ไม่นานทั้งเขาและเธอก็เดินออกจากห้องมา เขาส่งกระเป๋าเดินทางใบโตของเธอให้กับโชคชัยที่ยืนคอยอยู่หน้าประตูจริงๆ
"โชค ให้แม่บ้านมาจัดการทำความสะอาดด้วย"
"ครับ นาย"
เธอก้มหน้างุดเดินดิ่งลงไปข้างล่างโดยไม่กล้ามองหน้าสบตากับลูกน้องของเขาคนไหนอีกเลย ถึงแม้โชคชัยจะไม่ได้เห็นอะไรๆของเธอ แต่ภาพล่อแหลมแบบนั้น มันน่าอายสุดๆไปเลย
"โชค แวะห้างให้ฉันหน่อย"
"ครับ นาย"
ปราณนต์จูงมือพาสาวน้อยเดินเข้าช้อปกระเป๋าแบรนด์เนมที่ราคาแพงหูฉี่ ชนิดที่ว่าบางใบ ซื้อบ้านหลังใหญ่ที่อยู่กันได้ห้าคนสบายๆเลยก็มี
"สวัสดีค่ะ คุณปราณต์"
พนักงานขายเดินมาไหว้ต้อนรับเขาด้วยความนอบน้อมเหมือนกับเขาเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของแบรนด์นี้ก็ไม่ปาน หญิงสาวนึกค่อนขอดในใจ คงพาสาวๆคู่ควงคู่ขามาช้อปปิ้งเป็นประจำเลยสินะ พ่อบุญทุ่ม พนักงานถึงแทบจะปูพรมแดงต้อนรับกันขนาดนี้
"ครับ ช่วยแนะนำกระเป๋าที่เหมาะกับคุณผู้หญิงให้ผมหน่อย เอาแบบที่เหมาะกับนักศึกษา แล้วก็เหมาะกับการออกงานและใช้ในชีวิตประจำวัน สักอย่างละใบแล้วกันครับ"
"ได้ค่ะ เชิญค่ะ คุณผู้หญิง"
ตายแล้ว นี่พาเธอมาซื้อกระเป๋าแบรนด์หรูแบบนี้ จะบวกเพิ่มในสัญญาหนี้หรือเปล่า
"ตามเขาไปเถอะ ฉันไม่บวกเงินเธอเพิ่มหรอกน่า ซื้อให้ฟรีๆ"
"แต่ว่ามันแพงมาก ฉันรับไว้ไม่ได้หรอกนะคุณ"
"ผู้ใหญ่ให้ของ ต้องรับ"
เขาพูดจาพร้อมทำหน้าข่มขู่ เธอจึงยอมเดินตามพนักงานไปเลือกกระเป๋าที่เข้ากับบุคลิกของเธอมาสามใบตามที่เขาสั่ง แต่มันไม่หมดแค่นั้น เมื่อพนักงานหยิบคอลเล็กชั่นใหม่ล่าสุดมาให้เธอเลือกสองใบ เมื่อเธอรู้ราคาก็เกือบหัวใจวายตาย กระเป๋านี่ทำจากหนังคนหรือไง ทำไมมันแพงได้ขนาดนี้
"คุณปราณต์ ถ้าคุณจะซื้อให้ ฉันขอรับไว้แค่ใบเดียวพอนะ คุณรู้ราคาบ้างหรือเปล่า หรือเวลาพาสาวๆมาเปย์นี่จ่ายไม่อั้น อย่างนี้นี่เอง สาวๆของคุณถึงมีทั่วบ้านทั่วเมืองไปหมด"
"หึหึ หึงฉันอีกแล้วหรอ ฉันไม่เคยพาสาวไหนมาซื้อหรอกนะ อย่างมากก็แค่เซ็นเช็คให้ แล้วเธอเลือกได้หรือยัง"
"เอาใบนี้ค่ะ ใบเดียวพอ"
เขามองไปที่บนโต๊ะกระจก ที่พนักงานนำกระเป๋าออกมาให้เธอเลือก มันมีใบสวยๆ หลากหลายสไตล์วางเรียงกันอยู่อีก 3 ใบ เขาจึงหยิบกระเป๋าจากมือของเธอที่เธอเลือกแล้วส่งให้พนักงาน
"เอาหมดนี่เลยครับ 4 ใบ"
ณิชาตกใจตาเหลือก ราคากระเป๋าทั้งหมดนี่ เกือบเท่ามูลค่าหนี้สินของเธอเลย
"คุณปราณต์ มันเยอะไป ฉันรับไม่ไหวหรอก เกือบเท่าหนี้ของฉันเลยนะคะ"
"ฉันมีปัญญาซื้อให้เธอ มากกว่านี้ก็ให้ได้ ถ้าเธอต้องการ แล้วผู้ใหญ่ให้ของ ต้องรับ อย่าเสียมารยาท"
เธอตวัดค้อนใส่เขาวงใหญ่ รวยนักใช่ไหม ป๋านักใช่ไหม ต่อไปถ้าให้อะไรมา จะรับให้หมด เอาให้หนึ่งปีที่อยู่ด้วยกันนี่เขากระเป๋าแหกแล้วถีบหัวส่งเธอไม่ทันเลย คอยดู
"ค่ะ ขอบคุณค่ะ ลุง"
เธอยกมือไหว้เขาอย่างนอบน้อม แต่คราวนี้ใบหน้ากลับไม่ได้มีรอยยิ้มหวานให้เขาอีก นี่เขาทำอะไรผิดไป รอยยิ้มที่เขาอยากจะได้ ทำไมเธอถึงไม่มีให้ หรือแค่ 4 ใบ มันน้อยไปสำหรับเธอ
เขาพาเธอเดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ และทุกร้าน โชคชัยกับกิตติ ก็ต้องหอบหิ้วข้าวของออกมาจากร้านจนเต็มมือ แต่จนแล้วจนรอด เขาก็ยังไม่ได้รอยยิ้มหวานๆจากเธอเสียที ทำไมผู้หญิงมันเข้าใจยากแบบนี้เนี่ย
"เย็นแล้ว กินอะไรดี ฉันให้เธอเลือก ยังไงวันนี้ก็ตามใจเธอทั้งวันอยู่แล้ว"
เธอมองข้าวของที่โชคชัยกับกิตติหอบหิ้วมา ตามใจเธอหรือตามใจใคร เธอบอกไม่เอาๆ แต่เขาก็ยังซื้อ แต่ในเมื่อมื้อเย็นเขาให้เธอเลือกแล้วนี่นะ ก็จะพาเขาไปกินในแบบที่เธอชอบก็แล้วกัน ฮาร์ดคอหน่อยนะลุง ไม่รู้ว่ามาเฟียหรือเจ้าพ่อที่รวยๆ เขาจะเคยกินกันหรือเปล่า
"ให้ฉันเลือกหรอคะ"
"ใช่"
"งั้นไปร้านที่ฉันชอบนะคะ"
"อืม ไปสิ โรงแรมอะไรละ แถวนี้โรงแรมห้าดาวเยอะเลย"
"เดี๋ยวฉันบอกทางคุณโชคเองค่ะ"
รถยุโรปสีดำคันหรู จอดอยู่ในลานจอดรถของร้านซีฟู้ดปิ้งย่างชื่อดังแห่งหนึ่ง ดวงตาคมกริบมองเข้าไปในร้านที่มีประชาชนมาใช้บริการกันแออัดเนืองแน่นก็ต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ไม่ใช่ว่าน่าอร่อยหรอกนะ แต่หนักใจต่างหาก คนแน่นขนาดนี้ คงทั้งร้อนทั้งแออัด ของจะสะอาดถูกสุขลักษณะหรือเปล่าก็ไม่รู้ เขาไม่น่าตามใจแม่ตัวแสบเลยจริงๆ รู้อย่างนี้พาไปกินอาหารบนโรงแรมซะก็ดีหรอก
"ที่นี่หรอครับ คุณณิชา"
กิตติเอ่ยถาม เมื่อเห็นลักษณะร้านแล้ว เจ้านายของเขาไม่น่าจะทนไหว
"ค่ะ อร่อยมากเลยนะคะ ดูสิ คนเยอะตลอดเลย"
"เอ่อ คือว่านายไม่น่าจะไหวนะครับ คุณณิชา เราเปลี่ยนร้านดีไหมครับ"
เธอละสายตาจากในร้านนั้นมามองที่เขา แล้วหันกลับเข้าไปมองในร้านตาละห้อยอีกครั้ง ตอนแรกเขาก็คิดว่าเธอแกล้งเขา แต่เห็นสายตาและท่าทางนั้นของเธอ แม่ตัวดีคงปลื้มร้านนี้จริงๆ เอาวะ ไหนๆวันนี้ก็เป็นวันของเธอแล้ว ก็ตามใจเธออีกสักอย่างจะเป็นไร อาหารแค่นี้คงไม่ทำให้เขาท้องเสียจนต้องเข้าโรงพยาบาลหรอกมั้ง
"ฉันไหว ไปกันเถอะ เด็กแถวนี้คงหิวแย่แล้ว"
พูดจบก็ถอดเสื้อสูททิ้งไว้ในรถ แล้วพับแขนเสื้อเชิ้ตของตัวเองขึ้นจนถึงข้อศอก เตรียมพร้อมรับศึกกับความร้อนระดับเตาเผา
ณิชาแกะกุ้งใส่ในจานให้เขาอย่างเอาใจ พร้อมส่งยิ้มหวานให้เขาครั้งแรกตั้งแต่บ่ายมานี้ เขาอมยิ้มมุมปากน้อยๆ ก่อนหยิบกุ้งตัวนั้นจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดที่เธอโฆษณาว่ารสเด็ดเข้าปากไป
อืม มันก็เด็ดจริงๆอย่างที่เธอบอกนั่นแหละ แต่มันโคตรเผ็ดเลย คนที่กินเผ็ดไม่ค่อยเก่งอย่างเขา ควานหาน้ำให้ควั่ก เดือดร้อนลูกน้องวิ่งเติมน้ำให้เขาเสียหลายแก้ว เหงื่อออกจนเสื้อชุ่มไปทั้งตัว เพราะทั้งความร้อนและความเผ็ด
"เผ็ดมากหรอคะ"
เธอหันมาถามเขาด้วยความเป็นห่วง ดวงตากลมโตละห้อยลงอย่างรู้สึกผิดจนน่าสงสาร
"เผ็ด แต่อร่อยมาก เดี๋ยวกินบ่อยๆ ฉันก็ชิน"
กินบ่อยๆ สองหนุ่มหันมองหน้าสบตากันอย่างรู้ความนัย นี่เจ้านายของพวกเขายังจะพาเธอมากินร้านนี้อีกหรอนี่ ทุ่มสุดตัวจริงๆนะ
"งั้นกินปูนี่นะคะ ฉันแกะกรรเชียงให้"
เธอส่งกรรเชียงปูที่มีเนื้ออวบแน่นให้เขา เขาไม่ยอมรับแต่อ้าปากให้เธอบริการป้อนให้ถึงที่ ณิชาอมยิ้มเล็กน้อย แตะน้ำจิ้มให้เขานิดหน่อยเพราะกลัวว่าเขาจะเผ็ด แล้วจึงส่งกรรเชียงปูชิ้นอวบนั่นเข้าปากของเขาไป
"อืม อร่อย"
เมื่อเขาชมว่ากรรเชียงที่เธอตั้งใจย่างและตั้งใจแกะให้เขาว่าอร่อย ก็ได้รับรอยยิ้มหวานๆจากเธออีกหน โถ เด็กน้อยของเขา ซื้อของให้หมดหลายล้าน ได้รับแต่ค้อนกับหน้างอๆ แต่พอพามากินบุฟเฟ่ต์ 399 ยิ้มหวานให้เขาเสียหลายรอบ
เขานั่งมองสาวน้อยกินซีฟู้ดปิ้งย่างอย่างเอร็ดอร่อย เธอทำทุกอย่างตามธรรมชาติ ไม่มีมาดหรือปรุงแต่งจริตมารยาใดๆ ที่เธอเป็นแบบนี้ ยิ่งทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นทุกที ไม่ว่าเธอจะหยิบ จะจับ จะกัด จะเคี้ยวอะไร ก็ดูน่ารักไปหมด
ไม่นาน ทั้งหมดก็กินอิ่มจนแทบจุก และเมื่อขึ้นมาบนรถได้ เธอก็พนมมือไหว้เขาอย่างนอบน้อม พร้อมส่งยิ้มหวานให้เขาอีกครั้ง
"ขอบคุณมากค่ะ คุณปราณต์"
และชายหนุ่มก็ทำเหมือนเดิมคือ ใช้มือใหญ่ลูบแก้นุ่มของเธอเบาๆ แล้วยกมือข้างนั้นขึ้นลูบหัวเธออย่างเอ็นดู
ในขณะที่ปราณนต์กำลังอาบน้ำอยู่นั้น เธอก็พยายามต่อสายโทรหาเบอร์ที่พี่ชายของเธอใช้โทรมาหาเมื่อตอนเช้า เพื่อที่จะถามสารทุกข์สุกดิบและเช็คว่าพี่ของเธอปลอดภัยจากการตามล่าตัวแล้วหรือยัง แต่ไม่ว่าจะกดโทรออกกี่ครั้ง ก็โทรไม่ติดเลย สงสัยพี่ชายของเธอคงปิดเครื่อง อย่างนี้เธอก็ทำได้เพียงรอให้เขาติดต่อกลับมาเองเท่านั้นสินะ
ณิชาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ถึงแม้จะรู้ว่าเขาปลอดภัย แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี ถ้าเขาโทรกลับมาหาเธอคราวนี้ คงต้องบอกให้เขากลับมาบ้านได้แล้ว และเธอคงต้องโกหกเขาไปว่าจะขอออกมาอยู่กับเพื่อนที่หอพัก เพื่อสะดวกต่อการเดินทางไปฝึกงานในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้านี้
"โทรหาใคร พี่ชายเธอเหรอ"
เธอสะดุ้งสุดตัวเมื่อเขาออกมาจากห้องน้ำเงียบๆ ในขณะที่เธอกำลังเหม่อลอยคิดถึงเรื่องของพี่ชายอยู่
"เอ่อ ค่ะ"
"ทำไม โทรไม่ติดหรือไง ทำไมทำหน้าแบบนั้น"
"ค่ะ พี่ภัทรคงปิดเครื่อง"
"ต้องให้ฉันส่งคนไปบอกมันไหม ว่าให้กลับบ้านได้ เพราะน้องสาวต้องเอาตัวเข้าแลกเพื่อรักษาชีวิตของมันไว้"
"คุณ อย่าทำแบบนั้นนะ ฉันไม่อยากให้พี่ภัทรรู้"
"มันควรได้รู้ ว่ามันสร้างความเดือดร้อนให้เธอขนาดไหน นี่มันเกือบทำลายชีวิตเธอเลยนะ"
เขาอดที่จะโกรธแทนเธอไม่ได้จริงๆ ถึงแม้ว่าเขาจะได้ตัวเธอมาเป็นผลตอบแทน และเขาคิดว่ามันคุ้มแสนคุ้มแล้วก็ตาม แต่ก็อดสงสารความรู้สึกและเป็นห่วงจิตใจเธอไม่ได้ นี่ถ้าหากเขาไม่วางแผนจนเอาเธอมาเซ็นสัญญาเป็นของเขาได้ ป่านนี้เธอไม่ไปวิ่งโร่ขายตัวให้กับผู้ชายคนอื่นเพื่อหาเงินมาช่วยชีวิตมันแล้วหรอ
"ฉันเลือกเองที่จะทำแบบนี้ ฉันทนเห็นพี่ตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้จริงๆ ก็แค่นอนกับผู้ชายแค่ปีเดียวเอง แลกกับชีวิตของพี่ มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้มอีก"
"หึ โชคดีแค่ไหน ที่ผู้ชายคนนั้นคือฉัน"
"หรอคะ เพราะคุณไม่ใช่หรอ ที่จับฉันมา แล้วบีบให้ฉันต้องขายตัวอ่ะ"
"อ้าว ถ้าพี่เธอไม่ติดหนี้ฉัน ฉันจะไปยุ่งกับเธอไหมล่ะ"
"ค่ะ ยังไงก็คงต้องขอบคุณคุณสินะ ที่ยอมให้ฉันเอาตัวเข้าแลกกับหนี้สิบล้านและชีวิตของพี่ชายฉันได้"
“เราอย่ามาเถียงกันอยู่เลย เสียเวลานอน ไป ขึ้นเตียง”