งานเลี้ยงทำท่าจะเลิกรา ทุกคนต่างใช้สายตาส่งไปยังผู้ที่ตนจับจ้อง หวังเพียงได้สบตาสานสำพันธ์กันเล็กน้อย เฟิงอวี้หยวนนั้น ไม่ได้สนใจชายตาไปที่จวิ้นอ๋องอีกเลย
องค์ชายรองลุกขึ้นและเดินผ่านนางไป นางไม่อยู่ในสายตาของเขาด้วยซ้ำ ไม่แม้แต่จะหันมองมาทางนางสักนิด เมื่อเป็นเช่นนั้น นางจึงจำใจลุกขึ้นด้วยความเสียดาย แม้นางจะสังเกตว่า จวิ้นอ๋องมองนางอยู่หลายครั้ง แต่ใครจะไปสนใจว่าที่สามีเพียงคืนเดียวกันล่ะ
นางไม่มีทางจะสานต่อสิ่งใดกับเขาเป็นอันขาด เพราะเขาคือพระเอกนิยายที่มีนางในดวงใจแล้ว และเขาเป็นผู้ประทานยาพิษให้นางกับมือผ่านเหล้ามงคล เขาไม่แม้แต่จะร่วมหอกับนางเลยด้วยซ้ำ!
รถม้าของจวนเสนาบดี ค่อยๆเคลื่อนออกจากวังหลวง เพื่อกลับจวน เฟิงอวี้หยวนนั่งอยู่ในรถม้า คิดทบทวนเรื่องราวโดยละเอียดอีกครั้ง มันช่างน่าเหลือเชื่อ แต่มันได้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ
นางทะลุมิติมาอยู่ในร่างคุณหนูใหญ่เฟิงอวี้หยวนจริงๆ แต่ทำไมถึงรู้สึกว่า นี่ก็คือตนเอง ความทรงจำและความรู้สึกทั้งหมดที่ได้เผชิญมาตลอดชีวิต คือของจริง เหมือนว่าวันนี้ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงในวัง นั่งเหม่อไปนิดเดียวก็ได้เกิดเป็นหยวนอวี้เฟิง
ตอนนี้นางกลายเป็นคนมีความทรงจำของทั้งสองชาติซ้อนกันอยู่ ในตอนนี้ นางคือคุณหนูใหญ่สกุลเฟิง ซึ่งก็นับว่า เป็นผู้มีบุญผู้หนึ่ง ชีวิตที่สุขสบายตั้งแต่เกิด เปี่ยมด้วยอำนาจบารมี มีบ่าวไพร่คอยดูแล ครอบครัวอบอุ่น มีบิดามารดารักใคร่ มีพี่ชายใหญ่คอยปกป้องและมีน้องน้อยคอยออดอ้อน ชีวิตนางดีขนาดนี้ ทำไมถึงเลือกเดินทางลำบากนะ
ในนิยาย เพราะยึดมั่นในรัก นางยอมทุ่มเทเสียสละแม้ต้องทนทุกข์จากแรงกดตัน สกุลเฟิงแตกออกเป็นสองฝ่าย ทำให้อ่อนแอลง และง่ายต่อการกำจัดในที่สุด นางไม่ได้คิดถึงครอบครัวของตนเลย เพื่อความรัก นางถึงกับยอมทิ้งทุกคนไว้เบื้องหลัง
บิดามีตำแหน่งเป็นถึงมหาเสนาบดีอันดับหนึ่ง มารดาของนางคือฮูหยินใหญ่ แม้ในจวนจะมีฮูหยินรองเป็นภรรยาอีกคน แต่นอกจากนั้นก็ไม่มีอนุใดอีก มารดาให้กำเนิดบุตรถึงสามคนคือคุณชายใหญ่เฟิงหนิงเฉิง ตัวนางและคุณหนูสามเฟิงอวี้หยุน ส่วนฮูหยินรองนั้น มีบุตรสาวเพียงคนเดียวคือ เฟิงเยว่ซิน ทุกคนอยู่กันอย่างปรองดอง เพียงแต่กับน้องรองผู้นี้ไม่นับว่าดีนัก
ตระกูลเฟิงเป็นตระกูลฝ่ายฮองเฮาและไทเฮา บิดานางขึ้นเป็นผู้นำตระกูลแทนบิดา ต่างคนต่างใช้อำนาจเกื้อหนุนกัน จนเฟิงฮองเฮามีตำแหน่งมั่นคง มีอำนาจล้นวังหลัง แม้ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน จะไม่โปรดฮองเฮาเลยก็ตาม
เพื่อสืบทอดอำนาจที่มีอยู่ นางจึงถูกวางตัวให้รับตำแหน่งชายาเอกขององค์ชายรองหยางเหวินหลง ผู้ซึ่งเป็นโอรสองค์เดียวที่เกิดจากฮองเฮา และเขามีสิทธิ์ในบัลลังต่อจากฮ่องเต้มากที่สุด แต่ฮ่องเต้รักเพียงบุตรที่เกิดจากพระสนมกุ้ยเฟยเท่านั้น
ฝ่าบาทแสดงเจตนาชัดเจนที่จะสนับจวิ้นอ๋องหยางหย่งหมิง ขึ้นเป็นรัชทายาท แต่ทุกอย่างไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่ออำนาจในบัลลังทั้งหมดไม่ได้เป็นของพระองค์เพียงผู้เดียว เฟิงฮองเฮาได้รับการสนับสนุนจากฮองไทเฮา ให้มีอำนาจในการบริหารบ้านเมืองร่วมกับฮ่องเต้ อีกทั้งอำนาจขุนนางฝ่ายฮองเฮามีมากกว่าฝ่ายของฮ่องเต้
เพื่อต่อต้านการยึดครองอำนาจของตระกูลเฟิงที่มีมาหลายยุคสมัย ฮ่องเต้จึงต้องการกำจัดตระกูลเฟิงมากที่สุด และสิ่งที่เขาจะไม่มีทางให้เกิดขึ้น คือให้ราชวงศ์เกี่ยวดองกับตระกูลเฟิงอีก!
เมื่อคิดมาถึงตอนนี้แล้ว ต้องยกมือขึ้นนวดขมับ เฮ้อ เอาเถอะ ในเมื่อได้มาเกิดใหม่แล้ว นางก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด หวังเพียงว่า นางในชีวิตนี้จะเลือกไม่ผิดเช่นเฟิงอวี้หยวนคนก่อน จนทำให้ตระกูลล่มสลาย
แม้องค์ชายรองหยางเหวินหลงว่าที่สามีนั้น เขาไม่สนใจนาง ทุกครั้งที่พบหน้า แววตาเขาเย็นชาอย่างที่สุด หากนางแต่งให้เขา ชะตากรรมนางไม่รู้จะเป็นอย่างไร แต่แน่ใจได้อย่างหนึ่ง ว่านางคงได้เข้าหอกับเขาแน่ เพราะสิ่งที่ฮองเฮาต้องการก็คือ การให้สกุลเฟิงสืบเชื้อสายราชวงศ์
“เอาล่ะ ได้เกิดใหม่ทั้งที ข้าต้องมีชีวิตที่ดีให้ได้!”
เฟิงอวี้หยวนปล่อยให้ตนเองคิดไปเรื่อยเปื่อยไม่นานก็ถึงจวนมหาเสนาบดี ที่นี่คือบ้านของนาง เมื่อรถม้าหยุดสนิท พ่อบ้านใหญ่พร้อมบ่าวรับใช้อีกสามสี่คน ก็ออกมารอต้อนรับคุณหนูใหญ่ของจวน
“คุณหนู ถึงจวนแล้วเจ้าค่ะ” เป็นเสียงสาวใช้ข้างกายที่ติดตามนางเข้าวังเอ่ยบอก นางจึงยื่นมือให้สาวใช้ประคองลงจากรถม้าหน้าตามหน้าที่ ภาพสาวงามผู้สูงส่ง ยังคงสะกดสายตาผู้คนบริเวณนั้นได้เสมอ คุณหนูใหญ่เข้าจวนไปแล้ว เสียงจ้อกแจ้กชื่นชมความงดงามยังไม่จบลง พวกเขาพูดคุยกันต่ออีกสักครู่ ก่อนค่อยๆแยกย้ายไปทำธุระต่างๆของตน
ภายในจวนมีเรือนขนาดใหญ่สี่หลังสำหรับเจ้านาย นอกนั้นเป็นเรือนคนใช้และบ่าว ทุกเรือนตั้งอยู่เป็นสัดส่วนอย่างเป็นระเบียบ นางเดินมาตามทางในความทรงจำจนถึงเรือนของตน เรือนนี้เป็นเรือนขนาดใหญ่งดงาม ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ถัดจากเรือนของนางก็เป็นเรือนของคุณหนูรองและคุณหนูสาม
ที่เรือนประดับประดาด้วยของล้ำค่า ตกแต่งงดงามเหมาะสมตามลำดับชั้น เมื่อเข้ามาในเรือน สาวใช้ก็เร่งเข้ามาปรนนิบัติตามหน้าที่ สาวใช้ทุกนางล้วนผ่านการอบรมมาอย่างดี นางมีสาวใช้ข้างกายสองคน และมีบ่าวในเรือนอีกสี่คน นับว่ามากเท่าเรือนของฮูหยินใหญ่เลยทีเดียว นางมองไปรอบๆเรือนอย่างคุ้นเคย ไม่ใช่แค่ความทรงจำ แม้กระทั่งความรู้สึก นางก็รู้สึกว่าได้กลับบ้าน การอาศัยอยู่ที่นี่ก็ไม่เลวเลยสำหรับนาง
ตำหนักนางหงส์
องค์ชายรองในชุดสีฟ้าอ่อนปักลายปักษาฝีเข็มประณีต ถึงแม้วันนี้จะแต่งกายเรียบๆ แต่ก็มีความสง่างามเต็มเปี่ยม ใบหน้าดุจเทพเจ้าปั้นนั้นส่งให้เขายิ่งดูสูงส่งดุจเทพเซียน เขาเข้าพบมารดาตามรับสั่งของนางยังตำหนักจูเยว่ ที่ประทับส่วนพระองค์
“มาแล้วหรือเหวินเออร์ มานั่งกับแม่มา ดูสิ โอรสของข้าช่างรูปงามยิ่งนัก”
ฮองเฮาเอ่ยชมโอรสของนางด้วยสีหน้ายิ้มแย้มภาคภูมิใจ ยามพบหน้าบุตรชายสุดรักของนาง เพื่อบุตรชายผู้นี้แล้ว สิ่งใดใดที่เป็นเลิศ นางล้วนสรรหามาให้กับโอรสมิได้ขาด
“ถวายพระพรเสด็จแม่ ทรงกล่าวชมลูกอีกแล้ว สตรีที่งามเหนือไซซีเช่นท่าน จะมีบุตรขี้ริ้วได้อย่างไร”
เขาเอ่ยขึ้นก่อนเดินไปประทับนั่งข้างพระมารดาอย่างคุ้นชิน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า... ยังเป็นเจ้าที่ปากหวานเหมือนเดิม วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง เหนื่อยหรือไม่”
“ไม่เหนื่อยเลยพะยะค่ะ ว่าแต่ที่เสด็จแม่ต้องการพบลูกวันนี้ มีเรื่องใดหรือ”
“อีกสามวันจะเดินทางไปเมืองหมานแล้ว ที่นั่นทั้งลำบากและแห้งแล้ง แม่เป็นห่วงเจ้า ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่”
รอยยิ้มอ่อนโยนกับความเมตตาเอาใจใส่ของมารดา ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจยิ่งนัก หากเทียบกับเสด็จพ่อแล้ว เสด็จแม่คงเป็นดั่งขุนเขา ส่วนเสด็จพ่อนั้น ก็คงเป็นไม้ต้นหนึ่งที่เอนเอียงจนน่าห่วงว่าจะล้มลงเมื่อใดก็สุดรู้
“ทุกอย่างถูกจัดการเรียบร้อยพร้อมออกเดินทางแล้วพะยะค่ะ ท่านมหาเสนาบดีจัดเตรียมทุกอย่างเป็นอย่างดี ย่อมไม่มีสิ่งใดผิดพลาดแน่”
“ดีจริง ครั้งนี้คุณหนูเฟิงจะร่วมขบวนไปกับเจ้าด้วย จงถือโอกาสนี้ทำความคุ้นเคยกับนาง ความสัมพันธ์ของตระกูลเราควรแน่นแฟ้น แม่ไม่อยากให้มีสิ่งใดผิดพลาด ลูกแม่ทั้งสง่าและรูปงามปานนี้ อย่างไรเสียนางต้องพอใจเจ้าแน่ เจ้าห้ามเกเรรู้หรือไม่”
เฟิงฮองเฮารีบกล่าวสำทับเรื่องที่นางกังวล บุตรชายผู้นี้อะไรก็ดี เสียอย่างเดียวคือไม่ฟังใคร ดื้อรันเป็นที่หนึ่ง
หยางเหวินหลงนั้นเข้าใจในสิ่งที่มารดากำลังจะบอก เขาให้คนไปสืบดูก็พอรู้ ว่าคุณหนูเฟิงอวี้หยวนนางมีใจเอนเอียงไปทางองค์ชายใหญ่ไม่น้อย แต่แล้วอย่างไร หากจำเป็น เขาก็แค่ไถหว่านเมล็ดพันธุ์ เมื่อมีทายาทก็กำจัดนางทิ้ง
หรือหากนางดื้อรั้นจนเกินไป ก็ยังมีคุณหนูตระกูลเฟิงอีกตั้งสองคน แต่งเข้าวังองค์ชายรองทั้งหมดก็ไม่เห็นเป็นไร เพื่อมารดา เขาพร้อมทำให้อยู่แล้ว เมื่อนึกถึงการแต่งงานเขาก็ทำหน้าเหมือนกินยาขม เขาไม่ชอบสตรี พวกนางล้วนวุ่นวาย
“พะยะค่ะ ลูกจะทำให้ดี” เขาเพียงกล่าวคำตอบรับสั้นๆ เพื่อมารดาแล้ว จะให้เขาแต่งกับลาหรือม้า เขาจะพูดอันใดได้ หวังว่าคุณหนูเฟิงผู้นั้นคงไม่น่าเบื่อจนเกินไป เขาอยู่สนทนาเรื่องอื่นๆอีกเพียงเล็กน้อย จึงขอตัวกลับวังของตน
อีกด้านหนึ่งของวัง ที่ตำหนักฉางเฉินของกุ้ยเฟย นางกำลังพูดคุยกับโอรสของนางอยู่เช่นกัน ใกล้เวลาเดินทางแล้ว นางไม่ค่อยไว้ใจในสถานการณ์ แม้จะเตรียมการมาอย่างดี แต่ต้องรอบคอบไว้ก่อน
“หย่งหมิง เดินทางครั้งนี้สำคัญยิ่งนักเจ้าต้องรัดกุม ผิดพลาดไม่ได้เป็นอันขาด ”
“เสด็จแม่โปรดวางพระทัย ครั้งนี้ทุกอย่างต้องเรียบร้อย”
“แม่รู้ ทุกอย่างจะเรียบร้อย แต่หากมีสิ่งใดผิดพลาด เจ้าต้องปลอดภัย เข้าใจหรือไม่”
“พะยะค่ะ เสด็จแม่อย่าได้กังวลเลย เรื่องนี้เราเตรียมการมาอย่างดี ไม่มีอันใดผิดพลาดแน่”
“แล้วเรื่องคุณหนูเฟิงผู้นั้นล่ะ ตอนนี้ฮองเฮากับตระกูลเฟิงยังไม่แตกคอกัน เจ้าอย่าพึ่งรีบลงมือ”
“ข้าทราบแล้ว ข้าไม่รีบร้อนแน่ อย่างไรนางก็ต้องอยู่ในกำมือเรา”
“แม่เชื่อ โอรสของแม่หล่อเหลาออกปานนี้ สตรีทั่วทั้งแคว้นย่อมหลงใหลในตัวเจ้า ไว้เจ้ากลับมาครั้งนี้ ข้าจะแต่งชายารองจากสกุลหยูให้เจ้า พวกเขาพร้อมสนับสนุนเราได้” ในสายตานางแล้วบุตรชายของนางดีที่สุด
“ลูกยังมีภารกิจอีกมาก ไว้เรื่องนี้ค่อยหารือกันอีกทีก็ไม่เป็นไรพะยะค่ะ วันนี้ลูกขอทูลลา” เขาค้อมคำนับมารดาก่อนกลับจวนอ๋อง
“เจ้าไปเถอะ” นางโบกมือให้โอรสกลับไปเตรียมการ ก่อนนางจะเข้าไปพักผ่อนยามบ่ายในห้องบรรทม
*****************
จวนเสนาบดีเฟิงยามนี้ เหล่าสาวใช้กำลังตรวจสอบรายการต่างๆที่จำเป็นจะต้องขนไปด้วยในการเดินทางครั้งนี้ การเดินทางมีกำหนดหลายวันอาจจะนานนับเดือน ทุกอย่างจะต้องเตรียมพร้อมมากที่สุด หากสะเพร่าจนมีสิ่งใดผิดพลาดพวกนางต้องถูกโบยจนหลังขาดแน่
“พ่อบ้านจาง ท่านแม่ล่ะ” เฟิงอวี้หยวนเอ่ยถามหามารดา นางพึ่งเสร็จจากการเรียนคัดอักษร
“ฮูหยินอยู่กับคุณหนูสาม ที่ศาลาริมสระบัวขอรับคุณหนูใหญ่”
“อ้อ.. ข้ารู้แล้วขอบใจมาก ท่านมีอะไรจะทำก็ไปเถอะ”
“ขอรับ”
กล่าวจบพ่อบ้านก็โค้งคำนับให้คุณหนูของเขา ก่อนถอยออกไปทำอย่างอื่น เฟิงอวี้หยวนเดินไปทางสระบัวขนาดกลางที่อยู่ด้านทิศใต้ของจวน จวนแห่งนี้มีสวนสวยๆหลายแห่ง แต่ที่งดงามที่สุดคงมีแต่ที่นี่ สถานที่แห่งนี้บิดานางสั่งให้ขุดขึ้นเพื่อมารดาของนางโดยเฉพาะ ผู้ที่จะเข้ามาได้มีเพียงฮูหยินใหญ่และผู้ที่ได้รับอนุญาตจากนางเท่านั้น
เฟิงอวี้หยวนพึ่งเสร็จจากการเรียนศาสตร์ทั้งสี่ของสตรีจากอาจารย์ที่ชำนาญ พวกเขาถูกว่าจ้างให้มาสอนความรู้ให้คุณหนูคนสำคัญจนเชี่ยวชาญ ยามนี้นางในวัยสิบแปดปี งดงามเพียบพร้อม มีคุณสมบัติตามกำหนด และเป็นเวลาเหมาะสมที่จะออกเรือน
นึกแล้วก็เสียดายหากต้องจบชีวิตลงก่อนวัยอันควรเช่นในนิยาย นางคิดเพลินๆก่อนเดินไปยังสระบัวสัตตบงกชพร้อมกับสาวรับใช้ข้างกาย
เมื่อถึงศาลาริมบึง ดอกบัวสีชมพูบานสะพรั่งเต็มไปหมด หญิงสาวตื่นตาตื่นใจกับภาพที่ได้เห็นด้วยตาตนเองอีกครั้ง งามกว่าในความทรงจำมาก วิวราคาล้านจริงๆ หากมีกล้องคงยกขึ้นมาถ่ายรูปไปอวดเพื่อนๆให้อิจฉาแน่ๆ นางสูดกลิ่นหอมเข้าเต็มปอด ก็ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยทักขึ้นพอดี
“พี่ใหญ่! ท่านมาแล้ว ข้ากำลังอยากคุยกับท่าน” เป็นคุณหนูสามเฟิงอวี้หรง ที่เอ่ยทักทายนางเสียงดังอย่างยินดี จนถูกมารดาดุด้วยสายตากับกิริยาไม่เรียบร้อยนั้น
“หยวนเอ๋อร์ เจ้ามาแล้ว การเรียนดนตรีของเจ้าเสร็จแล้วหรือ”
“เจ้าค่ะท่านแม่ ใกล้ออกเดินทางแล้ว ช่วงนี้อาจารย์ทั้งหลายงดการเรียนเพื่อให้ข้าพักผ่อนเตรียมตัวออกเดินทางเจ้าค่ะ”
“ลำบากเจ้าแล้ว มารดารู้ว่าเจ้าไม่ชอบความวุ่นวาย แต่การเดินทางครั้งนี้ต้องทำให้ดี”
แม้ใจจะรู้ว่าบุตรสาวไม่เคยเต็มใจกับหน้าที่ตรงนี้ แต่นางต้องเสียสละ เหมือนที่บุตรสาวตระกูลเฟิงหลายรุ่นเคยทำมา นางคงช่วยได้แค่ปลอบโยน และปกป้องนางให้ได้มากที่สุดเพียงเท่านั้น
“ท่านแม่อย่าได้กังวล ข้าอยากไปด้วยตนเองเจ้าค่ะ ครั้งนี้ ข้าจะทำให้ดี”
********