ตอนที่ 3 พายุทอร์นาโด

1678 Words
ตอนที่ 3 พายุทอร์นาโด ครืนนน…. เสียงคำรามลั่นที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้ทั้งแทนไทและพิมพ์ณาราแหงนหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าดำทะมึนราวกับนัดกันเอาไว้ สัญญาณเตือนแรกได้บอกเป็นนัยๆ แล้วว่า อีกสักพักความชุ่มฉ่ำจากฟากฟ้ากำลังจะมาเยือนอย่างแน่นอน “ฝนกำลังจะตก เรากลับกันเถอะค่ะ” สายลมที่กรรโชกแรงอย่างต่อเนื่อง และบรรยากาศรอบกายที่มืดครึ้มลงอย่างรวดเร็ว ทำให้พิมพ์ณาราเริ่มใจคอไม่ดี เธอเกรงว่าฝนจะตกลงมาเสียก่อนที่จะออกไปจากสวนได้ทัน หากต้องติดฝนอยู่ในนี้กับผู้ชายที่ไม่สนิทสนมกันสองต่อสอง คงจะไม่เป็นการดีสักเท่าไหร่นัก หญิงสาวคิดอย่างว้าวุ่นใจ “บ้าจริง ฝนฟ้าช่างไม่เป็นใจเอาเสียเลย” แทนไทลอบถอนหายใจยาว เมื่อต้องกลับไปทั้งที่ยังไม่ได้อะไรคืบหน้าไปมากกว่าเดิม ทั้งหลักฐานเกี่ยวกับคดี และ…เขาต้องการมากกว่านั้น เขาต้องการข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับหญิงสาวตรงหน้า ซึ่งชายหนุ่มก็ตอบตัวเองไม่ได้เช่นกัน ว่าทำไมจึงอยากทำความรู้จักกับเธอให้มากกว่านี้ เขาไม่คิดไปถึงความถูกผิดด้วยซ้ำ รู้เพียงแต่ว่าเมื่ออยากได้อะไรแล้วก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา แม้เส้นทางเดินจะต้องทำร้ายใครต่อใครก็ตาม และเขาไม่เคยรู้จักกับความพ่ายแพ้ ชื่อแทนไทคือที่หนึ่งเสมอในกลุ่มเพื่อน “สารวัตร!” ดวงตากลมโตเบิกตากว้าง เมื่อจู่ๆ อีกฝ่ายก็หยิบบางอย่างออกมา เธอเห็นว่ามันคือปืน แล้วปลายกระบอกปืนก็หันมาทางเธอ พร้อมๆ กับปลายนิ้วแกร่งที่ลากเข้าโกร่งไก การกระทำของอีกฝ่ายได้สร้างความตื่นตระหนกให้เธอไม่ใช่น้อย ไม่เข้าใจว่าเขาคิดจะทำอะไรกันแน่ “คุณพิมพ์ครับ อยู่เฉยๆ อย่าขยับ” ปัง! “ว๊าย!” เพียงเสียงปืนดังขึ้น หญิงสาวย่อตัวนั่งลงกับพื้นด้วยความตกใจ พลางยกสองมือขึ้นอุดหูเอาไว้ เนื่องจากเสียงของมันดังก้องจนลั่นเข้าไปในแก้วหู รับรู้ได้ถึงใจที่เต้นแรงราวกับจะกระเด็นกระดอนออกมาข้างนอก เพราะรู้สึกว่าคมกระสุนนั้นได้เฉียดผ่านร่างของเธอไปแค่นิดเดียว “คุณพิมพ์! คุณไม่เป็นอะไรนะครับ” “อะ อะไรคะ เกิดอะไรขึ้น!” หญิงสาวละล่ำละลักออกมา เมื่ออีกฝ่ายปราดเข้ามาประคองเธอให้ลุกขึ้นยืน แล้วช่วยปัดเศษใบไม้ใบหญ้าที่ติดอยู่ตามกางเกง ดวงตากลมโตกลอกไปมาด้วยความงุนงงระคนตกใจ ว่าเมื่อสักครู่นั้นเกิดอะไรขึ้น “ผมฆ่ามัน เพื่อช่วยคุณ” พิมพ์ณาราหันไปมองด้านหลังของตน ตามสายตาที่แทนไทจับจ้องอยู่ก่อนแล้ว เพียงเห็นซากที่นอนแน่นิ่งจมกองเลือดอยู่บนพื้นหญ้า หญิงสาวถึงกับยกมือทาบอก พลางอุทานออกมาด้วยความคาดไม่ถึง “คุณพระช่วย!” “มันกำลังจะฉกคุณ ถ้าหากคุณโดนพิษของมันเข้าก็อาจทำให้ถึงชีวิตได้ ผมจำเป็นต้องฆ่ามันเพื่อช่วยคุณ” แทนไทอธิบายเหตุผล ที่เขาจำเป็นต้องฆ่าจงอางตัวนี้ เพราะเห็นสีหน้าเจื่อนและแววตาของอีกฝ่ายที่เริ่มจะสั่นระริกขึ้นมา “ที่จริงคุณไม่จำเป็นต้องยิงเค้า เรามาบุกรุกบ้านเค้าก่อนนะคะ” “ถ้าให้เลือกระหว่างคุณกับงู แน่นอนผมคงไม่เลือกงู ซึ่งมันเป็นแค่สัตว์เดียรัจฉานหรอกนะครับ คุณพิมพ์อย่าคิดอะไรมากเลยดีกว่า มันจะทำร้ายเรา เราก็ต้องทำเพื่อปกป้องตัวเอง” “ยังไงก็…ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวอดที่จะมองไปยังซากงูด้วยความสงสารไม่ได้ เพราะมันคงไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร ที่มันจะฉกเธอก็คงเป็นเพราะสัญชาตญาณป้องกันตัว พานให้นึกไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น ที่เคยตามปฐพีมาที่นี่แล้วปะหน้ากับงูเจ้าถิ่น แต่เขาเลือกที่จะไม่ใช้วิธีรุนแรง พยายามหาทางออกอย่างมีสติ ถ้าคนเรารู้วิธีหลีกเลี่ยงไม่ทับเส้นทางกัน ต่างคนต่างไป แน่นอนว่าความสูญเสียย่อมไม่เกิดขึ้นทั้งสองฝ่าย ต่างกับสารวัตรแทนไท ที่เลือกจะใช้วิธีรุนแรงและเฉียบขาด แม้จะเกิดความสูญเสียก็ตามที นี่ถ้าเขาไม่แม่นปืน เธออาจถูกงูฉกเพราะความที่มันตกใจไปแล้วก็ได้ หญิงสาวคิดแล้วก็อดที่จะเสียววาบไปถึงสันหลังไม่ได้ เมื่อเสียงปืนยังคงยังก้องอยู่ในโสตประสาท “อ๊ะ! แย่แล้ว” ยังไม่ทันที่จะไปให้พ้นจากจุดเดิม เม็ดฝนเริ่มปรอยลงมาและดูเหมือนจะหนาเม็ดมากขึ้นเรื่อยๆ ผสานเสียงคำรามกึกก้องจากฟากฟ้า ฝนที่หนาเม็ดถูกซัดไปตามแรงลม มันเทกระหน่ำลงมาราวฟ้ารั่ว ดูเหมือนร่มเงาจากปาล์มจะไม่ช่วยคุ้มกันอะไร เมื่อเห็นว่าดูท่าแล้วหากพากันกลับไปที่รถคงจะเปียกปอนกันทั้งคู่ สารวัตรแทนไทจึงรีบคว้าข้อมือบาง แล้วฉุดรั้งให้อีกฝ่ายวิ่งตามเขาไป “เดี๋ยว สารวัตร ไปไหนคะ” “ผมจะพาคุณไปหลบฝนก่อน ที่นั่น” ชายหนุ่มวิ่งไปยังกระท่อมคนงาน ที่ปลูกสร้างขึ้นมาอย่างง่ายๆ เอาไว้ใช้พักผ่อนชั่วคราวเมื่อยามพักเหนื่อยจากการงาน ซึ่งเขาคะเนดูแล้วว่าระหว่างวิ่งไปที่กระท่อมกับวิ่งไปที่รถ ระยะทางนั้นต่างกันอยู่มากทีเดียว ‘แย่แน่ๆ หากพี่ปราบต์กลับมาแล้วไม่เจอ เป็นเรื่องแน่’ หญิงสาวห่อไหล่เข้าหากันด้วยความหนาวจากลมฝนที่โชยมาปะทะผิวกาย เสื้อผ้าที่เปียกชื้นช่วยทวีความหนาวเหน็บให้มากขึ้นกว่าเดิม เธอคิดอย่างกลัดกลุ้มขณะเดินไปหย่อนกายนั่งลงบนแคร่ไม้ ได้แต่ภาวนาว่าขออย่าให้ปฐพีกลับบ้านมาตอนนี้ ขอให้เขาไปธุระนานๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีเรื่องอะไรมาให้ต้องทะเลาะกันอีก “คุณพิมพ์คงหนาว ใส่เสื้อไว้นะครับ” “มะ ไม่เป็นไรค่ะ” พิมพ์ณาราดึงสติกลับมา เมื่อจู่ๆ อีกฝ่ายก็ถอดเสื้อคลุมของตนแล้วนำมาห่มคลุมให้เธอ โชคดีที่เสื้อของเขาเป็นหนังแบบกันน้ำก็เลยพอช่วยได้ อารามตกใจกับการกระทำของชายหนุ่มข้างกาย ทำให้หญิงสาวรีบปัดป้องเป็นพัลวัน “สวมไว้สิครับ ร่างกายจะได้อบอุ่น” “สารวัตรสวมไว้เถอะค่ะ เพื่อนไม่หนาวเท่าไหร่ พอทนได้ค่ะ” “อย่าดื้อสิครับ เดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้ มาสิ ผมสวมให้” “มะ ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวเพื่อนสวมเอง” เพราะความที่ไม่อยากให้เขาเข้าใกล้ หญิงสาวจำต้องตามใจเขาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เพราะไม่เช่นนั้นเขาคงจะต้องหาวิธีสวมเสื้อให้เธอจนได้อย่างแน่นอน ไม่วายเขยิบกายออกห่างอีกฝ่าย จากการที่เขาหย่อนกายนั่งลงเคียงข้างกัน ท่าทีหวงเนื้อหวงตัวของเธอ ทำให้แทนไทหรี่ตามองด้วยความสงสัย ที่เขาแปลกใจเพราะเธอแต่งงานแล้ว คนมีสามีแล้วไม่น่าที่จะแสดงออกถึงความไว้ตัวเช่นนี้ ชายหนุ่มคิดถึงความน่าจะเป็น ความแปลกของคู่สามีภรรยาที่เพิ่งมาอยู่ใหม่ ทำให้เขาเริ่มที่จะสนใจหญิงสาวตรงหน้ามากขึ้นเป็นทวีคูณ ในแววตาของเธอเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ และเหมือนจะมีเรื่องราวมากมายให้เขาค้นหา แม้เธอจะมีเจ้าของอยู่แล้วก็ตามที นั่นแหละคือความตื่นเต้นและท้าทายอย่างหนึ่ง แทนไทคิดพลางลอบมองเสี้ยวหน้าของคนข้างกายอย่างพินิจพิจารณา “หม่องซา” ปฐพีเดินกางร่มมาหน้าบ้านพักคนงาน เมื่อเขากลับมาแล้วไม่พบพิมพ์ณาราอยู่ในบ้าน ชายหนุ่มตะโกนเรียกคนงานพม่าที่เคยไหว้วานใช้งานอยู่บ่อยๆ เพื่อถามไถ่ให้รู้เรื่องว่าเธอไปไหนกับใคร “หมองซา…หม่องซา…นี่นายหูหนวกรึไงวะ” ชายหนุ่มเริ่มหัวเสีย เมื่อเรียกหลายครั้งแล้วลูกน้องไม่ยอมขาน ด้วยยามนี้ใจของเขาร้อนรุ่มอย่างไม่เคยเป็น จนพานให้มองอะไรก็หงุดหงิดไปเสียหมด “ครับๆ มาแล้วครับ” อีกฝ่ายวิ่งหน้าตื่นมาเปิดประตูบ้าน ก่อนทำสีหน้าเลิกลั่กอย่างมีพิรุธ เพราะเริ่มจะหวาดหวั่นกับสีหน้าที่บอกบุญไม่รับของเจ้านาย ที่มายืนเท้าเอวอยู่ถึงหน้าประตูบ้านในเวลานี้ “นายหญิงไปไหน” “ไป…เอ่อ…ไป” “ไปไหนเล่า อึกอักอยู่นั่นล่ะ” “เห็นสารวัตรมารับ แล้วก็ออกไปด้วยกันครับ” อีกฝ่ายพูดไทยสำเนียงพม่าพลางก้มหน้างุด ด้วยกลัวว่าจะถูกลูกหลงที่ไม่ยอมดูแลเจ้านายสาว ปล่อยให้ออกไปกับผู้ชายคนอื่นเพียงลำพัง “ให้มันได้อย่างนี้สิแม่คุณ” คนพูดกัดฟันกรอด เพียงได้ทราบจากปากคนงานว่าพิมพ์ณาราออกไปกับสารวัตรแทนไท และป่านนี้ยังไม่กลับมา ชายหนุ่มก็ถึงกับนั่งไม่ติด เพราะฝนที่โหมกระหน่ำลงมาและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง ทำให้เขาอดที่จะคิดเป็นห่วงไม่ได้ว่าเธอไปติดฝนอยู่ที่ไหนกันแน่ “นี่ถ้าฉันแจ้งจับตำรวจข้อหาบุกรุก และลักพาเมียชาวบ้าน จะมีใครว่าอะไรมั้ยนะ” พูดพลางหันหลังกลับแล้วก้าวเดินฉับๆ กลับไปที่รถ และไม่ต้องคิดให้มากความ กระบะสี่ล้อโฟร์วีลห้อตะบึงแล่นฝ่าสายฝนออกไปอย่างรวดเร็ว ตามอารมณ์ที่พุ่งพล่านของคนขับ ไปพร้อมกับพายุทอร์นาโดลูกใหญ่ ที่พร้อมจะทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้าจนแหลกเป็นจุล
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD