่ะ ถ้าฝันว่าโดนฉันปล้ำ นั่นล่ะ คือความจริง" "นี่คุณ คุณ ปล้ำฉันหรอ" เธอยกมือขึ้นกำคอเสื้อตัวเอง เพื่อปิดบังเนื้อตัวจากสายตาเจ้าเล่ห์ของเขา แล้วกระถดตัวชิดกับหัวเตียงเพิ่มขึ้นอีกนิด ดวงตากลมโตมองหาทางหนีทีไล่ที่จะหนีออกไปจากตรงนี้ "อืม ฉันปล้ำเธอ แต่ยังไม่เสร็จหรอกนะ เธอเป็นลมไปเสียก่อน เป็นไง แม่คนเก่ง ไม่ยอมกินข้าวกินปลาจนลมจับ แค่แรงต่อสู้ดิ้นรนเอาตัวรอดจากการโดนฉันปล้ำยังไม่มีเลย จะเอาแรงที่ไหนหนีออกไปจากที่นี่ได้" จริงด้วย มันจริงอย่างที่เขาพูดทุกอย่าง ถ้าเธออยากหนีไปจากเขา เธอต้องมีแรง มีพลังสมอง จะมาเป็นคนขี้โรคอ่อนแอแบบนี้ไม่ได้ "ไป ไปกินข้าว หรือต้องให้ฉันเอามาป้อนให้ถึงเตียง แต่บอกไว้ก่อนนะ ฉันคิดค่าป้อน เอาเป็นจูบหวานๆ แบบเต็มใจ อย่างเมื่อคืนสักครั้งแล้วกันนะ" "ฝันไปเถอะ หลีกทางให้ฉันด้วย ฉันจะไปกินข้าว" "หึหึ ไป ฉันช่วย" "ไม่ต้อง" "ไม่คิดค่าช่วยพยุงหรอกน่า" เท่านั้นแหละ เธอถึงหยุดดื้อแล้วยอมให้เขาประคองไปจนถึงโต๊ะอาหาร ที่ตอนนี้มีอาหารเย็นหน้าตาน่าทานอยู่หลายจาน และทันทีที่เธอนั่งลงได้ ก็จัดการกับอาหารตรงหน้าของตัวเองด้วยความหิวโหยทันที เธอต้องกินเยอะๆ สะสมพลังงานให้ได้มากที่สุด เพื่อจะได้ไม่เพลี่ยงพล้ำอย่างวันนี้อีก "กินอิ่มหรือยัง" "อิ่มแล้วค่ะ" "งั้นเตรียมตัว เราจะเปลี่ยนที่อยู่กัน" "ไปไหน คุณจะปล่อยฉันกลับบ้านหรอ" "เปล่า เราจะไปอยู่ที่คอนโดของฉัน มันสะดวกสบายกว่าอยู่ที่นี่ เพราะดูท่าทางแล้วเธอต้องอยู่กับฉันอีกนาน" เธอตวัดค้อนใส่เขา แหงล่ะ เธอมันตัวประกัน จะทำอะไรได้ ไปอยู่กับเขาที่ใหม่ ไม่รู้จะมีเวรยามแน่นหนา กำแพงสูงสามเมตรหรือเปล่า ทางหนีรอดของเธอแทบเป็นศูนย์เข้าไปทุกที "ฉันต้องเก็บเสื้อผ้าก่อน" "คนของฉันเก็บให้แล้วตอนที่เธอยังหลับ ไป ออกเดินทางกันได้แล้ว" เขาจับมือของเธอพาเดินออกจากห้องที่คุมขังแห่งเก่านี้ไป เพื่อจะไปอยู่ในที่คุมขังแห่งใหม่ เธอเดินตามหลังเขาไปเงียบๆ มองมือน้อยของเธอที่อยู่ในอุ้งมือใหญ่ของเขา แล้วเงยหน้าขึ้นมองแผ่นหลังกว้างของคนตัวโต ความรู้สึกอบอุ่นแปลกประหลาดมันแล่นปราดมาตามมือ ค่อยๆแผ่กระจายขึ้นมาจนถึงหัวใจ เมื่อลงมาถึงชั้นล่าง เขาก็พาเธอออกทางพิเศษ ไม่ต้องเดินทางฝูงชนที่กำลังโยกย้ายกันสนุกสนานอยู่ข้างในร้าน แต่เมื่อออกประตูมาแล้วกำลังจะก้าวขึ้นรถยนต์คันหรูที่มาจอดรออยู่แล้วโดยมีโชคชัยเป็นคนขับ และกิตติมายืนรอเปิดประตูรถให้ อยู่ๆก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเรียกอยู่ด้านหลัง "ปราณต์คะ" เขาและเธอหันไปตามเสียงเรียก ก็พบกับดาราสาวสวยคนหนึ่ง ที่กำลังมีกระแสดังเรื่องตบตีแย่งผู้ชายกับดารารุ่นน้อง "น้ำส้ม มาเที่ยวหรอ" เธอตรงดิ่งเข้ามาหาเขา พร้อมปรายตามองผู้หญิงสาวสวยที่อยู่เคียงข้างเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนที่สายตาจะไปหยุดอยู่ที่มือของทั้งคู่ที่ยังคงจับกันแน่น แม้เธอจะเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นพยายามที่จะสะบัดมือเขาออก แต่เขาก็ยังคงกำไว้แน่นไม่ยอมปล่อยอยู่ดี "ค่ะ มาเที่ยว ปราณต์จะไปไหนหรอคะ" "กลับคอนโดครับ ขอตัวก่อนนะ" "เดี๋ยวสิคะ ผู้หญิงคนนี้ใคร คู่ขาใหม่ของปราณต์หรอ ทำไมเดี๋ยวนี้ไม่โทรหาน้ำส้มบ้างเลยคะ คุณลืมน้ำส้มไปแล้วหรอ" ณิชากับปราณนต์หันมองหน้ากันในทันที และคราวนี้เขาก็ยอมปล่อยมือของเธอให้เป็นอิสระ "เธอเข้าไปรอฉันในรถก่อน" ณิชา ขึ้นไปนั่งบนรถตามที่เขาสั่ง เพื่อให้ความเป็นส่วนตัวของเขากับคู่ควงคนสวย และเมื่อเธอขึ้นรถไป ดาราสาวสวยก็ตรงเข้าโน้มคอของชายหนุ่มลงมาบดจูบทันที ทั้งคู่จูบกันอยู่นานโดยไม่แคร์สายตาคนเดินผ่านไปผ่านมาและคนที่อยู่ในรถเลย ภาพที่อยู่ตรงหน้าทำเอาณิชาต้องเบือนหน้าหนี ใจดวงน้อยมันกระตุกเต้นแปลกๆ ไม่ชอบใจเลยที่ต้องมาเห็นภาพความสำส่อนประเจิดประเจ้อไม่อายสายตาผู้คนของเขา นี่ขนาดอยู่ในที่ที่มีคนผ่านไปผ่านมาเยอะแยะ ทั้งคู่ยังทำอะไรไม่อายผู้คนและผีสางเทวดา ถ้าในที่ลับตาคงไม่ต้องพูดถึง "อืม พอได้แล้วน้ำส้ม ถ้าเป็นข่าวขึ้นมา จะมาโทษผมไม่ได้นะ" "ถ้าน้ำส้มเสียหาย ปราณต์ก็รับผิดชอบสิคะ" ดาราสาวใช้สองแขนเกาะเกี่ยวที่ลำคอแกร่ง ทั้งยังใช้เรือนร่างเย้ายวนบดเบียดตัวของเขาไม่หยุด "ไร้สาระน่า คุณก็รู้ว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน" "แต่เรานอนด้วยกันมาหลายครั้งแล้วนะปราณต์" "แต่คุณก็นอนกับคนอื่นไปทั่ว เหมือนอย่างที่ผมก็เปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยนั่นแหละ" "ปราณต์.." "เอาน่า ไม่ต้องซีเรียส ผมไม่ถือหรอกนะ เพราะเราก็แค่สนุกๆกัน แต่ตอนนี้ผมคงต้องขอบายคุณก่อนนะ เพราะผมมีของเล่นชิ้นใหม่แล้ว" "นี่แสดงว่านังเด็กนั่น เป็นคู่ขาคนใหม่ของคุณงั้นหรอ" "ก็ยัง แต่คงไม่นานนี้หรอก ผมไปก่อนนะ" พูดจบก็ก้าวขึ้นรถไปนั่งเคียงข้างกับณิชา ที่ทันทีที่เขาขึ้นมานั่งเคียงข้าง เธอก็กระเถิบตัวหนีเขาทันทีจนแทบจะชิดกระจกรถด้านที่เธอนั่งเหมือนกัน "ทำไม หึงฉันหรอ" "รังเกียจต่างหากล่ะคะ" "หึ" เขาแค่นหัวเราะเบาๆครั้งหนึ่ง ก่อนขยับเบียดเธอจนชิดประตู ใช้แขนทั้งสองข้างกักกั้นเธอเอาไว้ แล้วก้มลงกระซิบชิดใบหูขาวสะอาดของเธอเบาๆ "ฉันสะอาด ไว้ใจได้ ป้องกันตัวเองอย่างดีทุกครั้ง" "บ้า" เธอดันอกแกร่งของเขาให้ขยับออกไปจากการคุกคามเธอ แต่ก็เหมือนผลักก้อนหินก้อนโต เพาะมันไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด แถมเขายังก้มลงมากระซิบชิดใบหูเธออีกครั้ง "ฉันกับน้ำส้ม เรานอนด้วยกันแค่ไม่กี่ครั้ง ไม่ได้สำคัญอะไรสำหรับฉันหรอก" "เรื่องของคุณ ฉันไม่ได้อยากรู้ค่ะ ไม่ต้องมาบอก" "อ้าว ก็เห็นนั่งหน้างอคอหักเป็นปลาทูแม่กลอง ก็คิดว่าหึงฉันเสียอีก เลยรีบอธิบายให้ฟังนี่ไง" "ไม่ต้องค่ะ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่ต้องมาอธิบาย" "มันก็ไม่แน่หรอกนะ" "คุณหมายความว่ายังไง" "อืม ง่วงจัง" เขาไม่ตอบคำถาม แต่ถือวิสาสะโอบไหล่เธอแล้วดึงร่างงามมาแนบชิดกับอกแกร่ง แต่เธอก็ยังเป็นเธอ ยังคงดิ้นรนแกะมือปลาหมึกของเขาให้วุ่น จนเขาต้องใช้แขนอีกข้างกอดกระชับเธอเอาไว้เพิ่มเติม จนกลายเป็นว่าตอนนี้ เธอโดนแขนทั้งสองข้างของเขากอดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว "นี่คุณปราณต์ ปล่อยฉันนะ นั่งดีๆสิ จะมากอดฉันทำไม" "นั่งนิ่งๆน่า ฉันง่วง ขอกอดหน่อย" พูดจบก็ทิ้งตัวลงพิงเบาะรถยนต์ หลับตาพริ้มแล้วดึงเธอเข้ามาแนบอกขึ้นอีกนิด ยิ่งเธอดิ้นเขายิ่งกอดรัด จนเธอทนไม่ไหวจึงยอมหยุดดิ้นรนหนีเขา เพราะเธอเรียนรู้แล้ว ว่าทำอย่างไรก็ไม่สามารถสู้แรงเขาได้อยู่ดี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD